Trend / สร้างปรากฏการณ์ใหม่และแรงกระเพื่อมได้พอสมควรเลยทีเดียว สำหรับมวยคู่ระหว่าง ไมค์ ไทสัน กับ เจค พอล เมื่อ 16 พฤศจิกายนที่ผ่านมา (ตามเวลาในไทย) ซึ่งจบลงด้วยการชนะคะแนนของฝ่ายหลัง แต่ฝ่ายแรกก็ยืนระยะได้ครบทั้ง 8 ยก

แม้มีเสียงวิจารณ์ว่าไฟต์นี้ชกกันไม่ดุเดือด และเป็นการข้ามรุ่น-ข้ามวัยกันเกินไป เพราะฝ่าย ไมค์ ไทสัน แม้ยังมีชื่อเสียงอยู่ แต่ก็อายุ 58 ปีแล้ว และไม่ได้ชกมวยมาเกือบ 20 ปี

ขณะที่ เจค พอล แม้ชกแล้วหลายไฟต์ ก็ไม่ใช่นักมวยอาชีพ คนทั่วไปยังติดภาพ YouTuber และยังอายุคราวลูกคู่ชก ด้วยอายุเพียง 27 ปีเท่านั้น อย่างไรก็ตาม หากพ้นจากประเด็นบนสังเวียนแล้ว นี่คือไฟต์ที่ทุกฝ่ายต่างก็พึงพอใจ ในระดับ Win Win Win

มีรายงานว่า เจค พอล ได้เงินไป 40 ล้านดอลลาร์ (ราว 1,390 ล้านบาท) ส่วน ไมค์ ไทสัน ได้ไป 20 ล้านดอลลาร์ (ราว 690 ล้านบาท) ท่ามกลางข้อมูลว่ามีเจ้าของบัญชีผู้ใช้ Netflix ราว 60 ล้านบัญชีผู้ใช้ทั่วโลกดูสด (Live Stream) ซึ่ง Netflix ระบุว่าเป็นการทำลายสถิติ

ดังนั้น จึงมีความเป็นไปได้ว่าจากนี้ Netflix อาจถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬาที่ได้รับความสนใจสูง ๆ เพิ่มขึ้นหรือบ่อยขึ้น โดยเรื่องนี้ที่มา-ที่ไปน่าสนใจ

Netflix เพิ่งเริ่มหันมาถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬาเมื่อไม่นานมานี้ โดยเริ่มด้วยการแข่งกอล์ฟ The Netflix Cup ระหว่างนักขับรถแข่ง Formula-1 กับนักกอล์ฟฝีมือดีระดับ PGA เมื่อพฤศจิกายน 2023 ซึ่งก็ต่อยอดมาจากสารคดีและซีรีส์วงการกีฬาแนวเบื้องหลัง เบื้องลึก เรื่องฉาว หรือสรุปการแข่งขัน ที่มีเรื่องรถแข่งและกอล์ฟรวมอยู่ด้วยนั่นเอง

ถัดจากนั้นคอนเทนต์กลุ่มกีฬาใน Netflix ก็มีเพิ่มขึ้น ยืนยันได้จากซีซั่นต่อ ๆ มาของสรุปการแข่งขันรถ F1 ฟุตบอล La Liga ของสเปน และการแข่งขันรักบี้รายการ 6 Nations รวมไปถึงซีรีส์ Quarterbacks กับ Receiver ที่เล่าเรื่องสองตำแหน่งสำคัญในวงการอเมริกันฟุตบอล  

ท่ามกลางข่าวการทุ่มเงินคว้าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดกีฬาหรือกึ่งกีฬารายการใหญ่ ๆ เช่น การแข่งขันอเมริกันฟุตบอลนัดคืนวันคริสต์มาสปี 2024 ที่จะมีการแสดงโชว์พักครึ่งของบียอนเซ่

และทุ่มเงินก้อนคว้าสิทธิ์ถ่ายทอดสดสวยปล้ำ WWE เริ่มจากสหรัฐฯ ปี 2025 และขยายไปทั่วโลกต่อไป

รวมไปถึงความเป็นไปได้ในการถ่ายทอดการแข่งขันกีฬารายการใหญ่ ๆ อีกในอนาคต ขณะที่เริ่มมีการจับตากันแล้วว่า ลีกฟุตบอลดังสุดในโลก อย่าง Premier League อังกฤษ คงเป็นหนึ่งในเป้าหมายของ Netflix

ความเคลื่อนไหวด้านการถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬาของ Netflix ถือเป็นเรื่องจำเป็นทางธุรกิจและต้องทำเพื่อตรึงหรือเพิ่มสมาชิกให้อยู่ในแพลตฟอร์ม เพราะค่ายสตรีมมิ่งคู่แข่งต่างก็มีถ่ายทอดสดกีฬาล่วงหน้าไปก่อนแล้ว

Apple TV ได้ถ่ายทอดสดเบสบอลรายการ MLB และ ฟุตบอลรายการ Major League Soccer ของสหรัฐฯ และใกล้คว้าสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลรายการ FIFA Club World Cup ปี 2025 ในสหรัฐฯ

Disney Plus ก็เตรียมถ่ายทอดสดการแข่งขัน F1 และบาสเกตบอล NBA ในสหรัฐฯ ปี 2025 เป็นต้นไป ด้าน Amazon Prime Video ก็คว้าสิทธิ์ถ่ายทอดสดฮอกกี้ NHL ในสหรัฐฯ และแคนาดา รวมไปถึงสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลรายการ UEFA Champion League ในปี 2025 ในสหรัฐฯ อีกด้วย

ท่ามกลางรายงานว่าปี 2024 ค่ายสตรีมมิ่งใหญ่ ๆ ของโลกสัญชาติอเมริกัน ทุ่มเงินไปแล้วเกือบ 10,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 348,000 ล้านบาท) คว้าสิทธิ์ในการถ่ายทอดสดกีฬารายการใหญ่ ๆ

ดังนั้น จึงทำให้ Netflix อยู่เฉยไม่ได้ และยิ่งย้ำว่าต่อไปการถ่ายทอดสดกีฬารายการใหญ่ ๆ จะเป็นไม้เด็ดที่สตรีมมิ่งทุกค่ายต่างต้องมี แต่หาก Netflix จะลงสนามคงต้องทำอย่างจริงจัง ทุ่มเงินมหาศาล

และทำมากกว่าแค่ถ่ายทอดสดมวยระหว่างอดีตนักชกดังขวัญใจคน Gen X กับ YouTuber หนุ่มจอมปั่นที่ Gen Z รู้จักดี/cnbc, nytimes, bbc, euronews

.

 


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer