Trends / การตอบโต้คือสิ่งที่จะตามมาหลังใช้วิธีแข็งกร้าวหรือรุนแรง โดยประเทศที่กำลังถูกจับตามองว่าจะเจอการโต้กลับมากมายแค่ไหนในอนาคตอันใกล้ คือสหรัฐฯ

เพราะเพิ่งประกาศจะขึ้นภาษีกับประเทศคู่ค้าทั่วโลก แม้มีทั้งประเทศที่ยอมอ่อนข้อขอเจรจา และประเทศที่ลุกขึ้นตอบโต้ด้วยมาตรการภาษีในระดับใกล้เคียงกัน แต่ภาพลักษณ์ที่เสียไปและความไม่พอใจต่อสหรัฐฯ ในหมู่ประชากรส่วนใหญ่ในโลก คงทำให้การเดินทางไปสหรัฐฯ เพื่อท่องเที่ยวลดลง

สื่อสหรัฐฯ รายงานอิงข้อมูลจากบริษัทที่ปรึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลด้านการท่องเที่ยวว่า ปี 2025 ปริมาณนักท่องเที่ยวต่างชาติจะลดลง 5.1% การใช้จ่ายจากนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้จะลดลง 11% ซึ่งทำให้ในกรอบเวลาเดียวกันรายได้เข้าประเทศจะหายไป 18,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 625,000 ล้านบาท)

นักท่องเที่ยวที่จะหายไปจากสหรัฐฯ มากสุดคือ ชาวแคนาดา ที่จะลดลงไป 30% ซึ่งส่วนใหญ่ไม่พอใจมาตรการกำแพงภาษีของสหรัฐฯ และมองว่าสหรัฐฯ ทำร้ายประเทศเพื่อนบ้าน

ขณะที่ชาวยุโรปและกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ ที่ไม่เห็นด้วยกับนโยบายเศรษฐกิจและนโยบายทางเพศต่าง ๆ ของรัฐบาลสหรัฐฯ ชุดนี้ ก็ลดการไปสหรัฐฯ เช่นกัน

และหากยังดำเนินนโยบายแข็งกร้าวต่อไป จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติและเม็ดเงินจากการท่องเที่ยวก็ลดลงไปอีก

สำนักงานการเดินทางและท่องเที่ยวสหรัฐฯ ระบุว่า อุตสาหกรรมท่องเที่ยวสหรัฐฯ อยู่ในช่วงขาลง โดยปี 2018 และ 2019 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่ที่ 80 ล้านคน แต่พอปี 2024 ลดลงเหลือ 72 ล้านคน

และหากเป็นไปตามคาดการณ์ในย่อหน้าด้านบน ปี 2025 ตัวเลขอาจลดลงน้อยกว่า 72 ล้านคน ซึ่งย่อมหมายถึงรายได้เข้าประเทศมหาศาลที่จะหายไปด้วย 

สื่อสหรัฐฯ ยังรายงานอิงผลสำรวจความคิดเห็นด้วยว่า ทัศนคติเชิงบวกต่อสหรัฐฯ และชาวอเมริกันในประเทศต่างๆ โดยเฉพาะในหมู่ชาวยุโรป ณ ปัจจุบันต่ำมาก โดยประเทศที่ต่ำสุดคือเดนมาร์ก เพราะประชากรส่วนใหญ่ไม่พอใจที่สหรัฐฯ จะผนวกกรีนแลนด์ของเดนมาร์กไปเป็นของตน   

กระแสต่อต้านรัฐบาลสหรัฐฯ จากนโยบายแข็งกร้าวและท่าทีข่มขู่ ยังส่งผลให้ชาวอเมริกันเองกลัวจะได้รับผลกระทบ จนลดหรืองดการเดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศอีกด้วย เช่น เจ้าของบริษัททัวร์ปีนเขาในเนปาลเผยว่า นักท่องเที่ยวชาวอเมริกันลดลงอย่างมาก

ส่วนชาวอเมริกันทั้งกลุ่มที่อยู่ระหว่างท่องเที่ยวและกลุ่ม Digital Nomad ซึ่งทำงานแบบออนไลน์เพื่อให้ได้เที่ยวไปด้วย โดยเฉพาะที่อยู่ในยุโรปให้ข้อมูลตรงกันว่า สัมผัสได้ถึงความไม่เป็นมิตรหรือไม่เต็มใจต้อนรับของชาวยุโรป  

อย่างไรก็ตาม ยังต้องจับตาดูว่า สถานการณ์ในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวสหรัฐฯ จะดีขึ้นหรือไม่ เพราะท่ามกลางกระแสต่อต้านสหรัฐฯ อีกไม่กี่ปีจากนี้ สหรัฐฯ จะเป็นเจ้าภาพอีเวนต์ใหญ่ที่อาจช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยว

เริ่มจากฟุตบอลโลกปี 2026 ที่จัดร่วมกับแคนาดาและเม็กซิโก ต่อด้วย โอลิมปิกในนครลอสแองเจลิส และ รักบี้ชิงแชมป์โลก ในปี 2028 และ 2031 ตามลำดับ/cnn, dw


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer