Trend/การคว้ากิจการบริษัทเล็กไปอยู่ใต้ชายคาบริษัทใหญ่ เป็นเรื่องที่ปกติและเกิดขึ้นไม่หยุดในแวดวงธุรกิจ เพราะถือว่าข้อตกลงที่ทั้งสองฝ่ายต่างได้ประโยชน์หรือที่เรียกแบบทับศัพท์จากภาษาอังกฤษว่า วิน-วิน

โดยฝ่ายยักษ์ก็เปิดทางลัดรุกสู่ธุรกิจใหม่และขยายกิจการไปพร้อม ๆ กัน ส่วนฝ่ายบริษัทที่เล็กกว่าก็ไม่ต้องกังวลเรื่องเงินทุนอีกต่อไป

แต่ดีลลักษณะนี้จะกลายเป็นข่าวใหญ่ขึ้นมา หากเป็นดีลระดับสะเทือนวงการที่มีจำนวนเงินมหาศาลมาเกี่ยวข้อง เหมือนความเคลื่อนไหวล่าสุดของยักษ์เสิร์ชเอนจิ้น

สื่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ทั้ง cnbc และทีมข่าวเศรษฐกิจของ cnn รายงานไปในทิศทางเดียวกัน พร้อมการยืนยันจากแหล่งข่าวว่า Alphabet หรือ Google เดิม อยู่ในระหว่างเจรจาซื้อกิจการ Wiz

สตาร์ตอัปด้านความปลอดภัยทางข้อมูลออนไลน์ (Cyber security) สัญชาติอิสราเอล ด้วยวงเงิน 23,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 830,000 ล้านบาท) ซึ่งหากตกลงกันได้จะถือเป็นดีลซื้อกิจการครั้งใหญ่ที่สุดของ Google

ทิ้งห่างดีลซื้อ Motorola มูลค่า 12,500 ล้านดอลลาร์ (ราว 451,000 ล้านบาท) ซึ่งครองสถิติสูงสุดขององค์กร ที่เกิดขึ้นเมื่อปี 2012 แบบไม่เห็นฝุ่น (แต่ Google ก็ต้องขาย Motorola ทิ้งไป เพื่อลดการขาดทุนในอีก 2 ปีต่อมา)

สาเหตุที่ทำให้ดีลนี้ถูกจับตามองยังไม่หมดแค่นั้น เพราะ Wiz เป็นสตาร์ตอัปอายุเพียง 4 ปี แต่ก็สามารถคว้าเงินลงทุนได้อย่างต่อเนื่อง เริ่มจาก 100 ล้านดอลลาร์ (ราว 3,600 ล้านบาท) ในรอบ Series A เมื่อปีก่อตั้ง

พอปีต่อมา ขณะที่ความปลอดภัยทางข้อมูลจำเป็นอย่างมากท่ามกลางสถานการณ์โควิด Wiz ก็ระดมทุนใน Series B ได้เพิ่มเป็น 130 ล้านดอลลาร์ (ราว 4,700 ล้านบาท)

ส่งให้กลายเป็นสตาร์ตอัปยูนิคอร์น ด้วยมูลค่าบริษัทเพิ่มเป็น 1,700 ล้านดอลลาร์ (ราว 61,000 ล้านบาท) 

จากนั้น Wiz ก็มีแต่ขาขึ้น โดยพฤษภาคม 2024 Wiz ระดมทุนในรอบ Series E ได้เพิ่มเป็น 1,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 36,000 ล้านบาท) และมูลค่าบริษัทพุ่งขึ้นไปอยู่ที่ 12,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 433,000 ล้านบาท) 

พร้อมข้อมูลว่า 40% ของ 100 บริษัทมูลค่าสูงสุดในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ตามการจัดอันดับของนิตยสาร Fortune หรือ Fortune100  เป็นลูกค้าของ Wiz และ Wiz ก็กำลังจะเดินหน้าครั้งสำคัญ ด้วยการเตรียมทำ IPO ในตลาดหุ้นสหรัฐฯ

ดีลนี้จะเสริมความแข็งแกร่งให้ปีกธุรกิจระบบประมวลผลแบบหมู่เมฆ (Cloud computing) ของ Google และช่วยให้ Google หมดห่วงเรื่องความปลอดภัยทางข้อมูล

ในยุคที่หลายบริษัทเทคโนโลยีทั้งในสหรัฐฯ และทั่วโลกกำลังกังวลกับเรื่องนี้ หลังข่าวการถูกเจาะข้อมูลหรือข้อมูลของบริษัทใหญ่ ๆ รั่วไหลเกิดขึ้นไม่ขาดสาย

ครั้งล่าสุดคือ ข้อมูลผู้ใช้ AT&T ยักษ์โทรคมนาคมในสหรัฐฯ รั่วไหลเมื่อกลางกรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งหมายความว่า บริษัทกลุ่มยักษ์เทคแห่งอื่น ๆ เช่น Amazon, Microsoft และ Salesforce

รวมไปถึงยักษ์ยานยนต์อย่าง BMW ก็ต้องหันมาพึ่งพา Google และแน่นอนว่า Google ก็จะมีรายได้จากปีกธุรกิจความปลอดภัยทางข้อมูลเพิ่มเข้ามา

อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามต่อว่าดีลนี้จะปิดได้หรือไม่ เพราะเชื่อมโยงกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปี 2024 โดยหาก Joe Biden ชนะการเลือกตั้งและเป็นประธานาธิบดีต่อไป

ดีลฮุบ Wiz ของ Google อาจสะดุด เพราะรัฐบาลพรรค Democrat มีนโยบายต่อต้านการผูกขาดของบริษัทกลุ่มยักษ์เทค แต่หาก Donald Trump พลิกชนะการเลือกตั้ง และได้กลับมาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะส่งผลดีต่อดีลนี้

เพราะ Donald Trump กับพรรค Republican มีนโยบายที่เอื้อประโยชน์ทางธุรกิจมากกว่า จึงปล่อยการผูกขาดเกิดขึ้นได้/cnn


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer