มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เร่งเครื่องไฮบริด รับเทรนด์เติบโตดีท่ามกลางตลาดรถยนต์ซบเซา เปิดตัวครอสโอเวอร์เอสยูวี เจาะคนรุ่นใหม่ วางไทยฐานผลิตหลักรถเอชอีวี สานเป้าส่วนแบ่งตลาดรถยนต์ปี 2568 แตะ 6%

| มิตซูบิชิ เร่งเครื่องพอร์ตไฮบริด
สานเป้าส่วนแบ่งตลาดรถยนต์แตะ 6% ด้วยเอสยูวีเจาะคนรุ่นใหม่ |
||||
| 4 อันดับแรกบริษัทรถยนต์ข้ามชาติ | ประเทศบริษัทแม่ | ปี พ.ศ. เข้ามาทำตลาดในไทย | ปี พ.ศ. เปิดโรงงานผลิตรถยนต์ในไทย | จดทะเบียนสะสม รย. 1 รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน ณ 28 ก.พ. 2568 / คัน * |
| Toyota | ญี่ปุ่น | 2505 | 2532 | 4,107,255 |
| Honda | ญี่ปุ่น | 2526 | 2539 | 2,441,227 |
| Isuzu | ญี่ปุ่น | 2500 | 2506 | 1,279,221 |
| Mitsubishi | ญี่ปุ่น | 2504 | 2535 | 877,620 |
| * ตัวเลขจดทะเบียนสะสมยังไม่นับรวม รถกระบะ เซกเมนต์แคปและตอนเดี่ยว ซึ่งถูกจัดอยู่ในหมวด รย. 3 รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล | ||||
| ที่มา: กองแผนงาน กรมการขนส่งทางบก / มีนาคม 2568 | ||||

มร. เรียวอิจิ อินาบะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า พอร์ตโฟลิโอของบริษัท แบ่งตามสัดส่วนการขายปี 2566 ดังนี้
รถอเนกประสงค์ 7 ที่นั่ง นำโดย Mitsubishi Xpander HEV (มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ เอชอีวี) 38%
กระบะ นำโดย Mitsubishi Triton (มิตซูบิชิ ไทรทัน) 28%
อีโคคาร์ นำโดย Mitsubishi Mirage (มิตซูบิชิ มิราจ), Mitsubishi Attrage (มิตซูบิชิ แอททราจ) 27%
พีพีวี นำโดย Mitsubishi Pajero Sport (มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต) 7%
โดยจากการขยายพอร์ตรถยนต์นั่งมาต่อเนื่อง ลดการเน้นแต่เพียงกลุ่มรถกระบะ ทำให้บริษัทยังสามารถขยับส่วนแบ่งตลาดรถยนต์ได้เพิ่มขึ้น
ซึ่งจากกระแสความนิยมรถยนต์ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด หรือ เอชอีวี (HEV) ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางตลาดรถยนต์ที่กำลังซบเซา เช่นกันกับความต้องการในตลาดรถกลุ่มเอสยูวีที่ยังมีศักยภาพ
บริษัทมองเห็นโอกาสดังกล่าว จึงได้เปิดตัว Mitsubishi Xpander HEV ไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ที่ผ่านมา วางตำแหน่งเจาะกลุ่มครอบครัว

ก่อนที่วันที่ 20 มี.ค. 2568 บริษัทก็ได้เปิดตัว Mitsubishi XForce HEV รถยนต์ไฮบริดในกลุ่มครอสโอเวอร์เอสยูวี ราคา 899,000 – 1,089,000 บาท วางตำแหน่งเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่และกลุ่มไลฟ์สไตล์ที่อยู่คนละฐานกับลูกค้าเอ็กซ์แพนเดอร์
Mitsubishi XForce HEV มีโหมดการขับขี่ 7 รูปแบบ ระบบควบคุมการขับเคลื่อนและสมดุลขณะเข้าโค้ง (AYC) และกล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา รถผ่านการทดสอบรวมระยะทางทั้งหมดกว่า 100,000 กิโลเมตร ทั่วประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2567 ที่ผ่านมา

ตัวรถมาพร้อมระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด เครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 1.6 ลิตร 1,590 ซีซี พละกำลังสูงสุด 107 แรงม้า ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า พละกำลังสูงสุด 116 แรงม้า แบตเตอรี่ขนาด 1.1 kWh ขับเคลื่อนล้อหน้า รองรับน้ำมันสูงสุด E20 เคลมอัตราสิ้นเปลือง 24.4 กิโลเมตรต่อลิตร
บริษัทวางเป้ารับรู้ยอดขาย Mitsubishi XForce HEV ราว 3,000 คัน ก่อนเริ่มส่งมอบล็อตแรกในช่วงเดือนเมษายน 2568 และพร้อมจัดจำหน่ายผ่านทางเครือข่ายผู้แทนจำหน่ายที่ได้รับแต่งตั้งอย่างเป็นทางการจากบริษัทกว่า 190 แห่งทั่วประเทศ
แผนงานในภาพรวมของบริษัทปี 2568 ตั้งเป้าส่วนแบ่งตลาดรถยนต์ในไทยอยู่ที่ 6% หรือคิดเป็นยอดขายราว 3.5 – 3.6 หมื่นคัน จากปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 4.7%
ทั้งนี้ บริษัทได้ขอรับการส่งเสริมการลงทุนในโครงการสนับสนุน รถยนต์ไฮบริด จากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ตามเงื่อนไขการลงทุนอย่างครบถ้วน และวางประเทศไทยเป็นฐานการผลิตสำคัญ ซึ่งได้มีการผลิต HEV ในปัจจุบัน 2 รุ่นแล้ว ทั้ง Mitsubishi Xpander HEV และ Mitsubishi XForce HEV ที่เพิ่งเปิดตัว
ขณะที่ในปี 2569 บริษัทยังเตรียมเปิดตัว Mitsubishi Pajero Sport รุ่นใหม่อีกด้วย
ภาพรวมตลาดรถยนต์ในไทย ปี 2568 ประเมินยอดขายใหม่ขยายตัว 2-5% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาซึ่งอยู่ที่ 5.7 แสนคัน เนื่องจากยังอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องเฝ้าระวังภาวะเศรษฐกิจ หนี้ครัวเรือน และทิศทางของนโยบายค้ำประกันสินเชื่อเช่าซื้อรถกระบะสำหรับกลุ่มเอสเอ็มอีกับโครงการรถเก่าแลกรถใหม่จากภาครัฐ
–
