เศรษฐกิจแบ่งปัน (Sharing Economy) กลายเป็นคำฮิตในโลกธุรกิจที่คนทั่วไปสัมผัสได้ ผ่านบริการเรียกใช้พาหนะตามสั่งบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ (On Demand Mobility- ODM) และมักเป็นประเด็นร้อนเกี่ยวโยงหลายด้านทุกครั้งเมื่อไปดำเนินธุรกิจตามประเทศต่างๆ ไม่ต้องอื่นไกล ดูได้จากเรื่องวุ่นๆของ Grab ในไทยเมื่อต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา แต่ให้หลังไม่กี่วัน ODM ในชาติเอเชียตะวันออกยักษ์ก็กินพื้นที่สื่อได้เช่นกัน ต่างตรงที่ความน่าสนใจและระดับนัยสำคัญ เพราะเป็นข่าว Apple ค่ายเทคโนโลยีอเมริกัน ทุ่มเงินถึง 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราว 35,000ล้านบาท) ลงทุนใน Didi Chuxing แอพเรียกแท็กซี่เบอร์หนึ่งของจีนที่กำลังเนื้อหอมสุดๆ และมีโอกาสเติบโตสูงมาก
World Marketeer 2 คนล่าสุดคือ Cheng Wei ผู้ก่อตั้งซึ่งควบตำแหน่งประธานฝ่ายบริหาร และ Jean Liu ประธานบริษัทของ Didi Chuxing โดยเรื่องทั้งหมดเริ่มขึ้นในปี 2012 ที่ Wei อดีตผู้บริหารอายุหนุ่มน้อยสุดของ Alibaba อยากหาธุรกิจทำและปิ๊งไอเดียจากการที่พลาดเครื่องบินบ่อยๆ เพราะหารถแท็กซี่ไปสนามไม่ได้ จึงสร้างแอพเรียกแท็กซี่ขึ้นในชื่อ Didi Dache แม้มีความก้าวหน้าทางธุรกิจอย่างต่อเนื่องและจำนวนผู้ใช้เพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว ขนาดที่สามารถปฏิเสธเงินลงทุนของ Goldman Sachs วาณิชธนกิจชื่อดังได้ แต่บันฑิตคณะวิทยาการเคมี มหาวิทยาลัยปักกิ่งก็รู้ดีว่า Kuaidi Dache คู่แข่งในตลาดเดียวกันเป็น
หนามยอกอก
ข้ามมาที่ Jean Liu ลูกสาว Liu Chuanzhi ผู้ก่อตั้ง Lenovo แบรนด์คอมพิวเตอร์ดัง “แดนมังกร” เจ้าของปริญาโทจากคณะวิทยาการคอมพิวเตอร์มหาวิทยาลัย Harward ซึ่งทำงานกับ Goldman Sachs มานานถึง 12 ปี โดยปี 2014 ได้งานใหม่เป็นหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการของ Kuaidi Dache ที่สัมผัสได้ว่าธุรกิจขยายตัวไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยเพราะมี Didi Chuxing เป็นอุปสรรคอย่างไรก็ตามการขับเคี่ยวกันของทั้งสององค์กรยุติลงแบบ Win Win ด้วยแผนควบรวมกิจการจนเกิดเป็น Didi Chuxing เมื่อกุมภาพันธ์ 2015 ซึ่งปัจจุบัน มีพลขับแท็กซี่ลงทะเบียนไว้ 14 ล้านคน มีผู้ใช้ 300 ล้านคนใน 400 เมือง ครองส่วนแบ่งตลาด ODM จีนถึง 87% บีบ Uber คู่แข่งสัญชาติอเมริกันแทบไม่มีที่ยืนและยอมรับว่าต้องขาดทุนถึงปีละ 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
สำหรับแรงจูงใจที่ผลักดันให้ Apple เลือกลงทุนครั้งใหญ่กับ Didi Chuxing พร้อมสร้างปรากฏการณ์พลังสามประสานเพื่อความก้าวหน้าทางธุรกิจนั้นคาดว่ามีเหตุผลหลายประการ ไม่ว่าเป็นเพื่อเจาะตลาดแอพเรียกแท็กซี่ขนาดใหญ่สุดในโลกที่อาจปูทางสู่การเข้าถึงรัฐบาลจีน เพิ่มโอกาสกระจายสินค้าในประเทศพี่ใหญ่แห่งเอเชียบูรพา และเก็บข้อมูลการอินเตอร์เน็ตของผู้บริโภค “ตี๋หมวย” รวมถึงความเป็นไปได้ในการเข้าสู่อุตสาหกรรมรถยนต์หลังได้ตัววิศวกรรมยานยนต์แบรนด์ดังทั้ง Ford และTesla มาร่วมงานที่อาจต่อยอดไปสู่รถขับเคลื่อนเองอัตโนมัติ
ฝ่าย Didi Chuxing ซึ่งดึงดูดเงินลงทุนไม่น้อยจากทั้ง Alibaba และ Tencent ก่อนหน้านี้และมีบริการหลากหลายตั้งแต่แอพเรียกแท็กซี่ เรียกรถประจำทาง เรียกคนขับไปจนถึงเรียกรถใหม่มาทดลองขับ จะได้พันธมิตรเป็นแบรนด์ระดับโลกที่จะช่วยเสริมแกร่งเพื่อรับมือกับ Uber ที่รุกเข้ามาและเสริมภาพลักษณ์ในการขยายธุรกิจไปต่างประเทศ โดย Liu กล่าวว่า “Big Deal กับ Apple ไม่ต่างจาก Speed Dating ที่ทั้งสองฝ่ายต้องเร่งทำความรู้จักกันให้เร็วที่สุดเพื่อประโยชน์ในการสานสัมพันธ์ แม้ต่างฝ่ายจะรู้จักกันดีอยู่แล้ว เพราะหมายตากันมานานและมีธุรกิจที่เกี่ยวโยงกันอยู่” ส่วนแผนในอนาคตนั้น ผู้บริหารคุณแม่ลูกสามวัย 38 เผยว่า “อยากใช้ Big Data และ AI ให้เป็นประโยชน์ในการพัฒนาบริการ เช่นเตือนคนขับให้พร้อมไว้เมื่อถึงย่านที่มีผู้ใช้บริการมาก และมีแนวโน้มว่าบริการทั้งหมด จะขยายไปยังต่างประเทศเพื่อช่วยการเดินทางของชาวจีนในต่างให้แดนสะดวกยิ่งขึ้นด้วย
ที่มา : bloomberg.com ,wikipedia.com ,cnbc.com ,forbes.com
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ Website: Marketeeronline.co
Facebook: www.facebook.com/marketeeronline



