SCGP ไตรมาส 1/2567 รายได้ 33,948 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 1 และกำไรสำหรับงวด 1,725 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 41 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เดินแผนขยายการลงทุน M&P ปรับพอร์ตสินค้าให้สอดคล้องกับสถานการณ์ตลาด และการบริหารจัดการต้นทุนอย่างรอบคอบ

 

คุณวิชาญ จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP กล่าวว่า ไตรมาสที่ 1/2567 SCGP มีรายได้จากการขาย 33,948 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 1 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นทั้งสายธุรกิจบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรและสายธุรกิจเยื่อและกระดาษ

มี EBITDA 5,151 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 15 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และกำไรสำหรับงวด 1,725 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 41 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการดำเนินงานตามกลยุทธ์การเติบโต การจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพตลอดห่วงโซ่คุณค่า

 

 

ทั้งการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตเพื่อลดต้นทุนด้วยการนำ Machine Learning และเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือ AI มาใช้ในกระบวนการผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์ และการบริหารต้นทุนวัตถุดิบกระดาษรีไซเคิลที่มีประสิทธิภาพในภูมิภาค

ด้วยเครือข่ายจัดหาวัตถุดิบที่ครอบคลุมในไทย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย รวม 155 แห่ง เพิ่มขึ้นกว่า 1 เท่าในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ท่ามกลางราคาวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ SCGP ได้วางงบลงทุน Merger & Partnership (M&P) 10,000 ล้านบาท ในธุรกิจที่มีศักยภาพการเติบโต เช่น ธุรกิจบรรจุภัณฑ์สินค้าอุปโภคบริโภค ธุรกิจบรรจุภัณฑ์กระดาษ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพและวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ ฯลฯ

เพื่อรองรับความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์ที่มีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องจากภาคการผลิตและส่งออก จากงบลงทุนรวมปีนี้ 15,000 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจาดีลที่คาดว่าจะได้ข้อสรุปในปีนี้

สำหรับการเติบโตผ่านการขยายกำลังการผลิต เดือนมีนาคมที่ผ่านมา SCGP ประสบความสำเร็จในการขยายกำลังการผลิตบรรจุภัณฑ์กระดาษลูกฟูกในจังหวัดสมุทรสาครและสมุทรปราการ โดยมีกำลังการผลิตส่วนเพิ่ม 75,000 ตันต่อปี คิดเป็นร้อยละ 9 ของกำลังการผลิตเดิมในประเทศไทย

ภาพรวมอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ในภูมิภาคอาเซียนฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง จากปัจจัยด้านเศรษฐกิจ ภาคการผลิต การส่งออก การท่องเที่ยวของไทยที่ดี ส่งผลให้ภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ ใช้บรรจุภัณฑ์เพิ่มขึ้น โดยธุรกิจบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรมียอดขายเติบโตทุกกลุ่มสินค้า และเริ่มเห็นสัญญาณฟื้นตัวของบรรจุภัณฑ์สินค้าคงทน

เช่น เสื้อผ้า รองเท้า จากอัตราเงินเฟ้อที่ลดลง ขณะที่ธุรกิจกระดาษบรรจุภัณฑ์ได้รับปัจจัยบวกจากความต้องการในประเทศและการส่งออกในบางพื้นที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในเอเชียใต้ ส่วนธุรกิจเยื่อและกระดาษ มียอดขายบรรจุภัณฑ์อาหารเพิ่มขึ้นจากปัจจัยการท่องเที่ยวฟื้นตัว

อย่างไรก็ตาม ความต้องการบรรจุภัณฑ์บางส่วนได้รับผลกระทบจากวันหยุดยาวช่วงเทศกาลปีใหม่ของประเทศจีนและประเทศเวียดนาม และอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ชะลอตัว

รวมถึงต้นทุนวัตถุดิบมีแนวโน้มค่อย ๆ ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามความต้องการบรรจุภัณฑ์ที่สูงขึ้น ต้นทุนด้านพลังงานอยู่ในระดับทรงตัว ขณะที่ค่าขนส่งปรับตัวสูงขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นปี ท่ามกลางความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลางและเริ่มลดลงในช่วงครึ่งหลังของไตรมาส

SCGP จึงมุ่งเน้นสร้างการเติบโตอย่างมีคุณภาพและยั่งยืน ด้วยการปรับพอร์ตสินค้าให้สอดคล้องกับสถานการณ์ตลาด และการบริหารจัดการต้นทุนอย่างรอบคอบเพื่อรักษาห่วงโซ่อุปทานเชิงกลยุทธ์ให้มีประสิทธิภาพ รวมถึงมุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในปี 2593 เพื่อร่วมลดคาร์บอนตามกรอบแนวคิด ESG



ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ

.
Marketeer ฉบับดิจิทัล : อ่านบน Ookbee / อ่านบน meb
.
Marketeer ฉบับ PDF : https://marketeermagazine.com/
.
Marketeer ฉบับกระดาษ : สั่งซื้อทางไปรษณีย์ Inbox มาที่ เพจ Marketeer Online