Trends / ถือเป็นข่าวใหญ่ด้านการลงทุนและเทคโนโลยีช่วงท้ายปี 2024 ในกลุ่มประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สำหรับข่าวรัฐบาลอินโดนีเซีย สั่งห้ามจำหน่าย iPhone 16 ที่นำเข้ามาแล้ว ภายใต้ข้ออ้างว่าชิ้นส่วน 40% ไม่ได้ผลิตในประเทศ

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อกดดันให้ Apple มาสร้างโรงงานหรือลงทุน ตามนโยบายของประธานาธิบดี ปราโบโว ซูบิอันโต ที่เพิ่งชนะเลือกตั้งมาได้ไม่นาน

ด้าน Apple ก็ตอบสนองด้วยการประกาศลงทุน 110 ล้านดอลลาร์ (ราว 3,700 ล้านบาท) ในอินโดนีเซียอีก 2 ปีจากนี้  ซึ่งมีการขยายโรงงานผลิตชิ้นส่วนและอุปกรณ์ต่าง ๆ ของ iPhone ที่เมืองบันดุง รวมอยู่ด้วย

ทว่าก็มีเรื่องให้สาวก iPhone และ Apple ในอินโดนีเซียต้องหายใจไม่ทั่วท้องอีก เพราะข้ามปี 2025 มาแล้วรัฐบาลยังไม่ปลดมาตรการห้ามขาย iPhone 16 ทั้ง 9,000 เครื่องที่นำเข้ามาแล้วเสียที  

ท่ามกลางข้อมูลว่า รัฐบาลไม่พอใจเม็ดเงินที่ Apple จะมาลงทุน โดยเห็นว่าเทียบไม่ได้เลยกับงบ 15,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 513,000 ล้านบาท) ในเวียดนาม ซึ่งเป็นการสื่อว่า Apple ต้องเพิ่มเงินลงทุนในอินโดนีเซียให้ทัดเทียมกับเพื่อนบ้านใน ASEAN

แพทย์ชาวอินโดนีเซียกล่าวว่า ตนกำลังจับตาดูสถานการณ์นี้อย่างใกล้ชิด เพราะแม้เป็นสาวก iPhone มาตลอด และมีรายได้สูงที่จะซื้อสมาร์ตโฟนของ Apple รุ่นใหม่ ๆ ทั้งที่นำเข้ามาหรือบินไปซื้อในสิงคโปร์ได้ แต่หากมาตรการสั่งแบนยังลากยาวออกไป จนราคาแพงขึ้น ๆ และเครื่องที่ใช้เกิดขัดข้องแล้วหาอะไหล่ไม่ได้อีก  

หรืองานรัดตัวจนไม่มีเวลาบินไปซื้อเครื่องใหม่ที่สิงคโปร์ ที่สุดแล้วก็คงถึงคราวย้ายค่ายไปใช้สมาร์ตโฟนแบรนด์อื่น ๆ

ส่วนที่ปรึกษาทางกฎหมายองค์กรอิสระคุ้มครองผู้บริโภคและหัวเรือใหญ่ของหน่วยกลางทางการค้าในอินโดนีเซียให้ทัศนะไปทิศทางเดียวกันว่า รัฐบาลควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงผลดีผลเสียก่อนใช้มาตรการแข็งกร้าวใด ๆ 

เพราะแม้มีจุดประสงค์เพื่อปกป้องเศรษฐกิจและกระตุ้นการลงทุน แต่ก็อาจก่อผลเสียแบบคาดไม่ถึงตามมาหรือได้ไม่คุ้มเสีย  

เช่น อาจทำให้ประเทศบ้านเกิดของแบรนด์ใหญ่-บริษัทใหญ่ สั่งแบนสินค้าอินโดนีเซียเป็นการตอบโต้ ขณะเดียวกันก็ไม่ควรปิดกั้นความต้องการของผู้บริโภคมากจนเกินไป

นอกจากนี้ อาจเป็นปัจจัยลบฉุดความนิยมของอุปกรณ์และสินค้า Apple ให้ลดลงไปในระยะยาวอีกด้วย

สำหรับอินโดนีเซียเป็นประเทศใหญ่สุดและประชากรมากสุดใน ASEAN โดยในจำนวนนี้ 100 ล้านคนเป็นประชากรอายุต่ำกว่า 30 ปี และชื่นชอบเทคโนโลยี จึงถือเป็นตลาดสมาร์ตโฟนขนาดใหญ่สุดใน ASEAN แต่กลับไม่มี Apple Store เลย ตรงข้ามกับสิงคโปร์ ที่เล็กกว่าอย่างมาก ซึ่งมี Apple Store อยู่ 3  สาขา

นี่จึงกลายเป็นโอกาสให้สมาร์ตโฟน แบรนด์จีนและเกาหลีใต้ อย่าง Vivo, Oppo และ Samsung แข่งกันทำตลาดอินโดนีเซียโดยไม่ต้องกังวล iPhone

อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามต่อไปว่ามาตรการกดดัน Apple ของรัฐบาลอินโดนีเซียจะประสบความสำเร็จหรือไม่ โดยหากตกลงกันได้ Apple ก็จะรุกเข้าตลาดใหญ่สุดใน ASEAN ที่พร้อมด้วยปัจจัยในการผลิต ทั้งพื้นที่ และแร่ทำแบตเตอรี่ อย่างเป็นทางการ

ขณะเดียวกันจะถือเป็นความสำเร็จอีกครั้งของรัฐบาลอินโดนีเซีย หลังเคยใช้มาตรการแบน TikTok จน ByteDance ที่เป็นบริษัทแม่อ่อนข้อทำตามกฎและร่วมลงทุน 1,500 ล้านดอลลาร์ (ราว 51,300 ล้านบาท) กับ Tokopedia ค่ายอี-คอมเมิร์ซใหญ่ของประเทศมาแล้ว เมื่อปี 2023/aljazeera


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer