บูรพา พรอสเพอร์ แป้งข้าวเบอร์ 1 ประจำภาคตะวันออก ขอขึ้นสู้บนสังเวียนระดับประเทศ ลุยแตกแบรนด์ รีเฟรชภาพจำ จับกลุ่ม Gen ใหม่ ปูพรมส่งออกต่างแดน
ตลาดแป้งสำหรับประกอบอาหารมีมูลค่าอยู่ที่ราวหมื่นล้านบาท อัตราการเติบโตที่ 4-5% แต่แบ่งเซกเมนต์อย่างหลากหลาย ทั้งแป้งข้าว แป้งมัน แป้งสาลี แป้งผสม อันเป็นวัตถุดิบตั้งต้นในการประกอบอาหาร ด้วยไลฟ์สไตล์ของคนที่เปลี่ยนแปลงไป คนต้องการความสะดวกรวดเร็ว ส่งผลให้แป้งผสม (แป้งที่พร้อมประกอบอาหารโดยไม่ต้องผสมวัตถุดิบอื่นเพิ่ม) เป็นเซกเมนต์เดียวที่เติบโต
และในตลาดแป้งสำหรับประกอบอาหารจะคล้ายกับตลาดน้ำปลาปรุงรส ที่แต่ละแบรนด์จะมีฐานที่มั่นประจำตามแต่ละภูมิภาคของตน หากเอ่ยถึง “หมีคู่ดาว” หรือ “บูรพา พรอสเพอร์” ชาวภาคตะวันออกจะรู้จักแบรนด์นี้เป็นอย่างดี เพราะมีฐานลูกค้าใหญ่อยู่ในพื้นที่ภาคนี้
บริษัท บูรพา พรอสเพอร์ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายแป้งข้าวภายใต้แบรนด์ “Burapa Prosper” (บูรพา พรอสเพอร์) และ “หมีคู่ดาว” เริ่มต้นธุรกิจขึ้นในชลบุรี ครองตลาดในภาคตะวันออก แต่เมื่อธุรกิจเปลี่ยนมือสู่รุ่นที่สองก็เริ่มหันมาทำตลาดแบบเนชั่นวายมากขึ้น บุกตลาดใหญ่ทั่วไทยซึ่งก็เริ่มมาได้เพียง 3 ปีเท่านั้น
สถาพร ไพศาลบูรพา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บูรพา พรอสเพอร์ จำกัด เล่าว่า บริษัท บูรพา พรอสเพอร์ จำกัด อยู่คู่คนไทยมาเกือบ 50 ปี นับแต่ยุคบุกเบิกที่คุณพ่อและคุณแม่ของเธอได้ก่อตั้งบริษัทนี้ขึ้น โดยคุณพ่อเป็นเพียงลูกชาวสวน ส่วนคุณแม่คือลูกแม่ค้า ครอบครัวเชื้อสายจีน
คุณพ่อได้ศึกษาการนำข้าวมาใช้เป็นวัตถุดิบแทนมันสำปะหลัง เพราะเห็นโอกาสว่าแป้งข้าวสำเร็จรูปเป็นที่ต้องการของตลาดมาก แต่ยังมีผู้ผลิตน้อย เพราะในยุคนั้นแป้งสำเร็จรูปอย่างแป้งข้าวเจ้า ข้าวเหนียว ยังเป็นสินค้าใหม่มาก เพราะคนไทยส่วนใหญ่ยังโม่แป้งใช้เอง ท่านได้ผลิตแป้งข้าวโม่น้ำสำเร็จรูป ฉีกถุงแล้วใช้งานได้ทันที
ทำให้ บูรพา พรอสเพอร์ เป็นผู้ผลิตแป้งข้าวโม่น้ำสำเร็จรูปรายแรกของภาคตะวันออก เริ่มต้นทำกิจการค้าส่งในจังหวัดชลบุรีก่อน แล้วจึงค่อยขยับขยายออกไปต่างประเทศ ส่งออกให้กับลูกค้าชาวมาเลเซีย เมื่อใช้งานได้ดี ก็มีคำสั่งซื้อเรื่อยมา
เมื่อก้าวสู่รุ่นของคุณสถาพร ทายาทรุ่นที่สอง เธอเล่าต่อว่า แม้จะมีธุรกิจของที่บ้านให้สานต่อ แต่เธอก็ยังออกไปลองใช้ชีวิตการทำงานกับข้างนอกดูก่อน ใช้ชีวิตเหมือนพนักงานออฟฟิศ จนอายุ 30 ก็ต้องกลับมาช่วยงานครอบครัว
“ตอนที่กลับมาเราร้องไห้อยู่เป็นปี เพราะจากที่นั่งทำงานในออฟฟิศ เป็นสาวชีวิตเมืองกรุง ต้องมาอยู่ในโรงงาน เราไม่คุ้น ไม่เหมือนที่คิดไว้เลย แต่พอร้องไห้จบก็ทำงานต่อ”
จากภูมิภาคสู่มหภาค
จนมาถึงวันนี้ที่เธอก้าวเข้ามาดูแลบริษัทเต็มตัว กับฝันใหม่ที่จะนำเสนอสินค้าออกสู่ตลาดใหญ่ระดับประเทศ จากที่โลดแล่นอยู่เพียงภูมิภาค สามปีที่ผ่านมานี้บริษัทจึงเพิ่งเริ่มทำการตลาดแบรนด์อย่างจริงจัง ทุ่มเงินหลายสิบล้านในการสร้าง Brand Awareness ให้ Burapa Prosper และ หมีคู่ดาว เป็นที่รู้จักในหมู่ผู้บริโภค
“เป็นเรื่องยากอย่างแน่นอน เรามีส่วนแบ่งการตลาดในภูมิภาคตะวันออก 70-80% แต่พอขยับไปภูมิภาคอื่นเราคือผู้เล่นหน้าใหม่ ทั้งที่แบรนด์อยู่มาเกือบห้าสิบปีแล้ว เราต้องลุยทำการตลาดตั้งแต่ต้น ทำความรู้จักกับลูกค้าใหม่ เมื่อสามปีที่แล้วนี้เองที่เราบุกทำการตลาดอย่างหนัก จนปัจจุบันมาร์เก็ตแชร์ของเราอยู่ที่ 30% เป็นเบอร์ 3 ของตลาดแป้งข้าว”
ปัจจุบันบริษัทมีกลุ่มผลิตภัณฑ์หลัก 2 แบรนด์ 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่บริษัทพัฒนาเอง เช่น แป้งข้าวคุณภาพสูง แป้งชุบทอด เกล็ดขนมปังสูตรพิเศษ แป้งผสมสตรีทฟู้ด แป้งโมจิ และเม็ดสาคูเกรดส่งออก และ กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาตามสูตรเฉพาะของลูกค้า เช่น แป้งฟิชแอนด์ชิป แป้งลอดช่อง แป้งทองม้วน และแป้งเบเกอรี่กลูเตนฟรี ในบรรดาสินค้าแป้งเหล่านี้แป้งข้าวและเม็ดสาคูคือสินค้าเรือธงที่ขับเคลื่อนยอดขายหลักกว่า 70%
โดยที่ Burapa Prosper วางตำแหน่งเป็นทั้ง Corporate และ Product Brand ที่เน้นคุณภาพและนวัตกรรม เจาะตลาด B2B เป็นหลัก ขณะที่หมีคู่ดาว เน้นกลุ่ม B2C ทั้งสองแบรนด์จะทำงานประสานกันตั้งแต่ระดับครัวเรือนไปจนถึงอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ซึ่งสัดส่วนระหว่าง B2B และ B2C อยู่ที่ครึ่งต่อครึ่ง
ขณะที่เมื่อแบ่งตามช่องทางจำหน่าย สัดส่วนยอดขายในช่องทางโมเดิร์นเทรดอยู่ที่ 80% Horeca 15% ซึ่งเป็นช่องทางที่เติบโตเร็วที่สุด เนื่องจากมีทีมขายเฉพาะ ขณะที่ Online 5% ซึ่งปีนี้จะเร่งเพิ่มยอดขายผ่านอีคอมเมิร์ซ ควบคู่กับการใช้กลยุทธ์การตลาดผ่านดิจิทัลคอนเทนต์และอินฟลูเอนเซอร์ โดยเฉพาะวิดีโอรีวิวการใช้งานจริงซึ่งให้ผลลัพธ์ดีที่สุด
ลุยตลาดอาหารแช่แข็ง
ในปัจจุบันผู้บริโภคคนรุ่นใหม่ Gen Y และ Gen Z ที่ขึ้นมาเป็นผู้บริโภคกลุ่มหลัก มีพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป มองหาความสะดวกรวดเร็ว ช่วยย่นระยะเวลาในการประกอบอาหาร บริษัทจึงต้องแตกแบรนด์ใหม่เพื่อตอบโจทย์เทรนด์ Urbanization สอดคล้องกับการเติบโตของตลาดอาหารพร้อมปรุง
ด้วยการเปิดแบรนด์ใหม่ “หมีกินเล่น” อาหารแช่แข็งพร้อมปรุง ตอบโจทย์วิถีชีวิตยุคใหม่ มาพร้อมคอนเซ็ปต์ “ทำกินเองง่าย ทำขายกำไรดี” เพื่อเจาะตลาดผู้บริโภคครัวเรือนและกลุ่ม Horeca 
โปรดักส์ไฮไลท์ 2025
เริ่มด้วย Mochi Pillow Nugget ไก่ทอดทรงหมอนภายในมีไส้โมจิรสชีสยืดหนึบ รวมความกรอบและหนึบไว้ในคำเดียว และกลุ่มผลิตภัณฑ์เด่นอื่น ๆ ได้แก่ “Mochi Solution” ที่ออกแบบสำหรับผู้ผลิตที่ต้องการสร้างความพรีเมียม เช่น โมจิไอศกรีมหรือทาร์ตมัทฉะใส่โมจิ รวมถึง “Fried Food Coating” ที่ให้ความกรอบยาวนาน เหมาะกับผู้ประกอบการ QSR และฟู้ดเดลิเวอรี และแป้งสูตรไมโครเวฟที่ยังคงความกรอบแม้ผ่านการอุ่น
รีเฟรชแบรนด์ในรอบ 49 ปี
ในปี 2025 บริษัทมีแผนเปิดตัวมาสคอตน้อง “จันจัน” และ “นั่วนั่ว” จากแบรนด์หมีคู่ดาว เพื่อสร้างความสดใหม่ สร้างภาพลักษณ์ Modern Thai Identity ให้แบรนด์เข้าถึงผู้บริโภคหรือผู้ประกอบการคนรุ่นใหม่มากขึ้น พร้อมขับเคลื่อนแบรนด์ Burapa Prosper ในฐานะผู้นำด้าน Next-Level Texture
ลุยส่งออกตลาดต่างประเทศ
ปัจจุบันบริษัทส่งออกสู่ตลาดโลกกว่า 40 ประเทศ ประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียง เช่น ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย (มีโรงงานผลิตที่นั่น) สิงคโปร์ มาเลเซีย
ส่วนโซนยุโรปอเมริกา แป้งข้าวเป็นกลูเตนฟรี ทำให้ชาวยุโรปเลือกใช้แป้งของบริษัท เสี่ยงได้รับผลกระทบจากการขึ้นภาษีของทรัมป์
พร้อมวางแผนรุกตลาดใหม่ ได้แก่ อินเดียและตะวันออกกลาง โดยจะเป็นการไปในรูปแบบออกบูธงานเอ็กซ์โป อย่างในอินเดียบริษัทจะเข้าร่วมงานไอศกรีมเอ็กซ์โป เพราะตลาดไอศกรีมในอินเดียเป็นตลาดที่ใหญ่ และมีประชากรจำนวนมาก
มีแผนขยายกำลังการผลิตแป้งผสม จับมือกับพันธมิตรผู้ผลิตอาหารแช่แข็งที่ได้มาตรฐาน และติดตามกฎระเบียบการส่งออกอย่างใกล้ชิด เพื่อลดความเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลกที่ผันผวน
ลงทุน 70 ล้าน สร้างโรงงานเพิ่มอีกแห่ง เพิ่มกำลังการผลิต รองรับการขยายตลาดไปในต่างประเทศ
สำหรับผลประกอบการในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เติบโตเฉลี่ยปีละ 10% โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์หลักที่สร้างรายได้ยังคงเป็นแป้งข้าวคุณภาพสูงและเม็ดสาคูเกรดส่งออก ขณะที่ผลิตภัณฑ์ดาวรุ่งอย่างแป้งชุบทอดหมีคู่ดาว ซึ่งกรอบนานถึง 4 ชั่วโมง และลดการอมน้ำมันได้ถึง 40% ได้รับการตอบรับอย่างยอดเยี่ยม
รายได้ของบริษัทมาจากตลาดในประเทศและต่างประเทศในสัดส่วนครึ่งต่อครึ่ง และบริษัทตั้งใจจะรักษาสมดุลนี้ไว้เพื่อกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจ
ผลักดันรายได้รวม 900 ล้านบาทภายในปีนี้ โดยส่วนสำคัญหนึ่งจะมาจากยอดขายผลิตภัณฑ์กลุ่มแป้งผสมและอาหารแช่แข็งที่เป็นไฮไลท์ของปีนี้ โดยมีเป้าหมายหลักในการต่อยอดจากแป้งพื้นฐาน สู่แป้งผสมสำเร็จรูป พร้อมยกระดับความยั่งยืนในทุกมิติของธุรกิจภายใน 3-5 ปี ตั้งเป้ารายได้แตะ 1,000 ล้านบาทในปีหน้า
ข้อคิดธุรกิจ บูรพา พรอสเพอร์ ที่ยึดถือจากรุ่นสู่รุ่น
คุณสถาพรกล่าวทิ้งท้ายว่า สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่สอนเธอมาเสมอ คือ 1. Dream Big กล้าฝัน กล้าที่ไล่ตามความฝัน และกล้าลงมือทำ ไม่ต้องกลัว ไม่มีสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ 2. รอบคอบ ระมัดระวัง ก่อนจะลงมือทำต้องศึกษา ต้องเซฟตัวเองด้วย เจ๊งไม่เป็นไร เสียหายบ้างไม่เป็นไร ลองแล้วไม่เวิร์กไม่เป็นไร เรียนรู้จากสิ่งที่ผิดพลาดไปแล้วให้ได้ 3. พูดแล้วต้องทำ อย่าเอาเปรียบใคร บาทเดียวสตางค์เดียวก็ไม่ได้ เป็นข้อที่สำคัญที่สุดที่คุณพ่อคุณแม่ของเธอเน้นย้ำ
–
Website : Marketeeronline.co /
