เชนร้านข้าวหน้าหมู Densetsu no Sutadonya ประเดิมเปิดร้านราเม็งแห่งแรกในกรุงโตเกียวไปเมื่อพฤษภาคมที่ผ่านมา และมีแผนจะเปิดเพิ่มอีก 3 สาขาภายในกุมภาพันธ์ปีหน้า เพื่อกระจายธุรกิจ หลังข้าวญี่ปุ่นซึ่งเป็น วัตถุดิบ หลักราคาแพงขึ้นต่อเนื่องและยังไม่มีทีท่าว่าจะลดลง

Antworks Co. ต้นสังกัดของ Densetsu no Sutadonya เผยว่า แม้ธุรกิจข้าวหน้าหมูจะเป็นส่วนสำคัญของบริษัท แต่ก็ต้องปรับตัวเพราะตอนนี้ราคาข้าวสูงขึ้นกว่า 3 เท่าเมื่อเทียบกับเมื่อหลายปีก่อน
เมื่อปี 2021 ชุดข้าวหน้าหมูกับไข่ดิบตามสาขาของ Densetsu no Sutadonya มีราคาอยู่ที่ 630 เยน (ราว 141 บาท) แต่มาปี 2025 ราคาเพิ่มขึ้นเป็น 890 เยน (ประมาณ 207 บาท) แล้ว โดยทาง Antworks Co. กลัวว่า หากราคาขึ้นไปถึง 1,000 เยน (ราว 225 บาท) เมนูนี้คงขายไม่ออก ดังนั้นการเพิ่มเมนูราเม็ง ถือเป็นการประคองตัวฝ่าวิกฤตเพราะต้นทุนราเม็งถูกกว่าข้าวหน้าหมู 100-150 เยน (ราว 23-35 บาท)

ด้าน Yoshinoya เชนร้านข้าวหน้าเนื้อญี่ปุ่นที่ดังไปทั่วโลกก็กำลังรุกตลาดราเม็งเช่นกัน เนื่องจากมองว่าตลาดร้านข้าวหน้าเนื้อในญี่ปุ่นเริ่มอิ่มตัวแล้ว โดย โนริฮิโร่ โอซาวะ รองซีอีโอ Yoshinoya กล่าวว่า เมนูราเม็งช่วยให้บริษัทสามารถ รักษาสมดุล ของต้นทุนวัตถุดิบได้ ผ่านตัวเลือกอื่นๆ นอกเหนือจากข้าวและเนื้อสัตว์
กระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมงของญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ราคาข้าวเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าจากเมื่อปีก่อน และยังคงสูงต่อเนื่อง โดยเมื่อวันที่ 8 มิถุนายนที่ผ่านมา แม้ว่ารัฐบาลจะนำข้าวจากสต็อกสำรองออกมาใช้แล้ว แต่ราคาข้าวเฉลี่ยก็ยังแพง โดยอยู่ที่ 4,176 เยน (ราว 970 บาท) ต่อ 5 กิโลกรัม
วิกฤตข้าวในญี่ปุ่น ไม่ได้ส่งผลให้เชนร้านอาหารปรับเมนูหรือเปิดสาขาที่ขายราเม็งเท่านั้น แต่ยังทำให้ยอดขายเมนูเส้นเพิ่มขึ้นด้วย โดย TableMark Co. บริษัทผู้ผลิตอาหารแช่แข็งเผยว่า ยอดขายบะหมี่อุด้งแช่ แข็ง ช่วงเมษายนถึงพฤษภาคม 2025 เพิ่มขึ้น 10% จากกรอบเวลาเดียวกันของปี 2024
ขณะที่ยอดขายซุปอุด้งและส่วนผสมสำเร็จรูปของ Kikkoman Corp. ระหว่างมีนาคมถึงพฤษภาคม 2025 ก็เพิ่ม ขึ้น มา 10% เมื่อเทียบกับกรอบเวลานี้ของปี 2024
ด้าน Meiji Holdings Co. เผยว่ายอดขายโยเกิร์ต Meiji Bulgaria ซึ่งเป็นสินค้าหลักยังคงเติบโตประมาณ 10% ซึ่งเป็นผลมาจากอาหารเช้าสไตล์ตะวันตก เช่น ขนมปังและซีเรียลต่อเนื่องไปถึงโยเกิร์ตได้รับความนิยมมากขึ้น ท่ามกลางราคาข้าวที่สูงขึ้น
สำหรับวิกฤตข้าวในญี่ปุ่นครั้งนี้เกิดจากหลายปัจจัย ทั้งจากสภาพอากาศร้อนที่สุดในรอบ 125 ปี คำเตือนเรื่องแผ่นดินไหวใหญ่ที่กระตุ้นประชาชนให้แตกตื่นเกิดการซื้อไปกักตุน รวมถึงการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวที่บรรดานักท่องเที่ยวต่างชาติต่างก็อยากกินเมนูข้าวต้นตำรับของญี่ปุ่น
นี่ถือเป็นปัญหาใหญ่ที่ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อสังคมญี่ปุ่น โดยก่อนหน้านี้มีรายงานว่า ญี่ปุ่นได้นำเข้าข้าวจากเกาหลีใต้เป็นครั้งแรกในรอบ 25 ปี ขณะที่ชาวญี่ปุ่นที่เดินทางไปเกาหลีใต้ต่างพากันซื้อข้าวกลับมาด้วยเพราะมีราคาถูกกว่าที่ขายในประเทศอย่างมาก
นอกจากนี้ข้าวยังกลายเป็นประเด็นอ่อนไหวทางการเมืองในญี่ปุ่น โดย ทาคุ เอโตะ รัฐมนตรีกระทรวงเกษตร ต้องลาออกไปทั้งที่ดำรงตำแหน่งได้เพียง 6 เดือน หลังกล่าวติดตลกในที่ประชุมสภาว่า ไม่ได้ซื้อข้าวสารเองมานานแล้ว เพราะได้ฟรีจากบรรดาฐานเสียงมาตลอด จนเปิดทางให้ ชินจิโร่ โคอิซึมิ ลูกชายอดีตนายกรัฐมนตรี จุนอิจิโร่ โคอิซึมิ ที่กำลังไต่เต้าทางการเมืองได้ขึ้นมาดำรงตำแหน่งแทน

อย่างไรก็ตาม แม้ราเม็งจะดูเหมือนเป็นทางออกให้บรรดาเชนร้านข้าวในญี่ปุ่นช่วงข้าวราคาแพง แต่อาจไม่ใช่พูดได้เต็มปากว่าเป็นทางออกของผู้บริโภคในญี่ปุ่น เพราะปัจจุบัน ราเม็ง แพงขึ้นกว่าในอดีตอย่างมาก ตามราคาวัตถุดิบและค่าครองชีพ
ดังนั้นจึงพูดได้ไม่เต็มปากว่าเป็นเมนูประหยัด นอกจากนี้ยังมีรายงานด้วยว่า เมื่อปี 2024 มีร้านราเม็งมากมายที่ขาดทุนจนต้องปิดตัวไป / japantoday
