WANT WANT (วอนท์ วอนท์) บริษัทขนมและเครื่องดื่มยักษ์ใหญ่จากไต้หวัน เจ้าของนมกระป๋องแดงที่คนไทยชื่นชอบ แม้จะเข้ามาจัดตั้งบริษัทในไทยตั้งแต่ปี 2019 มีบ้างที่คนคุ้นตากับโลโก้แบรนด์ “ว่างไจ๋” แต่ยังไม่ได้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง
โจทย์เร่งด่วนที่บริษัทต้องเร่งแก้ที่สุดจึงเป็นการสร้าง Brand Awareness ให้เติบโตในกลุ่มผู้บริโภคคนไทย
อ่าน: Want Want ยักษ์ใหญ่ Snack จากไต้หวัน ที่กำลังซุ่มเขย่าตลาดไทย
คุณนฤวรรณ์ ปูควนัช ผู้บริหารฝ่ายการตลาดและบริหารงานลูกค้าประจำประเทศไทย บริษัท วอนท์ วอนท์ คอร์ปอเรชั่น (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า เป็นครั้งแรกที่วอนท์ วอนท์ จัดเมกะโปรโมตขึ้นมา ภายใต้งาน WANT WANT OPEN HOUSE 2024 “PRESS CONFERENCE OF ROLL-MI GRAND OPENING 2024” เนื่องจากเล็งเห็นว่าการรับรู้ในแบรนด์ยังค่อนข้างต่ำ ซึ่งหลังการกระตุ้นนี้คาดว่าจะสามารถขยับ Brand Awareness ได้เพิ่ม 10-15%
ตลาดขนมขบเคี้ยวและเครื่องดื่มในไทยมี Market size ที่ใหญ่ คนไทยยังบริโภคขนมจำนวนมาก ปัจจุบันสินค้าของ วอนท์ วอนท์ ที่จำหน่ายในไทยยังอาศัยการนำเข้ามาจากประเทศเวียดนามซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงงานในภูมิภาคนี้
โดยมีสินค้าที่ถือเป็นกลุ่มสินค้าเรือธงของ วอนท์ วอนท์ ทั้งหมด 4 หมวดหมู่ ประกอบด้วยกัมมี่ ได้แก่ คิวคิว กัมมี่ (QQ Gummies), คิวคิว กัมมี่ จูซซี่ พลัส (QQ Gummies Juicy Plus) ที่เป็นพอร์ตโฟลิโอใหญ่ที่สุด ตามมาด้วยกลุ่มโรลลี่ (Rollie), ไอศกรีมเกล็ดน้ำแข็ง (Frozen) และล่าสุดกลุ่มขนมข้าวอบกรอบ โรล-มี (Roll-Mi) ส่วนผลิตภัณฑ์นมยูเอชที ตรา ว้อนท์ ว้อนท์ จัดจำหน่ายโดย บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) ทั้งนี้ยังมีแผนงานที่จะนำเข้าผลิตภัณฑ์กลุ่มขนมเพิ่มเติมในอนาคต
ในปีนี้บริษัทส่งผลิตภัณฑ์ชิ้นสุดท้ายในกลุ่มขนมอบกรอบจากข้าว “โรล-มี (Roll-Mi)” อร่อยตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ และดีต่อสุขภาพด้วยปริมาณน้ำตาลต่ำ 3 รสชาติ ได้แก่ รสชีสรสไข่เค็ม และรสสาหร่าย เริ่มวางจำหน่ายในตลาดประเทศไทยมาแล้วสองเดือน ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี บริษัทจึงเร่งวางแผนขยายช่องทางการขายและสร้างการรับรู้เพื่อสร้างโอกาสการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
วอนท์ วอนท์ วางกลยุทธ์การตลาดในการสร้างการเติบโตด้วย 2 กลยุทธ์หลัก ประกอบด้วยกลยุทธ์ Lifestyle and Emotional Marketing และกลยุทธ์ Experiential Marketing มุ่งสร้างการรับรู้ของแบรนด์ต่อผู้บริโภคว่าเป็น “ขนมและเครื่องดื่มคู่กาย อร่อยได้ทุกที่ ทุกเวลา” โดยใช้แผนงานกลยุทธ์การตลาดเพื่อสร้างกระแสนิยม ที่มีทั้งกิจกรรมออนไลน์และออฟไลน์
นอกจากนี้ ยังได้ออกแบบและพัฒนาสติกเกอร์ “ว่างไจ๋” เป็นของขวัญโดยเฉพาะสำหรับกลุ่มนักเรียนนักศึกษา เพื่อเสริมสร้างการรับรู้และความผูกพันกับแบรนด์ ทั้งยังวางกลยุทธ์การขายแบบเจาะกลุ่ม อาทิ การนำเสนอผลิตภัณฑ์เข้าสู่สถานศึกษาเพื่อเพิ่มยอดขาย และสร้างการรับรู้ในแบรนด์
ปัจจุบันช่องทางการจำหน่ายครอบคลุมการขายปลีกทั้งแบบ Traditional Trade และ Modern Trade มีตัวแทนจำหน่ายครอบคลุมภูมิภาคต่าง ๆ 15 ราย แต่ภายในสิ้นปีนี้จะสามารถเพิ่มขึ้นเป็น 20 รายได้ เพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ จะมีจำหน่ายตามร้านค้าทั่วไทย
–
