หากย้อนกลับไปในช่วงต้นทศวรรษ 2000 “Skype” เป็นชื่อที่ใครหลายคนคุ้นเคยในฐานะโปรแกรมโทรผ่านอินเทอร์เน็ตที่เปลี่ยนโลกไปตลอดกาล แต่จากการเป็นผู้บุกเบิกการสื่อสารออนไลน์ Skype กลับกลายเป็นเพียงตำนานในปัจจุบัน อะไรคือจุดเริ่มต้นของแพลตฟอร์มนี้? อะไรทำให้มันรุ่งโรจน์? และทำไมมันถึงร่วงโรย? มาร่วมเดินทางย้อนเวลาไปพร้อมกัน

จุดเริ่มต้น: จากแนวคิดเล็ก ๆ สู่โปรแกรมเปลี่ยนโลก

Skype ก่อตั้งขึ้นในปี 2003 โดย Niklas Zennström และ Janus Friis สองผู้ประกอบการจากสวีเดนและเดนมาร์ก โดยอาศัยเทคโนโลยี P2P (peer-to-peer) ซึ่งถูกพัฒนาโดยทีมนักพัฒนาชาวเอสโตเนีย แนวคิดของพวกเขาคือการสร้างซอฟต์แวร์ที่ช่วยให้ผู้คนสามารถโทรหากันผ่านอินเทอร์เน็ตได้ฟรี ซึ่งในยุคนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่ล้ำหน้ามาก

Skype เปิดตัวครั้งแรกในเดือนสิงหาคม 2003 และได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว เพราะช่วยให้ผู้ใช้สามารถโทรศัพท์ผ่านอินเทอร์เน็ตโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย แถมคุณภาพเสียงยังคมชัดกว่าระบบโทรศัพท์แบบเดิม ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของอุตสาหกรรมโทรคมนาคม

ความสำเร็จ: จากโปรแกรมโทรฟรี สู่การซื้อขายพันล้าน

เมื่อ Skype ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีเริ่มให้ความสนใจ และในปี 2005 eBay ได้เข้าซื้อกิจการ Skype ด้วยมูลค่าสูงถึง 2.6 พันล้านดอลลาร์ โดยหวังว่าเทคโนโลยีนี้จะช่วยเสริมธุรกิจการซื้อขายออนไลน์ของพวกเขา

แม้ว่าภายหลัง eBay จะพบว่า Skype ไม่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจหลักของตนได้มากนัก แต่ความนิยมของ Skype ยังคงเติบโต และในปี 2011 Microsoft ก็เข้าซื้อ Skype ไปในราคาสูงถึง 8.5 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในการเข้าซื้อกิจการที่ใหญ่ที่สุดของ Microsoft ในขณะนั้น

Skype กลายเป็นแพลตฟอร์มสื่อสารหลักของ Microsoft และถูกผนวกรวมเข้ากับ Windows รวมถึงผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของบริษัท เช่น Outlook และ Xbox ในช่วงหนึ่ง Skype ถูกมองว่าเป็นผู้นำในตลาดวิดีโอคอลที่ไม่มีใครเทียบได้

จากรุ่งสู่ร่วง: จุดเปลี่ยนที่ทำให้ Skype พัง

แม้ว่า Skype จะเป็นที่นิยมอยู่ช่วงหนึ่ง แต่ปัญหาหลายประการเริ่มสะสมและทำให้มันค่อยๆ เสื่อมความนิยมลง

  1. อินเทอร์เฟซที่ล้าสมัยและเปลี่ยนแปลงบ่อยเกินไป
    Microsoft พยายามปรับปรุง Skype หลายครั้ง แต่กลับทำให้ซอฟต์แวร์ยุ่งยากขึ้นกว่าเดิม การเปลี่ยนแปลงที่ถี่เกินไปทำให้ผู้ใช้รู้สึกไม่สะดวก
  2. ประสิทธิภาพและเสถียรภาพที่ลดลง
    หลังจาก Microsoft เปลี่ยนระบบจาก P2P มาใช้เซิร์ฟเวอร์คลาวด์เต็มรูปแบบ Skype กลับมีปัญหาคุณภาพเสียงและวิดีโอที่แย่ลง รวมถึงปัญหาการเชื่อมต่อที่ไม่เสถียร
  3. คู่แข่งที่แข็งแกร่งกว่า
    ในขณะที่ Skype ยังคงพัฒนาอย่างเชื่องช้า คู่แข่งอย่าง Zoom, Google Meet, FaceTime และ WhatsApp กลับเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในช่วงโควิด-19 ที่ Zoom ก้าวขึ้นมาเป็นแพลตฟอร์มวิดีโอคอลอันดับหนึ่ง
  4. การบริหารที่ผิดพลาดของ Microsoft
    แม้ว่า Microsoft จะพยายามดัน Skype ให้เป็นแพลตฟอร์มหลักของการสื่อสาร แต่กลับไม่สามารถพัฒนามันให้ตอบโจทย์ผู้ใช้ได้ดีพอ จนในที่สุด Microsoft ก็หันไปให้ความสำคัญกับ Microsoft Teams มากกว่า ทำให้ Skype ถูกลดบทบาทลงไปเรื่อย ๆ

บทสรุป: จากตำนานสู่บทเรียน

จากโปรแกรมที่เคยปฏิวัติการสื่อสารออนไลน์ สู่การกลายเป็นแพลตฟอร์มที่ถูกลืม Skype คือบทเรียนสำคัญที่ชี้ให้เห็นว่าการเป็นผู้นำตลาดไม่ได้การันตีว่าจะอยู่รอดตลอดไป หากขาดการพัฒนาให้ทันยุคสมัย

ปัจจุบัน แม้ว่า Skype ยังคงมีอยู่ แต่แทบไม่มีบทบาทสำคัญในตลาดอีกต่อไป ถูกแทนที่ด้วยเครื่องมืออื่นที่ใช้งานง่ายกว่า และตอบโจทย์โลกที่หมุนไปอย่างรวดเร็ว

ล่าสุด Microsoft ได้แถลงอย่างเป็นทางการว่า Skype จะยุติการให้บริการในเดือนพฤษภาคมนี้ และจะมุ่งเน้นการพัฒนาไปที่ Microsoft Teams ต่อไป

Skype อาจไม่ใช่ “แอปที่คนใช้มากที่สุด” อีกต่อไป แต่มันจะคงอยู่ในความทรงจำของคนยุคหนึ่ง ที่เคยใช้มันเป็นเครื่องมือเชื่อมต่อกับโลกในแบบที่ไม่เคยเป็นไปได้มาก่อน


เรื่อง: เอกพล ไอศวรรยธรรม


ซีรีส์ “สร้างมาให้ Fail”  มีด้วยกัน 12 Episodes

EP.1: Google+ : โซเชียลเน็ตเวิร์กที่ล้มเหลวสมบูรณ์แบบ

EP.2 : Microsoft Zune: ฝันใหญ่ของไมโครซอฟท์ที่พ่ายแพ้ให้กับ iPod

EP.3 : Skype โทรคุยข้ามโลกที่กลายเป็นเรื่องตกยุค

EP.4 : Segway จากนวัตกรรมเปลี่ยนโลก สู่บทเรียนธุรกิจราคาแพง

EP.5 : Samsung Galaxy Note 7 จากสมาร์ทโฟนในฝัน สู่ฝันร้ายทางเทคโนโลยี

 

 


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer