Sizzler กลยุทธ์การเติบโตบนเส้นทางเพิ่มคน เพิ่มความถี่ ผ่านเมนูอาหาร เทศกาล และน้องชีสโทสต์
เรียกได้ว่าปีนี้คือปีทองของ Sizzler จากการเติบโต 15% ในปัจจุบันนับจากต้นปี และคาดการณ์จบปีที่ 15-16%
พร้อมกับการเติบโตของฐานลูกค้ามากถึง 25% บนการแข่งขันของธุรกิจร้านอาหารตะวันตก ที่มีผู้เล่นหันมาเล่นตลาดสเต๊กและสลัดมากขึ้น
การเติบโตนี้ อนิรุทร์ เดวิด คอลลินส์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอสแอลอาร์ที จำกัด (ซิซซ์เล่อร์) ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่ามาจากกลยุทธ์ต่างๆ ที่ทำมาตั้งแต่ต้นปีผ่านแนวทางเพิ่มจำนวนลูกค้า เพิ่มความถี่เข้ามาใช้บริการ พร้อมกับสร้างแบรนด์ Sizzler ให้เป็น Top of Mind ในใจลูกค้ามากขึ้น
ซึ่งประกอบด้วย
1. ดึงดูดลูกค้าผ่าน Core Menu และ Festive Season ผ่านคอนเซ็ปต์ และเทศกาล
เมนูอาหารของSizzlerจะมีทั้งอาหารจาก Core Menu ซึ่งเป็นอาหารและเครื่องดื่มที่บรรจุอยู่ในเมนูประจำ และ Festive Season เมนูอาหารที่พิเศษภายใต้คอนเซ็ปต์ Sizzling World Taste และ Season of Sizzling Delight ปรับเปลี่ยนหมุนเวียนในแต่ละช่วงเวลา เช่นล่าสุดSizzler Taste of Canada ที่นำ ล็อบสเตอร์เข้ามาเป็นวัตถุดิบในเมนู และ Season of Sizzling Deligh ในช่วงเทศกาลเฉลิมฉลองสิ้นปี
รวมถึงเพิ่มเทศกาลต่าง ๆ มาเป็นกิมมิกเข้าถึงลูกค้า เช่น วันเด็ก วันสงกรานต์ วันพ่อ จากเดิมที่ประสบความสำเร็จในช่วงเทศกาลวันแม่ และเทศกาลชีสโทสต์ที่เป็นของSizzlerเอง
การมีเมนู Festive Season เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ดึงลูกค้าใหม่ และเพิ่มความถี่ในการเข้ามาใช้บริการด้วยความว้าวของเมนูที่ไม่มีอยู่ใน Core Menu และการที่ลูกค้าเข้ามาสั่งอาหาร Festive Season ส่วนหนึ่งจะสั่งอาหารที่เป็น Core Menu ควบคู่กันไป
ปัจจุบันSizzlerมีสัดส่วนรายได้ที่มาจาก Core Menu 90% และ Festive Season 10% ซึ่งเป็นสัดส่วนรายได้ที่อนิรุทร์มองว่าเหมาะสม เนื่องจากการมีสัดส่วน Core Menu 90% ยังมีพื้นที่ในการดึงลูกค้าเข้ามาใช้บริการด้วย Festive Season
และถ้ามี Festive Season มากเกินไป เมื่อจบ Festive Season จะไม่สามารถดึงดูดลูกค้าจาก Core Menu ได้มากนัก
ซึ่งสัดส่วน Core Menu 90% เป็นสัดส่วนที่มีการปรับขึ้นจากเดิมที่มีไม่ถึง 90%
2. สร้างความถี่จากลูกค้ารับประทานมื้อเที่ยงและเดลิเวอรี
Sizzlerมีการจัดเมนู Launch Special ในช่วงวันจันทร์-ศุกร์ ยกเว้นวันหยุดราชการ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เพื่อดึงดูดลูกค้ากลุ่มคนทำงานให้เข้ามารับประทานเป็นมื้อเที่ยง เพื่อเพิ่มความถี่ในการใช้บริการมากขึ้น
นอกจากนี้ ในสิ้นปี 2024 Sizzlerยังได้รุกตลาดเดลิเวอรี ผ่านเซตอาหารในรูปแบบ Box Set เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายลูกค้าที่ต้องการซื้ออาหารเพื่อปาร์ตี้ที่บ้าน หรือที่ทำงาน เพื่อสร้างโอกาสในการเข้าถึงลูกค้าในโมเมนต์ใหม่ ๆ

3. สร้างแบรนด์ผ่านน้องชีสโทสต์ และ Art Toy
หลังจากที่Sizzlerเปิดตัวน้องชีสโทสต์เป็นแมสคอตให้กับแบรนด์เมื่อปี 2023 ได้มีการปรับรูปลักษณ์ และพัฒนารูปแบบการสื่อสารผ่านน้องชีสโทสต์อย่างต่อเนื่อง จากการมองเห็นโอกาสที่สร้างการจดจำในแบรนด์ Sizzler และทำให้แบรนด์ดูเด็กลง เข้าถึงคนรุ่นใหม่หลากหลายรูปแบบ
เช่น ล่าสุด Sizzler ได้ทำ Art Toy น้องชีสโทสต์ คอลเลกชัน 2 ในรูปแบบกล่องสุ่ม จำนวน 30,000 สุ่ม และไซซ์ขนาดใหญ่ 400% เข้ามาเป็นกิมมิกการตลาดเพื่อให้ลูกค้าเข้ามาหน้าร้านเพื่อซื้อกล่องสุ่ม หรือน้องซีสโทสต์ไซซ์ 400% เพื่อสะสม
การเปิด Art Toy น้องชีสโทสต์ คอลเลกชัน 2 มาจากการเห็นโอกาสกระแสการเติบโตของกลุ่มสุ่ม Art Toy ในประเทศไทย และการตอบรับกล่องสุ่มน้องชีสโทสต์คอลเลคชันแรกที่ทำมา 3,000 สุ่มที่หมดอย่างรวดเร็ว
ซึ่งการทำกล่องสุ่มน้องชีสโทสต์ และน้องชีสโทสต์ไซซ์ขนาดใหญ่ 400% เป็นหนึ่งในกลยุทธ์นำแบรนด์Sizzlerเข้าไปอยู่ใกล้ชิดลูกค้าทุกช่วงเวลา เพื่อสร้างความจดจำ และเป็น Top of Mind ในใจลูกค้าในที่สุด
4. สร้างการเติบโตลูกค้า Dimond Member
ในปัจจุบันSizzlerมีฐานลูกค้า Dimond Member หรือกลุ่มลูกค้าที่เข้ามารับประทานSizzlerเป็นประจำ 20,000 ราย จากฐานสมาชิกทั้งหมด 850,000 ราย ส่วนปีที่ผ่านมา Sizzlerมีฐานลูกค้า Dimond เพียง 5,000 ราย จากฐานสมาชิก 500,000 ราย
การเติบโตของลูกค้า Dimond ส่วนหนึ่งมาจากกิจกรรมการตลาดที่Sizzlerให้กับลูกค้า Dimond เช่น การจัดกิจกรรมรับประทานอาหารเมนูพิเศษสำหรับลูกค้า Dimond กลุ่ม Top Spender, การได้รับ Art Toy น้องชีสโทสต์คอลเลกชันสีทองที่ทำขึ้นมาให้กับลูกค้ากลุ่มนี้โดยเฉพาะ จากการมองเห็นลูกค้ากลุ่มนี้ต้องการสิทธิพิเศษต่าง ๆ ที่ลูกค้ากลุ่มอื่นไม่มี

และสิทธิพิเศษต่าง ๆ เหล่านี้เป็นการดึงดูดความสนใจให้ลูกค้าระดับ Green และ Gold เข้ามารับประทานในความถี่ที่มากกว่าเดิมเพื่อสะสมยอดรับประทานอัปขึ้นเป็น Dimond และลูกค้า Dimond สะสมยอดรับประทานเพื่อรักษาการเป็นลูกค้าระดับ Dimond ไว้ รวมถึงรับประทานมากขึ้นเพื่อเป็น Top Spender
ซึ่งการมีลูกค้าระดับ Dimond จำนวนมากทำให้ Sizzler สามารถสร้างยอดจำหน่ายผ่านความถี่ของลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ เพราะลูกค้า Dimond จะเข้ามารับประทาน Sizzler เฉลี่ยปีละ 13-14 ครั้ง Dimond กลุ่ม Top Spender สัปดาห์ละครั้ง และทำให้ความถี่เฉลี่ยของฐานลูกค้าสมาชิกของSizzlerเพิ่มขึ้นจาก 3 ครั้งต่อปีในปีที่ผ่านมา เป็น 4 ครั้งต่อปีในปัจจุบัน
และในปี 2025 อนิรุทร์มีแนวทางสร้างการเติบโตผ่าน สลัดบาร์ ซึ่งเป็นซิกเนเจอร์ของSizzlerที่คู่แข่งไม่มีมากขึ้น ผ่านการปรับปรุงรูปแบบ และนำวัตถุดิบที่เป็นซูเปอร์ฟู้ดเข้ามาเสิร์ฟกับลูกค้า
ไปพร้อม ๆ กับสร้างการรับรู้ให้กับลูกค้าถึงการสั่งอาหารหลักทุกเมนูในSizzler สามารถรับประทานสลัดบาร์ได้ฟรีมากขึ้น เพื่อสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งให้ผู้บริโภครับทราบอย่างชัดเจนขึ้น
อย่างไรก็ดี สำหรับในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา Sizzlerมีผลประกอบการรายงานกรมพัฒนาธุรกิจการค้าดังนี้
2564 รายได้รวม 1,455.67 ล้านบาท ขาดทุน 38.89 ล้านบาท
2565 รายได้รวม 2,359.36 ล้านบาท กำไร 95.02 ล้านบาท
2566 รายได้รวม 2,461.85 ล้านบาท กำไร 98.62 ล้านบาท
Marketeer FYI
Sizzler เป็นของ Minor จริง ๆ ในปี 2023
ร้านอาหารSizzlerถือเป็นแบรนด์ที่ผูกพันกับบริษัทไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) มาอย่างยาวนาน ในฐานะแฟรนไชซี ก่อนที่จะเปลี่ยนมือมาเป็นของไมเนอร์ฯ จริง ๆ ในปี 2023 จากการซื้อหุ้น 100% ในบริษัท Singco Trading Pte. Ltd. ด้วยมูลค่า 546 ล้านบาท หรือ 21 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์
เพื่อได้รับสิทธิ์เป็นเจ้าของใน Sizzler ประเทศไทยและญี่ปุ่น ที่ในวันที่ซื้อมี 64 สาขาในไทย และญี่ปุ่น 10 สาขา
–
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้
Website : Marketeeronline.co /
