แดรี่ควีน จะทำอย่างไรในวันที่ตลาดซอฟต์เสิร์ฟมีคู่แข่งหลากรุ่น

ตลาดไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟ แข่งขันกันสนุกขึ้น จากคู่แข่งรายใหม่ ๆ ที่เข้ามาในตลาดอย่าง Mixue จากประเทศจีนที่เติบโตผ่านการขยายสาขาจำนวนมาก การเริ่มเข้ามาทำตลาดของ Ai-CHA จากประเทศอินโดนีเซีย และในตลาดนี้ยังมีแบรนด์เครื่องดื่ม, อาหาร และอื่น ๆ หลากหลายแบรนด์ที่มีไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟเป็นหนึ่งในเมนูให้กับลูกค้าก่อนหน้านั้น

บนการแข่งขันที่ใคร ๆ ต่างลงเล่นไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟ ผู้อยู่ในธุรกิจไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟในประเทศไทยยาวนานถึง 28 ปีอย่างแดรี่ควีน ได้วางกลยุทธ์ที่น่าสนใจ 4 ประการ ที่จะสร้างการเติบโตต่อเนื่องดับเบิลดิจิตในปี 2567 ตามเป้าหมายที่ ธนกฤต กิตติพนาชมน์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ไมเนอร์ ดีคิว จำกัด ในเครือไมเนอร์กรุ๊ป ผู้ดำเนินธุรกิจร้านไอศกรีมแดรี่ควีน ได้วางไว้

โดยกลยุทธ์นี้ประกอบด้วย

1. วางโพสิชันนิ่งแบรนด์

ที่ผ่านมาแดรี่ควีนมีกลุ่มเป้าหมายหลักที่มีอายุ 18-33 ปี และในปีนี้มีแผนปรับภาพลักษณ์แบรนด์บนแนวทาง The Playground for a Sweet Pause” หรือ ที่ที่ให้คุณได้แวะพัก เติมพลังให้กับชีวิต บนคาแรกเตอร์ Modern, fun-loving, energetic ทันสมัย รักสนุก และมีพลัง ผ่านการออกสินค้าใหม่ การเพิ่มช่องทางสั่งอาหารผ่าน QR Code และชำระเงินผ่านออนไลน์ เพื่อเข้าถึงคนรุ่นใหม่มากยิ่งขึ้น

 

2. ไอศกรีมไม่พอ ต้องชูเครื่องดื่มและรสชาติซีซันนอล

แดรี่ควีนมียอดจำหน่ายมาจากไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟต่าง ๆ เช่น บลิซซาร์ด, ไอศกรีมโคน, ไอศกรีมซันเด 65%

เค้กไอศกรีม 25%

เครื่องดื่ม 10%

โดยในกลุ่มของไอศกรีม บลิซซาร์ด เป็นสินค้าฮีโร่ที่สร้างยอดจำหน่ายได้ในสัดส่วน 60% ของรายได้กลุ่มไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟทั้งหมด และมีการเติบโตด้านยอดจำหน่ายในปีที่ผ่านมา ส่วนไอศกรีมโคนมียอดจำหน่ายที่ลดลง อาจเพราะลูกค้าหันไปเลือกซื้อบลิซซาร์ดที่มีความคุ้มค่ากว่าแทน

สำหรับสัดส่วนของเครื่องดื่มที่ยังสร้างรายได้ให้กับแดรี่ควีนไม่มากนักเมื่อเทียบกับสินค้าอื่น ๆ  ในปีนี้แดรี่ควีนมีความต้องการผลักดันให้เครื่องดื่มเป็นเมนูที่สร้างรายได้เพิ่มขึ้น ผ่านเมนูเดิมที่มีอยู่และเมนูใหม่ ๆ ที่เป็นเมนูซีซันนอล

การให้ความสำคัญกับเมนูเครื่องดื่มในปีนี้ ธนกฤตมองว่าเป็นหนึ่งในเมนูที่จะสามารถเข้าถึงลูกค้าที่ต้องการเครื่องดื่มที่ให้ความสดชื่นไว้ดื่มช่วงบ่ายได้ และยังเป็นการดึงดูดให้ลูกค้าที่มาเป็นกลุ่มเลือกเข้าแดรี่ควีน เพราะมีทั้งไอศกรีมและเครื่องดื่มรองรับความต้องการที่ไม่เหมือนกัน

นอกจากการให้ความสำคัญกับเมนูเครื่องดื่ม ในปีนี้ยังคงสร้างจุดขายดึงดูดลูกค้าผ่านเมนูซีซันนอลเหมือนกับทุกปีที่ผ่านมา เพื่อสร้างประสบการณ์ในการรับประทานแดรี่ควีนมากกว่าเมนูปกติ

โดยเมนูซีซันนอลของแดรี่ควีน ธนกฤตให้ข้อมูลว่าในแต่ละปีจะมีแคมเปญเมนูใหม่ ๆ หรือการนำเมนูที่เคยขายแล้วมาจำหน่ายใหม่ประมาณ 7 แคมเปญ ในช่วงเวลาแคมเปญละ 30-45 วัน และแคมเปญซีซันนอลสามารถสร้างการเติบโตในช่วงเวลานั้นได้เฉลี่ย 9-15%

ซึ่งเมนูในแคมเปญซีซันนอลของแดรี่ควีนธนกฤตใช้เวลาในการพัฒนาก่อนนำออกจำหน่ายแต่ละเมนูนานถึง 1 ปี เพราะใช้เวลาในการดีไซน์เมนู เทสต์การตอบรับจากกลุ่มตัวอย่าง ประมาณ 6 เดือน ก่อนที่จะส่งเมนูที่จะจำหน่ายไปให้แดรี่ควีนบริษัทแม่อนุมัติอีก 6 เดือน และบางเมนูเป็นเมนูเฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น

 

3. สาขาที่มากกว่าคีออส Grab and Go และในพื้นที่มอลล์

ปัจจุบันแดรี่ควีนมีสาขาทั้งสิ้น 520 สาขา แบ่งเป็นสาขาที่เปิดเอง 230 สาขา และแฟรนไชส์ 290 สาขา  ในปีนี้แครี่ควีนมีแผนขยายสาขาเพิ่ม 40 สาขา แบ่งเป็นสาขาที่เปิดเอง 20 สาขา และแฟรนไชส์ 20 สาขา ก่อนที่จะขยายสาขาเพิ่มเป็น 1,000 สาขาภายใน 5 ปีต่อจากนี้

สาขาที่เปิดใหม่ในปี 2567 จะเน้นไปยังพื้นที่นอกมอลล์มากขึ้น เช่น มหาวิทยาลัย โรงพยาบาล แหล่งชุมชนในรูปแบบสแตนด์อโลน และร้านแวร์เฮาส์อย่างแม็คโคร, โกโฮลเซลล์

พร้อมรีโนเวตสาขาเดิมที่มีอยู่ 80 สาขาให้มีความทันสมัยมากขึ้น

นอกจากนี้ ยังมีการเปิดร้าน DQ Lounge Concept เพิ่มขึ้นจากเดิมที่นำร่องเปิด 1 สาขาที่เซ็นทรัลเวสต์เกต เพิ่มอีก 10 สาขา เป็นสาขาที่เปิดเอง 8 สาขา และแฟรนไชส์ 2 สาขาในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล เพื่อเข้าถึงโอกาสใหม่ ๆ จากลูกค้าที่เข้ามานั่งในร้าน มีเวลาเลือกดูเมนู และลองสั่งเมนูใหม่ ๆ ที่ให้บริการในร้าน

สาขา DQ Lounge Concept จะเป็นสาขาที่เน้นพื้นที่นั่งรับประทานในร้าน และเมนูใหม่ ๆ เช่น เบเกอรี่ และพาร์เฟต์ ซึ่งที่ผ่านมาสาขา DQ Lounge Concept เซ็นทรัลเวสต์เกตสามารถสร้างยอดจำหน่ายต่อบิล 80 บาท ส่วนสาขาคีออส Grab and Go 60 บาทต่อบิล

และเลือกเปิดตามพื้นที่ที่มีศักยภาพจากลูกค้าที่หลากหลาย และเป็นพื้นที่ที่มีแดรี่ควีนรูปแบบคีออส Grab and Go เปิดให้บริการอยู่แล้ว

โดยธนกฤตคาดหวังว่าในอนาคตสาขา DQ Lounge Concept จะเปิดในทุกจังหวัด จังหวัดละ 1 สาขา เพื่อให้บริการลูกค้าในแต่ละพื้นที่ และการเปิด DQ Lounge Concept มีโอกาสจากการมองเห็นคนต่างจังหวัดที่เข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ มีพฤติกรรมกลับไปทำงานที่บ้านและจังหวัดตัวเองมากขึ้น และมีการขยายตัวของร้านอาหาร คาเฟ่ต่าง ๆ ที่มีคอนเซ็ปต์ และมีการตัดราคาอาหารและเครื่องดื่มที่สูงในต่างจังหวัดจำนวนมาก

นอกจากนี้ แดรี่ควีนยังมีแผนขยายสาขาและเข้าถึงลูกค้าผ่านรถแดรี่ควีน EV Truck ที่จำหน่ายไอศกรีมแครี่ควีน

ซึ่งการขยายไปสู่ EV Truck ธนกฤตมองว่าสามารถพาแบรนด์เข้าถึงลูกค้าในพื้นที่ต่าง ๆ เช่น งานอีเวนต์ ได้เป็นอย่างดี

และยังสามารถใช้ EV Truck เป็นร้านค้าทดลองตลาดให้กับแฟรนไชส์ที่มีทำเลเปิดสาขาใหม่ ๆ ในอนาคต ก่อนที่จะลงทุนเปิดร้านจริงได้อีกด้วย

 

4. สื่อสารสร้างประสบการณ์ ผ่านพนักงานและโซเชียลมีเดีย

การสื่อสารของแดรี่ควีนให้ความสำคัญกับโซเชียลมีเดียเป็นหลัก ผ่านโซเชียล เช่น ติ๊กต็อก เฟซบุ๊ก รวมถึงการใช้ช็อตวิดีโอต่าง ๆ เช่น ขั้นตอนการทำเค้กไอศกรีมจากหน้าร้าน เพื่อสร้าง Engagement และรับรู้ถึงคุณภาพของแดรี่ควีนที่ทำจากหน้าร้านโดยพนักงานสาขาทุกเมนู เป็นต้น

อย่างไรก็ดี การเติบโตของ แดรี่ควีน ในประเทศไทยในช่วงที่ผ่านมา เป็นการเติบโตอย่างต่อเนื่องทุกปี

อ้างอิงจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าพบว่าบริษัท ไมเนอร์ ดีคิว จำกัด มีผลประกอบการหลังโพสต์โควิด-19 ดังนี้

2564 รายได้รวม 1,017.57 ล้านบาท กำไร 39.51 ล้านบาท

2565 รายได้รวม 1,439.38 ล้านบาท กำไร 151.53 ล้านบาท

ส่วนในปี 2566 ธนกฤตให้ข้อมูลว่าแดรี่ควีนมีการเติบโตถึง 30% ด้านรายได้

 

และสำหรับปีนี้แดรี่ควีนจะเติบได้ตามที่หวังหรือไม่ สิ้นปีดูกัน เพราะตลาดนี้เริ่มมีคู่แข่งที่หลากหลายกว่าเดิม

อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ 
Website : Marketeeronline.co / Facebook : www.facebook.com/marketeeronline

 


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer