เซ็น เอกซ์ (Sen X) ฟอร์มทีมผู้บริหารลุยพร็อพเพอร์ตี้ แมเนจเม้นท์ เจาะตลาดพรีเมียม ส่งเสริม Recurring income ให้กลุ่มเสนาดีเวลลอปเม้นท์ ลุยพอร์ตบ้านเดี่ยวกลุ่มลักซ์ชัวรี มูลค่าโครงการ 2.6 พันลบ. เปิดไตรมาส 4/2024
คุณสุพินท์ มีชูชีพ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เซ็น เอกซ์ หรือ Sen X ในเครือบมจ. เสนาดีเวลลอปเม้นท์ กล่าวว่า การดำเนินงานปี 2023 ที่ผ่านมาของบริษัทเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ คือการกลับมาทำกำไร
ปี 2024 บริษัทจึงพร้อมรุกตลาดผู้ให้บริการด้านอสังหาริมทรัพย์อย่างครบวงจรต่อเนื่อง ด้วยการเสริมทัพทีมบริหารผู้คร่ำหวอดในวงการอสังหาริมทรัพย์กว่า 35 ปี รวมประสบการณ์บริหารจัดการที่อยู่อาศัย อาคารเชิงพาณิชย์ มาแล้วกว่า 300 โครงการ
โดยมอบโซลูชันด้านการบริการอย่างมืออาชีพให้แก่ลูกค้าผ่าน ‘4 กลุ่มธุรกิจหลักของบริษัท’ ดังนี้
- ธุรกิจ Sen X Property and Facilities Management ให้บริการด้านการบริหารจัดการนิติบุคคลที่อยู่อาศัย แบ่งออกเป็น 2 ส่วน
1.1 Property and Facilities Management ให้บริการด้านการบริหารจัดการนิติบุคคล เสริมทัพด้วยผู้บริหารที่เชี่ยวชาญในวงการอสังหาฯ อย่าง ‘ศิริศักดิ์ ศิลาจำรูญ’ นั่งแท่น ผู้ช่วยประธานกรรมการบริหาร
ยกระดับการให้บริการด้วยเทคโนโลยีที่ง่าย สะดวกสบาย และมุ่งสู่ความยั่งยืน พร้อมบุกตลาดอสังหาฯ ระดับพรีเมียม ด้วย Elite Services ซึ่งเป็นการบริการลูกบ้านระดับ World Class จากทีมงานมืออาชีพผ่านการอบรมตามมาตรฐานประเทศญี่ปุ่น (สากล)
รวมถึง Services Apartment ภายใต้แบรนด์ ‘SEN STAY’ ซึ่งปัจจุบันบริษัทให้บริการ Property and Facilities Management รับบริหารโครงการทั้งหมดกว่า 100 โครงการ
แบ่งเป็น คอนโดมิเนียม 65 โครงการและที่เหลือเป็นหมู่บ้าน ซึ่งสัดส่วนบริหารเป็นโครงการของบริษัทในเครือ 70% และโครงการอื่นภายนอก 30%
ปี 2024 บริษัทตั้งเป้าขยายสัดส่วนของการดูแลโครงการอื่นเพิ่ม มากกว่า 40% พร้อมขยายตลาดเชิงพาณิชย์ควบคู่ไปด้วย
1.2 Property Services การเป็นตัวแทนขายเช่าอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่อาศัย รวมถึงการเป็นที่ปรึกษางานขายและบริหารด้านการขายและการตลาด (Sole agent) ซึ่งเน้นกลุ่มตลาดคอนโดฯ ระดับพรีเมียม
โดยปัจจุบันดูแลโครงการของเสนาดีเวลลอปเม้นท์ ประกอบด้วย ปีติ สุขุมวิท 101 (PITI Sukhumvit 101), นิช ไพรด์ เอกมัย (Niche Pride Ekkamai) รวมถึงอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ เชิงอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์
นำทีมด้วย 2 ผู้อำนวยการบริหาร คือ ‘ปรีชา ศุภปีติพร’ และ ‘กมลภัทร แสวงกิจ’ ผู้คร่ำหวอดในแวดวงอสังหาฯ กว่า 25 ปี เสริมแกร่งทีมบริหารงานขายโครงการ ให้คำปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน ทั้งลูกค้าไทยและนักลงทุนชาวต่างชาติ
โดยมีเครือข่ายอยู่หลายประเทศ เช่น จีน ไต้หวัน เมียนมา อินเดีย มั่นใจว่าสามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตอันเหนือระดับ และเพิ่มมูลค่าของอสังหาฯ ในการลงทุนให้กับนักลงทุน และผู้อาศัยในอนาคตได้
- ธุรกิจ Sen X Property Development พัฒนาโครงการระดับลักซ์ชัวรี ที่ยังคงจุดเด่นบ้านใส่ใจสิ่งแวดล้อมด้วย Zero Energy Hous พร้อมตอบโจทย์ Smart Lifestyle
ไตรมาส 4/2024 มีแผนที่จะเปิดตัวโครงการบ้านเดี่ยวมูลค่าโครงการกว่า 2,600 ล้านบาท โซนรามอินทรา กม.9 ราคาขายหลังละ 30 ล้านบาท
- ธุรกิจ Sen X Digital ให้บริการพัฒนาแอปพลิเคชันช่วยในการบริหารงานอสังหาฯ และเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ผู้อยู่อาศัยอย่างครบวงจร ซึ่งบริษัทกำลังพัฒนาและยกระดับ Smart application 2 แอปฯ คือ
‘Smartify’ คือ smart living management application ที่ออกแบบจากการเรียนรู้และวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้อยู่อาศัยและผู้ใช้งาน ครบจบที่เดียว ตั้งแต่ การชำระค่าบริการ การแจ้งซ่อมแซม และติดตามสถานะแบบเรียลไทม์ งานเซอร์วิสต่าง ๆ ที่โครงการมีไว้ให้บริการ การสื่อสารและการแจ้งเตือน และยังมีการเพิ่มความปลอดภัย ด้วยฟังก์ชันการบันทึกข้อมูลต่าง ๆ ภายในที่อยู่อาศัย
‘Smartify home’ คือ Personalized smart platform for living ที่รวบรวมสินค้าและบริการที่หลากหลาย ครอบคลุมทุกความต้องการ
- ธุรกิจ Sen X Retail ให้บริการสินค้าผ่านแอปพลิเคชัน ‘Smartify home’ ที่เข้ามาช่วยแก้ปัญหาของลูกบ้าน ที่ซื้อบ้านหรือซื้อคอนโดฯ ใหม่ โดยอำนวยความสะดวกให้ผู้อยู่อาศัยเลือกซื้อของตกแต่งบ้านผ่าน Smartify home ครบจบที่เดียว
ซึ่งสินค้าจะถูก Tailored made ให้เข้ากับสไตล์และขนาดของที่อยู่อาศัยนั้น ๆ จากทีมงานมีฐานข้อมูลขนาดพื้นที่ของแต่ละ Unit type ในทุกโครงการอยู่แล้ว ทำให้ลูกบ้านไม่ต้องเสียเวลานัดช่างมาวัดพื้นที่หรือนัดติดตั้ง
นอกจากนั้น บริษัทยังเดินหน้าพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยี ภายใต้คอนเซปต์ Life simplified อาทิ บริการ ‘Intelligence First Mile – Last mile’ ที่นำ EV Shuttle ให้บริการ รับ-ส่ง เชื่อมต่อไปยังขนส่งสาธารณะ สามารถติดตามตำแหน่งรถผ่านแอปพลิเคชัน Smart Mobility
ปี 2024 บริษัทตั้งเป้ารายได้ 1,400 ล้านบาท เติบโต 40% เทียบกับปีก่อนหน้า โดยเป็นยอดจากการพัฒนาโครงการลักซ์ชัวรี 1,100 ล้านบาท และ พร็อพเพอร์ตี้ แมเนจเม้นท์ 300 ล้านบาท



