เบอร์เกอร์คิง เผยภาพรวมตลอดปี 2566 ยอดขายเติบโตสูงสุดในรอบ 20 ปี ได้การปั้นกระเเสไวรัลช่วยไว้ มุ่งทำแบรนด์ให้คนไทยรู้จัก เตรียมรีลอนช์เมนูดังในอดีตกลับมา
แม้จะเข้ามาดำเนินการในไทยช้ากว่าคู่แข่งอื่น เเต่เบอร์เกอร์คิง (Burger King) สามารถสร้างการรับรู้เเบรนด์ไปได้ 60% เเล้ว โดยที่ปัจจัยความสำเร็จหลักมาจากกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภค โดยเฉพาะในปีนี้ที่กระเเสเบอร์เกอร์ชีส 20 ชั้น ส่งผลให้เบอร์เกอร์คิงไทยเเลนด์ได้รับความสนใจไปทั่วโลก ภาพรวมผลการดำเนินธุรกิจ 11 เดือนแรกของปี 66 เติบโตทะลุนิวไฮ
คุณเจริญชัย บำรุงวงศ์ทอง Marketing Director บริษัท เบอร์เกอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลา 11 เดือนที่ผ่านมาของปี 2566 เบอร์เกอร์คิงเติบโตสูงสุดในรอบ 23 ปี เป็นผลจากกลยุทธ์การพัฒนาใน 4 ด้าน ได้แก่
- การขยายสาขาเพิ่มเติมรวมถึงปรับปรุงสาขาเดิมไปมากกว่า 10 สาขา เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงได้มากขึ้น ปีหน้าตั้งเป้าเปิดสาขาใหม่อย่างน้อย 5 สาขา จะทำให้เบอร์เกอร์คิงมีสาขารวมทั้งสิ้น 123 แห่ง
- ด้วยความที่เบอร์เกอร์ยังไม่ใช่อาหารที่คนไทยเลือกรับประทานในมื้อหนึ่งเป็นตัวเลือกแรก เเบรนด์จึงต้องพัฒนาเมนูใหม่และเมนูเดิมที่มีอยู่ ให้รสชาติถูกจริตคนไทยมากขึ้น เช่น พายขนมครก เมนูข้าว และไก่ทอดหาดใหญ่ ซึ่งได้รับกระแสตอบรับอย่างดีจากผู้บริโภค เพื่อให้ลูกค้ามีตัวเลือกที่มากกว่าแค่เบอร์เกอร์ ปีหน้าตั้งเป้าลอนช์สินค้าใหม่ประมาณ 5 เมนู ทั้งเมนูใหม่และเมนูดังที่นำกลับมาจำหน่ายอีกครั้ง
นอกจากโปรดักส์ ยังมีโปรโมชั่นที่มาพร้อมความคุ้มค่าคุ้มราคา คาดหวังว่าจะสามารถดึงยอดการใช้จ่ายต่อบิลเพิ่ม 20% ในปีหน้า
- พัฒนาช่องทางในการจำหน่ายให้หลากหลาย ทั้งการสั่งหน้าร้าน ไดรฟ์ทรู ระบบ self-pick up หรือการสั่งล่วงหน้า ตู้คีออส ซึ่งตอนนี้ให้บริการใน 9 สาขา ตลอดจนแอปพลิเคชัน เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้บริโภคได้อย่างครอบคลุมมากที่สุด โดยที่ผ่านมาแอปพลิเคชันมีการดาวน์โหลดไปแล้วกว่า 300,000 บัญชี มี Active users 20,000 คน
- อีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญคือการทำแคมเปญการตลาดออนไลน์เพื่อสื่อสารถึงผู้บริโภคแบบเรียลไทม์ เช่น แคมเปญ The Real Burger ที่เป็นการโปรโมตแท็กไลน์ของร้าน Have It Your Way จนเป็นที่มาของปรากฏการณ์ Real Cheese Burger เบอร์เกอร์ชีสล้วน 20 แผ่น และ Real Meat Burger เบอร์เกอร์เนื้อ 100 ชิ้น ที่สร้างกระแสไวรัลบนโลกออนไลน์ทั่วประเทศไทย และทั่วโลก
ซึ่งแคมเปญดังกล่าวส่งผลให้ยอดเอนเกจเมนต์บนเฟซบุ๊กแฟนเพจเบอร์เกอร์คิงเพิ่มขึ้นกว่า 3,000% และขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ไปได้เพิ่มขึ้น 50% รวมถึงยอดการลงทะเบียนในแอปพลิเคชันก็เพิ่มขึ้นถึง 4 เท่า มากไปกว่านั้นคือสร้างยอดขายนิวไฮในช่วงระยะเวลาที่ออกแคมเปญให้เพิ่มขึ้นกว่า 20%
สำหรับช่วงท้ายของปี 2566 เวลาแห่งการเฉลิมฉลองเป็นช่วงไฮซีซั่น เบอร์เกอร์คิงกระตุ้นตลาดต่อเนื่องผ่านแคมเปญ “โบโลเนส คอลเลคชัน” (Bolognese Collection) ที่นำเอาซอสโบโลเนส หรือซอสแดงมาทำเป็นเมนูใหม่พร้อมสร้างไวรัลบนโลกออนไลน์ตั้งแต่ยังไม่วางจำหน่าย
ชูจุดขายด้วยการนำซอสโบโลเนสชื่อดังของอิตาลี มาเป็นส่วนประกอบในเมนูทั้งหมด 3 เมนู ได้แก่ เบอร์เกอร์ไก่ชิ้นยาวซอสแดง ดับเบิ้ลเบอร์เกอร์เนื้อซอสแดง และเฟรนช์ฟรายส์ชีส ซอสแดง
และความพิเศษของเมนูนี้ ยังมีไฮไลท์ที่ชื่อเมนูที่มาจากการสร้างแคมเปญบนเฟซบุ๊ก Burger King Thailand โดยให้ผู้ติดตามช่วยกันตั้งชื่อเมนูใหม่ที่กำลังจะวางจำหน่าย เเละนำชื่อที่ตั้งโดยแฟนคลับมาใช้ในเมนูพร้อมจำหน่ายจริง
แคมเปญดังกล่าวยังเป็นหนึ่งกลยุทธ์ที่จะช่วยทำให้ผู้บริโภคจดจำสินค้าได้ง่ายขึ้น และสามารถสั่งซื้อได้อย่างสะดวก สะท้อนการเป็นแบรนด์ที่มีการสร้างคอมมูนิตี้ที่แข็งแกร่งระหว่างแบรนด์และผู้บริโภคอย่างแท้จริง
อย่างไรก็ตาม การตลาดในโลกออนไลน์เเข่งขันกันสูง การอาศัยกระเเสไวรัลอาจไม่ได้ผลเสมอไป เกมจึงยากขึ้นเมื่อมีคู่เเข่งลงเล่นคล้าย ๆ กัน แต่สำหรับเบอร์เกอร์คิงเเล้ว วางคาเเรกเตอร์มาได้อย่างชัดเจน สร้างความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์กับลูกค้าได้อย่างเหนียวเเน่นในระดับหนึ่งเเล้ว การแข่งขันที่ร้อนระอุจึงไม่เป็นอุปสรรคต่อแบรนด์นัก
ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าแคมเปญนี้จะมาช่วยส่งเสริมทำให้ภาพรวมผลการดำเนินธุรกิจในปี 2566 ผลักดันการเติบโตของธุรกิจในช่วงท้าย และภาพรวมการดำเนินงานของธุรกิจในปีนี้เติบโตทะลุเป้าได้มากกว่า 20% ขณะที่ทิศทางธุรกิจในปี 2567 จะยังคงเดินหน้าพัฒนาเมนูใหม่ ๆ พร้อมกับการขยายสาขาให้ครอบคลุมทั่วทั้งประเทศมากขึ้น และเดินหน้าสู่การเป็น Restaurant as a Future ตอบโจทย์ผู้บริโภคทุกเพศทุกวัยครอบคลุมทุกด้าน
–


