ณภัทร โมรินทร์  บนเส้นทางของ เจ้าสัว จากรุ่นสู่รุ่น จาก Korat To Global

กลิ่นหมูแผ่นที่กำลังปิ้งหน้าร้าน “เตียหงี่เฮียง” ตึกแถวหน้าตลาดสดเมืองโคราช  ยังคงหอมหวนอยู่ในความทรงจำของ ณภัทร โมรินทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ้าสัว ฟู้ดส์ อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ CHAO คนปัจจุบัน

จากร้านขายของฝาก หมูหย็อง-หมูแผ่น-กุนเชียง ในณภัทร โมรินทร์ เมืองโคราช เมื่อ 66 ปีก่อน

ได้พลิกแบรนด์มาสู่ของรับประทานเล่นที่พร้อมรับประทานได้ทุกวัน

จนทำยอดขายได้กว่า 1.4 พันล้านบาท และเข้าไปโลดแล่นในตลาดหลักทรัพย์ฯ ตั้งแต่เมื่อเดือนกรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา

ครึ่งปีหลัง 2567 นี้ จะพลิกโฉมแบรนด์เจ้าสัวอีกครั้งด้วยการเปิดตัวสินค้าใหม่ในกลุ่ม Snack ไม่ต่ำกว่า 15  รายการ

พร้อมบุกตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง วันนี้แครกเกอร์ธัญพืชและผลิตภัณฑ์หนังปลากำลังขายดีในอเมริกาและจีน

ตามไปอ่านเรื่องราวของธุรกิจครอบครัวที่กำลังต่อยอดความสำเร็จ จาก “รุ่นสู่รุ่น” จาก “ Korat To  Global”

ภาพของ “เจ้าสัว” ในอดีตถูกเล่าผ่าน ณภัทร หรือ “คุณกิฟท์” ผู้บริหารคนรุ่นที่ 3 ของครอบครัว

เธอย้อนอดีตให้ฟังว่า

คุณปู่ “เพิ่ม โมรินทร์” เป็นคนจีน แซ่เตีย เกิดที่คลองเตย เคยทำงานในเยาวราช และคุ้นเคยกับสินค้าประเภทหมูหย็องหมูแผ่นเป็นอย่างดี

ต่อมาเลือกไปตั้งรกรากที่จังหวัดนครราชสีมา เมืองที่ชาวบ้านเลี้ยงหมูเป็นจำนวนมาก โดยตั้งใจจะแปรรูปเนื้อหมูมาเป็นหมูหย็อง หมูแผ่นขาย และเปิดร้านเล็ก ๆ แห่งแรกในปี 2501

ในปี 2516 ขยายกิจการมาขายสินค้าในตึกแถวหน้าตลาดสดเมืองโคราช สถานที่ที่มีคนผ่านไปมาคึกคักและนิยมซื้อกลับไปเป็นของฝาก

“ตอนนั้นเราทำขายหน้าร้านอย่างเดียว ก็ปิ้งขายกันหน้าร้านตรงนั้นเลย ลูกค้าจะเข้ามาซื้อกันคนละขีด 2 ขีด หรือซื้อกันเป็นกิโล ขายดีมากค่ะช่วงนั้น”

จากนั้นเริ่มกระจายสินค้าออกสู่ร้านค้าตามแหล่งท่องเที่ยวในจังหวัด นครราชสีมา และขยายร้านที่ 2 ไปที่หน้าอนุสาวรีย์ท่านท้าวสุรนารี (ย่าโม)  โดยมีคุณพ่อ (ธนภัทร โมรินทร์) เป็นกำลังสำคัญในการทำตลาด

คุณพ่อเป็นคนมองการณ์ไกล และเริ่มมีความคิดในการสร้างแบรนด์ตั้งแต่ตอนนั้น ถุงพลาสติกจะมีสติกเกอร์ชื่อร้านติดเข้าไปเป็นภาพจำให้ลูกค้า เริ่มจ้างเซลส์ไปขยายตลาดยังต่างจังหวัด

ภายใต้สโลแกน “เตียหงี่เฮียง สุดยอดของฝากจากโคราช รับประทานเองก็ถูกปาก เป็นของฝากก็ถูกใจ”

การได้ตรา “เชลล์ชวนชิม” โดย ม.ร.ว.ถนัดศรี สวัสดิวัตน์ เป็นเจ้าแรกใน จ. นครราชสีมา ที่ได้รับการรับรองในเรื่องรสชาติและความสะอาดระดับเชลล์ชวนชิม ทำให้สินค้าขายดีเพิ่มขึ้น

จุดเปลี่ยนสำคัญของแบรนด์นี้เกิดขึ้นเมื่อปี 2541 เมื่อได้ผลิตสินค้าตัวใหม่ “ข้าวตังเจ้าสัว” และเปลี่ยนเครื่องหมายการค้าเป็น “เจ้าสัว” และได้โกอินเตอร์เป็นครั้งแรกด้วยการส่งออกข้าวตังหมูหย็อง ไปจำหน่ายที่ฮ่องกง

ทั้งหมดคือรากฐานที่แข็งแกร่ง ที่รุ่นคุณปู่และคุณพ่อเริ่มปูทางไว้ให้

เมื่อนักกฎหมายเข้ามาสร้างสีสันให้เจ้าสัว

ณภัทร จบปริญญาตรีคณะนิติศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปริญญาโทด้านกฎหมาย จากมหาวิทยาลัย Southern Methodist University สหรัฐอเมริกา และไปทำงานฝ่ายกฎหมายที่บริษัทที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์และการกำหนดราคาอย่าง Baker & McKenzie อยู่ประมาณ 3 ปี

กลับมาช่วยที่บ้านในปี 2545 เพราะคุณพ่อได้ก่อสร้างศูนย์จำหน่ายสินค้าของฝากบนเนื้อที่กว่า 25 ไร่ ในชื่อ “ศูนย์เจ้าสัว” บริเวณริมถนนมิตรภาพ เป็นการลงทุนครั้งใหญ่ของครอบครัว

การตัดสินใจกลับเข้ามาทำงานตั้งแต่ตอนนั้น เพราะตั้งใจจะเรียนรู้งานและสร้างความสำเร็จไปด้วยกัน ตั้งแต่ช่วงเริ่มขยายกิจการ

“พอเข้ามาคุณพ่อบอกว่าเป็นเจ้าของต้องรู้ทุกอย่าง ต้องทำทุกอย่าง เลยเริ่มจากฝ่ายขายก่อนเลย ออกรถไปกับเซลส์ไปต่างจังหวัด ตั้งตำแหน่งตัวเองว่าเป็นเซลส์ไดเร็กเตอร์ 55 (หัวเราะ )”

เป็นการเริ่มต้นทำความรู้จักกับร้านค้า ได้รู้จักลูกค้า ได้รับรู้ปัญหาและความต้องการของแต่ละคนด้วยตัวเอง

ส่วนเรื่องการสร้างแบรนด์ มีบ้างที่มีความเห็นไม่ตรงกันกับผู้เป็นพ่อ ซึ่งเป็นเรื่องปกติธรรมดาในการทำงานของคนต่างเจน

“อย่างถุงใส่สินค้าเราเห็นมาตั้งแต่เด็ก ก็อยากเปลี่ยน เขารีบบอกทันทีไม่ได้ เปลี่ยนไม่ได้ ลูกค้าหายหมด เวลาเราเอาไปวางขายลูกค้าเคยจำถุงแบบนี้ได้ อยู่ ๆ ไม่เจอ ของใหม่ของจริงหรือของปลอม เดี๋ยวคู่แข่งจะเข้ามาเสียบ หรือเปลี่ยนสีก็ไม่ได้ เราก็ว่าจะขนาดนั้นกันเหรอ แต่ก็ยอมรับว่ามันก็มีส่วนถูก เราก็ต้องคงเอกลักษณ์บางอย่างไว้ก็ต้องเรียนรู้ ค่อย ๆ ปรับ ค่อย ๆ คุยกัน”

ไม่ใช่แค่ของฝาก แต่เป็นของรับประทานเล่นได้ทุกวัน

ก่อนเกิดวิกฤตโควิด-19  เจ้าสัววางแพลนไว้ว่าจะเปลี่ยนภาพจำของเจ้าสัวครั้งใหม่ จากของฝาก เป็นของรับประทานเล่น รับประทานได้ทุกวัน (Everyday Consumption) เพื่อกระจายความเสี่ยงไม่ให้ยอดขายผูกติดกับนักท่องเที่ยวอย่างเดียว

กลายเป็นความโชคดีเพราะเมื่อเกิดโควิด-19 นักท่องเที่ยวหายไปหมดจริง ๆ เจ้าสัวก็ได้ลูกค้ากลุ่มใหม่ ที่สนใจของรับประทานเล่นที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพเข้ามาแทนที่

ปี 2564 วิกฤตโควิด-19 ยังคงอยู่แต่ภาพยนตร์โฆษณา เจ้าสัว สูตรลับความอร่อย ก็ออกมา โดยคว้าครอบครัวยุคใหม่ของ ลีเดีย ศรัณย์รัชต์ มาเป็นพรีเซนเตอร์ ตอกย้ำแบรนด์ในใจคนรุ่นใหม่เป็นครั้งแรก

ปี 2566 ที่ผ่านมา ได้เจมส์ จิรายุ เป็นพรีเซนเตอร์ พร้อมภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ ด้วยคอนเซ็ปต์ “อร่อยง่าย ได้โปรตีน” ผ่าน “หมูแท่ง” สินค้าขายดี

เจ้าสัว ฝ่าวิกฤตโควิดมาได้อย่างสวยงามพร้อมทั้งยอดขายและผลกำไรเพิ่มขึ้นทุกปี โดยในปี 2566 มีรายได้จากการขายที่ 1,493.4 ล้านบาท กำไร 161.6 ล้านบาท

ส่วนงวดครึ่งแรกปี 2567 มีรายได้จากการขายรวม 679.2 ล้านบาท กำไรสุทธิทำได้ 59.8 ล้านบาท

กว่า 80% เป็นรายได้ที่มาจากของรับประทานเล่น

The Next Chapter หลังเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ

“เราก็ทำของเราอยู่ดี ๆ กำไรก็มีทุกปีทำไมต้องเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ต้องให้คนอื่นเข้ามารับรู้ในทุกเรื่องด้วย”

เดิมทีรุ่นคุณพ่ออาจจะคิดแบบนั้น แต่เมื่อรุ่นลูกได้นำเสนอความคิดว่าเป็นการระดมทุน เพื่อทำให้บริษัทเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต

“ถึงแม้จะเป็นความคิดของคนรุ่นลูก แต่ถ้ารุ่นพ่อไม่เปิดใจ ไม่ยอมมานั่งวิเคราะห์ถึงข้อดีข้อเสียร่วมกัน เจ้าสัวก็คงไม่ได้เข้าตลาดฯ”

ณภัทรย้ำถึงโอกาสที่เปิดเพราะรุ่นพ่อเปิดใจก่อน

หลังเข้าตลาดฯ จะมีการขยายกำลังผลิตเพิ่มขึ้นด้วยการสร้างโรงงานใหม่ บุกตลาดต่างประเทศมากขึ้น

หลายคนคงไม่รู้ว่าวันนี้ ข้าวตังหมูหย็อง แครกเกอร์ธัญพืช และผลิตภัณฑ์หนังปลา ขายดีมากในประเทศจีนและอเมริกา

การเดินหน้าขยายห้างค้าปลีกในจีน เช่น การขยายช่องทางการจัดจำหน่ายไปยังห้างใหม่ที่ เหอหม่า (Hema) Supermarket ชื่อดังของ Alibaba มีจำนวนสาขาทั้งสิ้น 360 สาขา

การขยายไปในตลาด Asia Supermarket และตลาด Mainstream มากขึ้นในอเมริกา

รวมทั้งตลาดใหม่ ๆ เช่น อินโดนีเซีย ดูไบ ฟิลิปปินส์ ซาอุดีอาระเบีย มาเลเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม แคนาดา และไต้หวัน

ดังนั้น เป้าหมายรายได้จากต่างประเทศจากปัจจุบันมีเพียง 27% แต่ใน 3-5 ปีข้างหน้าวางไว้ถึง 50%

ส่วนตลาดในประเทศในครึ่งปีหลังปี 2567 นี้ ตั้งแต่เดือนกันยายนเป็นต้นไป วางแผนเปิดตัวสินค้าใหม่ในกลุ่ม Snack ไม่ต่ำกว่า 15  รายการ

เป็นการเปิดฉากลุยตลาด Snack ที่รุนแรงอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน

การจับเทรนด์ความต้องการของคนที่ต้องการขนมขบเคี้ยวที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพและสามารถขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มคนรุ่นใหม่ได้มากขึ้นเป็นจุดแข็งสำคัญของแบรนด์นี้

“ในยุคของคนเจน 3  โลกได้มีธุรกิจใหม่ ๆ ที่ปังเร็ว ไปเร็วมากมาย  สำหรับเจ้าสัว เราจะต่อยอดธุรกิจที่เราถนัด เหมาะสมกับโลกอนาคต และสามารถสร้างรายได้ที่ดี ก็เป็นเรื่องท้าทายที่เราต้องหาให้เจอ”

ณภัทร กล่าวย้ำแนวทางของ เจ้าสัว ในอนาคต

 

 

จากร้านขายของฝาก หมูหยอง-หมูแผ่น-กุนเชียง ในเมืองโคราช เมื่อ 66 ปีก่อน

ได้พลิกแบรนด์มาสู่ขกลิ่นหมูแผ่นที่กำลังปิ้งหน้าร้าน “เตียหงี่เฮียง” ตึกแถวหน้าตลาดสดเมืองโคราช ยังคงหอมหวนอยู่ในความทรงจำของ ณภัทร โมรินทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ้าสัว ฟู้ดส์ อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หองรับประทานเล่นที่พร้อมรับประทานได้ทุกวัน

จนทำยอดขายได้กว่า 1.4 พันล้านบาท และเข้าไปโลดแล่นในตลาดหลักทรัพย์ฯ ตั้งแต่เมื่อเดือนกรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา

ครึ่งปีหลัง 2567 นี้ จะพลิกโฉมแบรนด์เจ้าสัวอีกครั้งด้วยการเปิดตัวสินค้าใหม่ในกลุ่ม Snack ไม่ต่ำกว่า 15  รายการ

พร้อมบุกตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง วันนี้แครกเกอร์ธัญพืชและผลิตภัณฑ์หนังปลากำลังขายดีในอเมริกาและจีน

ตามไปอ่านเรื่องราวของธุรกิจครอบครัวที่กำลังต่อยอดความสำเร็จ จาก “รุ่นสู่รุ่น” จาก “ โคราช To  Global”

ภาพของ “เจ้าสัว” ในอดีตถูกเล่าผ่าน ณภัทร หรือ “คุณกิฟท์” ผู้บริหารคนรุ่นที่ 3 ของครอบครัว

เธอย้อนอดีตให้ฟังว่า

คุณปู่ “เพิ่ม โมรินทร์” เป็นคนจีน แซ่เตีย เกิดที่คลองเตย เคยทำงานในเยาวราช และคุ้นเคยกับสินค้าประเภทหมูหยองหมูแผ่นเป็นอย่างดี

ต่อมาเลือกไปตั้งรกรากที่จังหวัดนครราชสีมา เมืองที่ชาวบ้านเลี้ยงหมูเป็นจำนวนมาก โดยตั้งใจจะแปรรูปเนื้อหมูมาเป็นหมูหยอง หมูแผ่นขาย และเปิดร้านเล็ก ๆ แห่งแรกในปี 2501

ในปี 2516 ได้ขยายกิจการมาขายสินค้าในตึกแถวหน้าตลาดสดเมืองโคราช สถานที่ที่มีคนผ่านไปมาคึกคักและนิยมซื้อกลับไปเป็นของฝาก

“ตอนนั้นเราทำขายหน้าร้านอย่างเดียว ก็ปิ้งขายกันหน้าร้านตรงนั้นเลย ลูกค้าจะเข้ามาซื้อกันคนละขีด 2 ขีด หรือซื้อกันเป็นกิโล ขายดีมากค่ะช่วงนั้น”

จากนั้นเริ่มกระจายสินค้าออกสู่ร้านค้าตามแหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดนครราชสีมา และขยายร้านที่ 2 ไปที่หน้าอนุสาวรีย์ท่านท้าวสุรนารี (ย่าโม)  โดยมีคุณพ่อ (ธนภัทร โมรินทร์) เป็นกำลังสำคัญในการทำตลาด

คุณพ่อเป็นคนมองการณ์ไกล และเริ่มมีความคิดในการสร้างแบรนด์ตั้งแต่ตอนนั้น ถุงพลาสติกจะมีสติกเกอร์ชื่อร้านติดเข้าไปเป็นภาพจำให้ลูกค้า เริ่มจ้างเซลส์ไปขยายตลาดยังต่างจังหวัด

ภายใต้สโลแกน “เตียหงี่เฮียง สุดยอดของฝากจากโคราช รับประทานเองก็ถูกปาก เป็นของฝากก็ถูกใจ”

การได้ตรา “เชลล์ชวนชิม” โดย ม.ร.ว. ถนัดศรี สวัสดิวัตน์ เป็นเจ้าแรกใน จ. นครราชสีมา ที่ได้รับการรับรองในเรื่องรสชาติและความสะอาดระดับเชลล์ชวนชิม ทำให้สินค้าขายดีเพิ่มขึ้น

จุดเปลี่ยนสำคัญของแบรนด์นี้เกิดขึ้นเมื่อปี 2541 เมื่อได้ผลิตสินค้าตัวใหม่ “ข้าวตังเจ้าสัว” และเปลี่ยนเครื่องหมายการค้าเป็น “เจ้าสัว” และได้โกอินเตอร์เป็นครั้งแรกด้วยการส่งออกข้าวตังหมูหยอง ไปจำหน่ายที่ ฮ่องกง

ทั้งหมดคือรากฐานที่แข็งแกร่ง ที่รุ่นคุณปู่และคุณพ่อเริ่มปูทางไว้ให้

เมื่อนักกฏหมายเข้ามาสร้างสีสันให้เจ้าสัว

ณภัทร จบปริญญาตรี คณะนิติศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปริญญาโทด้านกฎหมาย จากมหาวิทยาลัย Southern Methodist University สหรัฐอเมริกา และไปทำงานฝ่ายกฎหมายที่บริษัทที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์และการกำหนดราคาอย่าง Baker & McKenzie อยู่ประมาณ 3 ปี

กลับมาช่วยที่บ้านในปี 2545 เพราะคุณพ่อได้ก่อสร้างศูนย์จำหน่ายสินค้าของฝากบนเนื้อที่กว่า 25 ไร่ ในชื่อ “ศูนย์เจ้าสัว” บริเวณริมถนนมิตรภาพ เป็นการลงทุนครั้งใหญ่ของครอบครัว

การตัดสินใจกลับเข้ามาทำงานตั้งแต่ตอนนั้นเพราะตั้งใจจะเรียนรู้งานและสร้างความสำเร็จไปด้วยกัน ตั้งแต่ช่วงเริ่มขยายกิจการ

“พอเข้ามาคุณพ่อบอกว่าเป็นเจ้าของต้องรู้ทุกอย่าง ต้องทำทุกอย่าง เลยเริ่มจากฝ่ายขายก่อนเลย ออกรถไปกับเซลส์ไปต่างจังหวัด ตั้งตำแหน่งตัวเองว่าเป็นเซลส์ไดเร็กเตอร์ 55 (หัวเราะ )”

เป็นการเริ่มต้นทำความรู้จักกับร้านค้า ได้รู้จักลูกค้า ได้รับรู้ปัญหาและความต้องการของแต่ละคนด้วยตัวเอง

ส่วนเรื่องการสร้างแบรนด์ มีบ้างที่มีความเห็นไม่ตรงกันกับผู้เป็นพ่อ ซึ่งเป็นเรื่องปกติธรรมดาในการทำงานของคนต่างเจน

“อย่างถุงใส่สินค้าเราเห็นมาตั้งแต่เด็ก ก็อยากเปลี่ยนเขารีบบอกทันทีไม่ได้ เปลี่ยนไม่ได้ ลูกค้าหายหมด เวลาเราเอาไปวางขายลูกค้าเคยจำถุงแบบนี้ได้ อยู่ ๆ ไม่เจอ ของใหม่ของจริงหรือของปลอม เดี๋ยวคู่แข่งจะเข้ามาเสียบ หรือเปลี่ยนสีก็ไม่ได้ เราก็ว่าจะขนาดนั้นกันเหรอ แต่ก็ยอมรับว่ามันก็มีส่วนถูก เราก็ต้องคงเอกลักษณ์บางอย่างไว้ก็ต้องเรียนรู้ ค่อย ๆ ปรับ ค่อย ๆ คุยกัน”

ไม่ใช่แค่ของฝาก แต่เป็นของรับประทานเล่นได้ทุกวัน

ก่อนเกิดวิกฤตโควิด-19  เจ้าสัววางแพลนไว้ว่าจะเปลี่ยนภาพจำของเจ้าสัวครั้งใหม่ จากของฝาก เป็นของรับประทานเล่น รับประทานได้ทุกวัน (Everyday Consumption) เพื่อกระจายความเสี่ยงไม่ให้ยอดขายผูกติดกับนักท่องเที่ยวอย่างเดียว

กลายเป็นความโชคดีเพราะเมื่อเกิดโควิด-19 นักท่องเที่ยวหายไปหมดจริง ๆ เจ้าสัวก็ได้ลูกค้ากลุ่มใหม่ ที่สนใจของรับประทานเล่นที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพเข้ามาแทนที่

ปี 2564 วิกฤตโควิด-19 ยังคงอยู่แต่ภาพยนตร์โฆษณา เจ้าสัว สูตรลับความอร่อย ก็ออกมา โดยคว้าครอบครัวยุคใหม่ของ ลีเดีย ศรัณย์รัชต์ มาเป็นพรีเซนเตอร์ ตอกย้ำแบรนด์ในใจคนรุ่นใหม่เป็นครั้งแรก

ปี 2566 ที่ผ่านมา ได้เจมส์ จิรายุ เป็นพรีเซนเตอร์พร้อมภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ ด้วยคอนเซ็ปต์ อร่อยง่าย ได้ “โปรตีน” ผ่าน “หมูแท่ง” สินค้าขายดี

เจ้าสัว ฝ่าวิกฤตโควิดมาได้อย่างสวยงามพร้อมทั้งยอดขายและผลกำไรเพิ่มขึ้นทุกปี โดยในปี 2566 มีรายได้จากการขายที่ 1,493.4 ล้านบาท กำไร 161.6 ล้านบาท

ส่วนงวดครึ่งแรกปี 2567 มีรายได้จากการขายรวม 679.2 ล้านบาท กำไรสุทธิทำได้ 59.8 ล้านบาท

กว่า 80% เป็นรายได้ที่มาจากของรับประทานเล่น

The Next Chapter หลังเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ

“เราก็ทำของเราอยู่ดี ๆ กำไรก็มีทุกปี ทำไมต้องเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ต้องให้คนอื่นเข้ามารับรู้ในทุกเรื่องด้วย”

เดิมทีรุ่นคุณพ่ออาจจะคิดแบบนั้น แต่เมื่อรุ่นลูกได้นำเสนอความคิดว่าเป็นการระดมทุน เพื่อทำให้บริษัทเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต

“ถึงแม้จะเป็นความคิดของคนรุ่นลูก แต่ถ้ารุ่นพ่อไม่เปิดใจ ไม่ยอมมานั่งวิเคราะห์ถึงข้อดีข้อเสียร่วมกัน เจ้าสัวก็คงไม่ได้เข้าตลาดฯ”

ณภัทร ย้ำถึงโอกาสที่เปิด เพราะรุ่นพ่อเปิดใจก่อน

หลังเข้าตลาดฯ จะมีการขยายกำลังผลิตเพิ่มขึ้นด้วยการสร้างโรงงานใหม่ บุกตลาดต่างประเทศมากขึ้น

หลายคนคงไม่รู้ว่าวันนี้ ข้าวตังหมูหยอง แครกเกอร์ธัญพืช และผลิตภัณฑ์หนังปลา ขายดีมากในประเทศจีนและอเมริกา

การเดินหน้าขยายห้างค้าปลีกในจีน เช่น การขยายช่องทางการจัดจำหน่ายไปยังห้างใหม่ที่ เหอหม่า (Hema) Supermarket ชื่อดังของ Alibaba มีจำนวนสาขาทั้งสิ้น 360 สาขา

การขยายไปในตลาด Asia Supermarket และตลาด Mainstream มากขึ้นในอเมริกา

รวมทั้งตลาดใหม่ ๆ เช่น อินโดนีเซีย ดูไบ ฟิลิปปินส์ ซาอุดีอาระเบีย มาเลเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม แคนาดา และไต้หวัน

ดังนั้น เป้าหมายรายได้จากต่างประเทศจากปัจจุบันมีเพียง 27%  แต่ใน 3-5 ปีข้างหน้าวางไว้ถึง 50%

ส่วนตลาดในประเทศในครึ่งปีหลังปี 2567 นี้ ตั้งแต่เดือนกันยายนเป็นต้นไป วางแผนเปิดตัวสินค้าใหม่ในกลุ่ม Snack ไม่ต่ำกว่า 15  รายการ

เป็นการเปิดฉากลุยตลาด Snack ที่รุนแรงอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน

การจับเทรนด์ความต้องการของคนที่ต้องการขนมขบเคี้ยวที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพและสามารถขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มคนรุ่นใหม่ได้มากขึ้นเป็นจุดแข็งสำคัญของแบรนด์นี้

“ในยุคของคนเจน 3  โลกได้มีธุรกิจใหม่ ๆ ที่ปังเร็ว ไปเร็วมากมาย สำหรับเจ้าสัวเราจะต่อยอดธุรกิจที่เราถนัด เหมาะสมกับโลกอนาคต และสามารถสร้างรายได้ที่ดี ก็เป็นเรื่องท้าทายที่เราต้องหาให้เจอ”

ณภัทร โมรินทร์ กล่าวย้ำแนวทางของเจ้าสัว ในอนาคต

 

อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ 
Website : Marketeeronline.co / Facebook : www.facebook.com/marketeeronline

 


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer