เวลาที่คุณหัวเสียกับเรื่องที่น่าหงุดหงิด อย่างเช่นเวลาที่รถติดแหง็กบนถนน การจราจรติดขัดไปหมด แท็กซี่พาหลงทาง ลิฟต์ค้าง สถานการณ์เหล่านี้ล้วนปลุกอารมณ์ฉุนเฉียวได้อย่างดี แต่เราจะทำอะไรได้ ในเมื่อมันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ โมโหไปก็เปล่าประโยชน์
เมื่อเราสะสมความหงุดหงิดไปเรื่อย ๆ รังแต่จะทวีความรุนแรงเป็นความโกรธที่จุดชนวนให้วันทั้งวันกลายเป็นวันแย่ ๆ ของเรา ซึ่งเรามักจะจมอยู่กับเรื่องหัวเสียเหล่านี้ จนมองว่าไม่ Made my day เอาเสียเลย
ขณะที่เรากำลังหัวเสียอยู่นั้น รู้หรือไม่ว่าร่างกายได้ใช้พลังงานมหาศาลไปกับการตำหนิตัวเองในเรื่องที่ควบคุมไม่ได้ แล้วจะทำอย่างไรให้เรายอมรับในอะไรก็ตาม ว่าเราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงมันได้
มีปรัชญาญี่ปุ่นที่เป็นวิธีรับมือกับความเครียดในแต่ละวันเช่นนี้ เรียกว่า แนวคิดที่เรียกว่า “しょうがない” (Shoganai) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของปรัชญาที่เรียกว่าเป็นวิธีเปิด “สูตรลับความสุข” ปรัชญานี้แปลงมาจากคำสอนของศาสนาพุทธ ที่เรียกง่าย ๆ ว่า การปล่อยวาง เพื่อให้เรามีความสงบสุขในชีวิตประจำวัน
วิธีดำเนินชีวิตตามแนวคิด Shoganai
ปรัชญามีพื้นฐานอยู่บนหลักการของการมีสติ คือให้ความสำคัญกับปัจจุบัน ลืมสิ่งที่ผ่านมาแล้วในอดีต และละทิ้งความกังวลต่อสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น กุญแจสำคัญของปรัชญานี้เป็นเหมือนการกดปุ่มรีเซตจิตใจของคุณ ความเครียดทั้งหมดที่คุณสะสมไว้ สิ่งที่น่ารำคาญทั้งหมดที่เกิดขึ้น เพียงแค่พูดคำว่า “Shouganai” แล้วทุกอย่างก็จะเริ่มต้นใหม่เหมือนคอมพิวเตอร์ที่ถูกรีสตาร์ท เราจึงจะก้าวต่อไปได้หลายคนมองว่าการ ‘ยอมแพ้’ เมื่อเผชิญปัญหา จะกลายเป็นคนไม่เอาถ่าน ความมุมานะพยายามต่ำ แต่จริง ๆ แล้ว การรู้จักถอยในเวลาที่ควรถอย ไม่ได้แปลว่าคุณเป็นคนแพ้
ยกตัวอย่าง
เรามักจะได้ยินคนญี่ปุ่นพึมพำคำนี้บ่อย ๆ เช่น มีคนทำกาแฟหกใส่เสื้อก่อนการประชุม จะให้เลื่อนเวลาประชุมไม่ได้ จะให้เปลี่ยนก็ไม่ทันเหมือนกัน ทำอะไรไม่ได้แล้ว ช่วยไม่ได้ โชกาไน ไปต่อกันเถอะ
หรือจะเป็นเวลาที่สุนัขกำลังกัดแทะเฟอร์นิเจอร์ ทำบ้านรกเละเทะ เราย่อมมีความหงุดหงิดและโกรธเคืองอย่างแน่นอน เราต้องอดทน แล้วพยายามสอนเขาตามแผนฝึกสุนัข เพราะต่อให้ไปดุด่าสัตว์เลี้ยง มันก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น
เวลาเกิดเหตุการณ์ที่นอกเหนือการควบคุมของเรา สิ่งแรกที่ควรทำคือ จัดระเบียบความคิดว่า สิ่งที่เกิดขึ้นมันเป็นสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้ เราเปลี่ยนแปลงมันไม่ได้ แล้วก็ปล่อยผ่านไปเสีย
ลองคิดอย่างนี้ในทุกวัน แล้วคุณจะเห็นการเปลี่ยนแปลงว่า เราเริ่มจะควบคุมกระแสความคิดได้มากขึ้น และความคิดลบที่มักจะมาผสมโรงตอนเราหัวเสียจะน้อยลง คุณจะมีสติสัมปชัญญะและควบคุมอารมณ์ได้ดีขึ้นมาก
การปรับความคิดหรือรีเซตทัศนคติอยู่เสมอ จะช่วยให้เราไม่ต้องเสียพลังงานไปกับการคิดถึงเรื่องแย่ ๆ ในวันนั้น
ประโยชน์ที่เมื่อทำตามแนวคิดนี้ สุขภาพจิตจะดีขึ้น
- ลดระดับฮอร์โมนคอร์ติซอล : ฮอร์โมนชนิดนี้เป็นตัวที่ก่อความเครียด ร่างกายเราจะผลิตคอร์ติซอลออกมาในสถานการณ์ฉุกเฉิน แต่หากร่างกายผลิตคอร์ติซอลออกมาเป็นเวลานานอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพของเราได้ โดยกระตุ้นให้เกิดอารมณ์โกรธหรือเศร้า และยังส่งผลเสียต่อการนอนหลับ และทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลงได้ การปฏิบัติตามแนวคิดนี้จะช่วยลดฮอร์โมนคอร์ติซอลในสถานการณ์น่าหงุดหงิด
- ช่วยให้ตั้งสติได้ไว: หากคุณยอมรับว่าเหตุการณ์ตรงหน้าเป็นสิ่งที่อยู่เหนือการควบคุม คุณไม่สามารถทำอะไรได้ เมื่อเข้าใจเช่นนั้นจะทำให้ตั้งสติได้ไว ประคองสติสัมปชัญญะที่จะแก้ปัญหาตรงหน้าได้
- รู้เท่าทันอารมณ์ตัวเอง: การยอมรับต่อสิ่งที่ได้เกิดขึ้นแล้ว เข้าใจว่าตนทำอะไรไม่ได้แล้วนั้น จะช่วยให้ความหงุดหงิดหายไป สร้างสมดุลทางจิตใจที่ดีขึ้น จัดการอารมณ์ได้ง่าย ช่วยให้คุณดูเป็นคนน่าเคารพ
สุดท้ายแล้วแนวคิด “Shouganai” ก็เป็นเพียงการเตือนใจว่า เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งที่อยู่นอกเหนือการควบคุมได้ แต่เราสามารถควบคุมกิริยามารยาทของเราต่อสถานการณ์ที่ไม่เอื้ออำนวยได้
–
