เศรษฐกิจสายวาย หรือ Y-Economy ยังคงเป็นกระแสอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากนิยายและซีรีส์ที่ยังคงเติบโตจากคอนเทนต์พาคู่จิ้น Boy Love (วาย) และ Girl Love (ยูริ) ที่สร้างความอิน ฟิน แฟน ทั้งในรูปแบบใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง

ยืนยันได้จากในปี 2567 นิยายวายมีมูลค่ามากถึง 2,000 ล้านบาท จากมูลค่าหนังสือนิยายทั้งหมด 8,000 ล้านบาท อ้างอิงจากสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย โดยนิยายสายวายขึ้นเป็นหนังสือขายดีอันดับ 2 รองจากนิยายทั่วไป จากสัดส่วนยอดขาย 21% ของยอดขายหนังสือทั้งหมดในงานสัปดาห์หนังสือปี 2568

นิยายสายวายยังถือเป็นหนึ่งในช่องทางสำคัญที่เปิดโลกสายวายให้เป็นที่ยอมรับ จากจำนวนผู้อ่านที่ติดตามคอนเทนต์ต่าง ๆ ที่ผู้เขียนมอบให้

นอกจากนี้ คอนเทนต์นิยายสายวายจำนวนมากยังถูกนำไปผลิตเป็นซีรีส์ ขยายฐานจากคนอ่านสู่คนดู ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์และช่องทีวีต่าง ๆ ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างน่าสนใจ

ในซีรีส์สายวายนั้น นอกจากการนำนิยายมาแปรรูปเป็นภาพเคลื่อนไหว ยังมีการผลิตซีรีส์ที่เขียนพล็อตเรื่องขึ้นใหม่โดยผู้ผลิต เพื่อตอบโจทย์ผู้ชมที่มีความหลากหลายมากขึ้น

จากการมองเห็นโอกาสของซีรีส์วายที่สามารถสร้างรายได้ให้กับผู้ผลิตได้เป็นอย่างดี อ้างอิงจาก SCB EIC พบว่า รายได้จากผู้ผลิตหนังและซีรีส์สายวายมีการเติบโตดังนี้

  • ปี 2562: มูลค่า 851 ล้านบาท (สัดส่วน 0.7% ของมูลค่าการผลิตสื่อบันเทิงทั้งหมด)
  • ปี 2563: มูลค่า 1,088 ล้านบาท (สัดส่วน 1.1%)
  • ปี 2564: มูลค่า 1,457 ล้านบาท (สัดส่วน 1.3%)
  • ปี 2565: มูลค่า 2,869 ล้านบาท (สัดส่วน 2.5%)
  • ปี 2566: มูลค่า 3,470 ล้านบาท (สัดส่วน 3.0%)
  • ปี 2567: มูลค่า 4,211 ล้านบาท (สัดส่วน 3.5%)
  • คาดการณ์ปี 2568: มูลค่า 4,929 ล้านบาท (สัดส่วน 3.9%)

 

การเติบโตของซีรีส์สายวายยังแซงหน้าการเติบโตของมูลค่าการผลิตสื่อบันเทิงไทย เช่น ในปี 2567 สื่อบันเทิงไทยเติบโตเพียง 4.1%

พร้อมกันนี้ยังเกิดการสร้างคู่จิ้นหน้าใหม่ ผู้ผลิตซีรีส์ บริษัทผู้ผลิต และบริษัทที่บริหารจัดการศิลปิน ที่ประสบความสำเร็จในตลาดสายวายมากขึ้น เช่น

  • GMMTV ที่หันมาโฟกัสซีรีส์วายจนกลายเป็นค่ายใหญ่ของกลุ่มนี้
  • ช่อง 3 ประสบความสำเร็จจากการปั้น “หลิง-ออม” สู่โลก Girl Love
  • Idol Factory ผู้ผลิตซีรีส์วาย เช่น แอบหลงรักเดอะซีรีส์, ทฤษฎีสีชมพู ที่มีรายได้ปี 2566 อยู่ที่ 137 ล้านบาท เติบโต 1,043% จากปี 2565
  • Me Mind Y บริษัทที่ต่อยอดจากซีรีส์วายของผู้ก่อตั้ง สร้างรายได้ในปี 2566 ได้ถึง 82 ล้านบาท เติบโต 111%
  • Mojo Muse Management ค่ายน้องใหม่ในวงการซีรีส์วาย

สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้สะท้อนว่า “วายขายได้” ไม่ใช่แค่ซีรีส์ หากแต่เป็นโมเดลธุรกิจที่เข้าถึงแฟนคลับได้ลึกและต่อเนื่อง โดยเฉพาะถ้าเคมีของคู่จิ้นเข้ากัน และมีการสร้างฐานแฟนคลับผ่านการสื่อสารที่เข้าถึงใจ เช่น

  • การจัด แฟนมีต ทั้งแบบฟรี (ผ่านสปอนเซอร์) และแบบขายบัตร ที่สร้างรายได้ทั้งจากออนกราวด์และออนไลน์ โดยราคาบัตรบางครั้งสูงกว่าหลักพันบาท
  • การขาย สินค้าที่ระลึก เช่น เสื้อ การ์ด โปสเตอร์ โฟโต้บุ๊ก ฯลฯ
  • การต่อยอด คู่จิ้นสู่การเป็นพรีเซนเตอร์ หรือร่วมกิจกรรมการตลาดกับแบรนด์ต่าง ๆ ที่มองเห็นโอกาสจากฐานแฟนคลับ

เพราะวันนี้ Y-Economy มีมากกว่าซีรีส์


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer