Work: หากลองกวาดตาดูไปในแทบทุกบริษัทยุคนี้ จะเห็นว่าสุดปลายด้านหนึ่งคือ Babyboom อายุ 60-78 ปี ซึ่งถึงวัยเกษียณ ส่วนสุดปลายอีกด้านหนึ่งคือ Gen Z อายุระหว่าง 12-27 ปี ซึ่งอายุมากสุดของรุ่นก็เพิ่งทำงานได้ไม่กี่ปี

โดยมี Gen X ที่อายุระหว่าง 44 ถึง 59 ปี กับ Gen Y อายุระหว่าง 28 ถึง 43 ปี อยู่ตรงกลาง จึงกล่าวได้เต็มปากว่า เป็นยุคที่สังคมการทำงานมีความหลากหลายของช่วงวัยมากสุด นี่ทำให้การทำความเข้าใจคนรุ่นต่าง ๆ สำคัญมาก

ตีกรอบให้แคบเข้า ลงมาเหลือเฉพาะ Gen X ถือเป็นคนสำคัญของหลายบริษัท เพราะด้วยวัยวุฒิและประสบการณ์ที่มาก ส่วนใหญ่จึงขึ้นเป็นหัวหน้าแผนกหรือผู้บริหารระดับกลางแล้ว และใกล้ ๆ จะขึ้นเป็นซีอีโอต่อจาก Babyboom ที่ถึงวัยเกษียณ

ทว่าด้วยผลงานที่ยังไม่เข้าตา การเมืองในบริษัท หรือเจ้าของบริษัทอยากให้ลูกเข้ามารับช่วง ก่อนเกษียณ Gen X บางส่วนจึงยังไม่ได้ก้าวหน้าไปตามที่หวัง และจำเป็นต้องมี Gen Y หรือ Gen Z เป็นหัวหน้า  

คำถามที่ตามมาคือ Gen Y หรือ Gen Z จะบริหารความสัมพันธ์ ทำงานร่วมและสั่งงานอย่างไรให้ผลงานของ Gen X ออกมาดี

มีความท้าทาย: เคล็ดลับข้อแรกในการทำงานกับ Gen X ให้งานมีประสิทธิผลสูงสุด คือ ให้งานที่ท้าทายกับพวกเขา เพราะจุดเด่นของคนรุ่นนี้คือเป็นนักแก้ปัญหา ซึ่งมาจากเป็นคนรุ่นแรกที่ต้องพึ่งพาตัวเองให้ได้

หลังพ่อกับแม่ต่างก็ต้องไปทำงานนอกบ้านเต็มตัว ส่วนบ้านไหนที่พ่อแม่รักษาความสัมพันธ์ไว้ไม่ได้ Gen X ก็โตมากับพ่อหรือแม่ที่เลี้ยงดูพวกเขามาคนเดียว ดังนั้น คนรุ่นนี้จึงไม่หวั่นงานยากและอยากโชว์ฝีมือเต็มที่

ได้เรียนรู้เรื่องใหม่ ๆ: เคล็ดลับข้อถัดมาที่ช่วยให้ Gen X สร้างงานดี ๆ กับองค์กร โดยเฉพาะเมื่อ Gen Y กับ Gen Z เป็นหัวหน้า Gen X คือ มอบหมายงานที่เปิดโอกาสให้พวกเขาได้เรียนรู้เรื่องใหม่ ๆ

เพราะพวกเขาเผชิญความเปลี่ยนแปลงมาแล้วมากมาย เช่น การเปลี่ยนผ่านจากยุคแอนาล็อกสู่ดิจิทัล และวิกฤตเศรษฐกิจโลกหลายครั้ง

รวมไปถึงเป็นยุคที่สิทธิต่าง ๆ ทั้งสิทธิสตรีและการแสดงออกทางเพศเริ่มเปิดกว้าง ดังนั้น พวกเขาจึงพร้อมเรียนรู้เรื่องใหม่ และมีแรงมีไฟที่จะหมุนตามโลกอยู่  

ใส่ใจ Family Time: มาถึงเคล็ดลับข้อ 3 ซึ่งจะช่วยให้ Gen X สร้างผลงานดี ๆ ให้บริษัท และทำงานร่วมกับหัวหน้าซึ่งอ่อนวัยกว่านั่นคือ ต้องให้พวกเขาได้มีเวลาพักผ่อนและใช้เวลาร่วมกับครอบครัว

หรือมีสมดุลระหว่างงานกับการใช้เวลาว่างที่ดี ซึ่งก็คือ Work-Life Balance ที่คนรุ่นหลังอย่าง Gen Y หรือ Gen Z ให้ความสำคัญเทียบเท่าหรือมากสุดในการพิจารณาสมัครงานนั่นเอง

เพราะเป็นคนรุ่นแรก ๆ ที่โตมากับพ่อแม่เลี้ยงเดี่ยวหลังการหย่าร้าง Gen X โดยเฉพาะที่มีครอบครัวจึงให้ความสำคัญกับการดูแลลูก ๆ หรืออยากเลี้ยงดูทายาทให้ดีสุด และอาจไปจนถึงติดตามความเคลื่อนไหวลูกอยู่ห่าง ๆ ตลอด

ไม่ต่างจาก Helicopter ที่ลอยตัวอยู่ด้านบนและได้ยินเสียงอยู่ไกล ๆ แต่รู้สึกได้ หรือ Helicopter Parents นี่ทำให้บริษัทต้องมีเวลาให้พวกเขาได้อยู่กับครอบครัวบ้างนั่นเอง  

เปย์ให้สมน้ำสมเนื้อ: เคล็ดลับข้อสุดท้ายที่ช่วยให้ Gen X ทำงานออกมาได้ดีคือ เงินเดือนและโบนัสที่ได้ต้องสมน้ำสมเนื้อกับงานที่ทำ โดยตามที่กล่าวไปแล้วว่า คนรุ่นนี้ไม่กลัวงานหนักและยาก ดังนั้น จึงพร้อมสู้งาน

แต่ขณะเดียวกันเงินค่าตอบแทนที่ได้ก็ต้องเหมาะสมด้วย เพราะเมื่อมีครอบครัวแล้ว อีกทั้งมีลูกให้เลี้ยงดูและพ่อแม่แก่เฒ่าให้ต้องดูแล Gen X จึงเป็นคนที่มีภาระค่าใช้จ่ายมากมายให้รับผิดชอบ ♦/linkedin


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer