2024 ถือเป็นปีทองของหนังไทย ทั้งจากจำนวนหนังไทยที่สร้างชื่อเสียง รายได้มากกว่า 100 ล้านบาท มากกว่า 8 เรื่อง ไม่ว่าจะเป็น ธี่หยด 2, หลานม่า, พี่นาค, อนงค์, วิมานหนาม, หอแต๋วแตกสัปะหยด, เทอม 3 และวัยหนุ่ม 2544 จากจำนวนหนังไทยในตลาด 54 เรื่อง
ส่วนปี 2023 หนังไทยทำรายได้ 100 ล้านบาทมีเพียง 4 เรื่องเท่านั้น
และหนังไทยที่สร้างรายได้ 100 ล้านบาทเหล่านี้ ยังเป็นส่วนหนึ่งที่ขับเคลื่อนให้สัดส่วนหนังไทยทำรายได้แซงหน้าหนัง Hollywood วัดจากรายได้จากการจำหน่ายตั๋วหนังในโรงภาพยนตร์ไทย
ปรากฏการณ์ที่หนังไทยสร้างรายได้แซงหน้า Hollywood เริ่มส่งสัญญาณมาให้เห็นตั้งแต่ปี 2023 ที่หนังไทยสร้างผลงานคุณภาพ บนความหลากหลายเพื่อเข้าถึงผู้ชมอย่างต่อเนื่อง และทำให้หนังไทยขยับสัดส่วนรายได้กินส่วนแบ่งของหนัง Hollywood อย่างต่อเนื่อง จากในอดีตที่หนัง Hollywood มีสัดส่วนมากถึง 70-80% มาตลอด
อ้างอิงข้อมูลจาก M Studio พบว่า
ปี 2022
สัดส่วนหนังไทย 35%
สัดส่วนหนัง Hollywood 60%
สัดส่วนหนังอื่น ๆ 5%
ปี 2023
สัดส่วนหนังไทย 44%
สัดส่วนหนัง Hollywood 50%
สัดส่วนหนังอื่น ๆ 6%
ปี 2024
สัดส่วนหนังไทย 54%
สัดส่วนหนัง Hollywood 38%
สัดส่วนหนังอื่น ๆ 8%
และเฉพาะปี 2024 รายได้หนังจากโรงภาพยนตร์มีจำนวนทั้งสิ้น 4,485 ล้านบาท จากหนังทั้งหมด 326 เรื่อง จำนวนขายตั๋ว 36.7 ล้านใบ
แบ่งเป็น
หนังไทย
จำนวน 54 เรื่อง
มีรายได้จากการจำหน่ายตั๋ว 2,438 ล้านบาท
จำนวนตั๋วชมภาพยนตร์ 21.1 ล้านใบ
หนัง Hollywood
จำนวน 123 เรื่อง
มีรายได้จากการจำหน่ายตั๋ว 1,694 ล้านบาท
จำนวนตั๋วชมภาพยนตร์ 12.4 ล้านใบ
หนังอื่น ๆ
จำนวน 149 เรื่อง
มีรายได้จากการจำหน่ายตั๋ว 353 ล้านบาท
จำนวนตั๋วชมภาพยนตร์ 3.1 ล้านใบ

ส่วนปีนี้ สุรเชษฐ์ อัศวเรืองอนันต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร M Studio คาดการณ์ว่าตลาดหนังไทยจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง พร้อมจำนวนหนังไทยคาดว่าจะเข้าฉายทั้งสิ้น 70 เรื่อง
โดยที่ผ่านมาจำนวนหนังไทยที่เข้าฉายมีดังนี้
2022 42 เรื่อง
2023 53 เรื่อง
2024 54 เรื่อง
2025 70 เรื่อง
แม้ปี 2025 หนังไทยจะมีจำนวนมากออกมาสร้างความสุขกับผู้ชม แต่เป็นปีที่หนังไทยมีความท้าทายด้านการแข่งขันกับหนัง Hollywood ที่สุรเชษฐมองว่า ถือเป็นปีที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์หนัง Hollywood จากหนัง Blockbuster (หนังทำเงิน) หนังฟอร์มยักษ์ เช่น Captain America, Avatar และอื่น ๆ ที่เข้ามาฉายในภาพยนตร์อย่างต่อเนื่อง
นอกเหนือจากการแข่งขันกับหนัง Hollywood แล้ว หนังไทยยังมีความท้าทายจากผู้ชม แฟนคลับหนังไทยที่มีความคาดหวังที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ และต้องการชมหนังไทยที่ทำถึง มีความคิดสร้างสรรค์ สามารถตอบสนองผู้ชมได้อย่างลึกซึ้ง
บนโอกาสของผู้ชมชาวไทยที่เอาใจช่วยให้หนังไทยเติบโต และให้อภัยเมื่อมีข้อผิดพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เกิดขึ้น
และหนังไทยยังคงแข่งขันกันเองจากผู้ผลิตหนังไทยค่ายต่าง ๆ ที่นำเสนอผลงานตัวเองเข้าถึงผู้ชมจำนวนมาก
โดยใน 2 ปีที่ผ่านมา M Studio ให้ข้อมูลว่าสตูดิโอไทยที่ผลิตหนังไทยและรับดูแลจัดจำหน่ายภาพยนตร์ไทย มีจำนวนหนังออกสู่ตลาด และสร้างรายได้จากหนังไทยทั้งปีดังนี้
2023
M Studio ส่วนแบ่งตลาด 39%
จากหนัง 14 เรื่อง
สร้างรายได้รวม 891 ล้านบาท
ไทบ้าน MVP ส่วนแบ่งตลาด 35%
จากหนัง 5 เรื่อง
สร้างรายได้รวม 782 ล้านบาท
เนรมิตหนัง ส่วนแบ่งตลาด 11%
จากหนัง 2 เรื่อง
สร้างรายได้รวม 250 ล้านบาท
GDH ส่วนแบ่งตลาด 7%
จากหนัง 5 เรื่อง
สร้างรายได้รวม 154 ล้านบาท
สหมงคล ส่วนแบ่งตลาด 5%
จากหนัง 4 เรื่อง
สร้างรายได้รวม 116 ล้านบาท
ไฟว์สตาร์ ส่วนแบ่งตลาด 1%
จากหนัง 3 เรื่อง
สร้างรายได้รวม 23 ล้านบาท
ค่ายอื่น ๆ รวมกัน ส่วนแบ่งตลาด 8%
จากหนัง 20 เรื่อง
สร้างรายได้รวม 40 ล้านบาท
2024
M Studio ส่วนแบ่งตลาด 54%
จากหนัง 16 เรื่อง
สร้างรายได้รวม 1,322 ล้านบาท
GDH ส่วนแบ่งตลาด 22%
จากหนัง 5 เรื่อง
สร้างรายได้รวม 536 ล้านบาท
ไฟว์สตาร์ ส่วนแบ่งตลาด 8%
จากหนัง 1 เรื่อง
สร้างรายได้รวม 187 ล้านบาท
เนรมิตหนัง ส่วนแบ่งตลาด 7%
จากหนัง 6 เรื่อง
สร้างรายได้รวม 160 ล้านบาท
สหมงคล ส่วนแบ่งตลาด 6%
จากหนัง 2 เรื่อง
สร้างรายได้รวม 142 ล้านบาท
สำหรับปี 2025 บนการแข่งขันของตลาดหนังไทย 70 เรื่อง M Studio ได้วางเป้าหมายผลิตและรับจัดจำหน่าย รวม 16 เรื่อง เป็นเรื่องที่ผลิต และร่วมทุนกับพันธมิตร 7 เรื่อง เช่นหนังภาคต่ออย่าง ธี่หยด 3, นาคี 3, อนงค์ 2, อีเรียมซิ่ง 2 รวมถึงไลน์อัปหนังอื่น ๆ ในหลากรสชาติ เช่น สุสานคนเป็น จากผู้กำกับสืบสันดาน, A Million Way to love หนังที่ทำงานร่วมกันระหว่างบอย โกสิยพงษ์ และผู้กำกับ ลอง ลีฟ เลิฟว์, หมู่บ้านโคกะโหลก, หอแต๋วแตก แหกหัวกับไส้, นางฟ้าขาแดนซ์ ระเบียบวาทะศิลป์ ของผู้กำกับพจน์ อานนท์ และรับดูแลการจัดจำหน่าย 9 เรื่อง

ซึ่งการผลิตและร่วมทุนกับพันธมิตร เช่น ช่อง 3, เวิร์คพอยต์, กันตนา, BEC, คาร์แมนไลน์ สตูดิโอ, Mono และ อื่น ๆ เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่นำความเชี่ยวชาญและศักยภาพด้านต่าง ๆ ของพาร์ตเนอร์สร้างความความหลากหลายให้กับหนัง เพื่อเจาะผู้ชมในแต่ละเซกเมนต์
ในปีนี้ M Studio ยังวางกลยุทธ์นำเสนอหนังโลคอล คอนเทนต์มาเป็นหนึ่งในการแข่งขัน เช่น หนังเรื่อง เหมรฺย 2 , ป่าช้าผีแขก ของภาคใต้ และสาปเมืองสำหรับภาคเหนือ และภาคอีสานในอนาคตจากการมองเห็นโอกาสในการเติบโตของผู้ชมกลุ่มนี้
อย่างไรก็ดี สำหรับในปี 2025 สุรเชษฐ์คาดการณ์ว่าจากจำนวนและความหลากหลายของหนังถึง 16 เรื่อง จะสร้างการเติบโตให้กับ M Studio 20-30% จากปี 2024 ที่มีรายได้ 1,322 ล้านบาท เติบโต 38% จากปี 2023 ที่มีรายได้ 891 ล้านบาท
และ M Studio จะเติบโตตามที่หวังไหม คงต้องรอดูกันสิ้นปี เพราะตลาดหนังปี 2025 ไม่มีใครยอมใครแน่นอน
Marketeer FYI
หนังไทยกล้าลงทุนกว่าเดิม
เหตุผลที่หนังไทยทำถึง กล้าลงทุนทั้งเม็ดเงิน คุณภาพ และความหลากหลายกว่าในอดีต มาจากในปัจจุบันหนังไทยมีช่องทางหารายได้ใหม่ ๆ ที่นอกเหนือจากโรงภาพยนตร์ เช่นการเปิดตลาดไปฉายต่างประเทศ และการขายสิทธิ์ให้แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งให้บริการกับลูกค้าแพลตฟอร์ม เป็นต้น
