ไสยศาสตร์หรือพิธีกรรมหมอผี ซึ่งครั้งหนึ่งเคยถูกมองว่าเป็นเรื่องต้องห้ามทางวัฒนธรรม กำลังกลายเป็นองค์ประกอบสำคัญในซีรีส์ หนัง และรายการวาไรตี้ของเกาหลีใต้ โดยเฉพาะในกลุ่ม Gen Z ที่เปิดรับสิ่งเหล่านี้ในฐานะส่วนหนึ่งของเทรนด์ “K-fantasy” ที่กำลังมาแรง

ซีรีส์ใหม่ของสถานีโทรทัศน์ช่อง tvN เรื่อง “Head over Heels” ซึ่งออกอากาศตอนแรกไปเมื่อวันที่ 23 มิถุนายนที่ผ่านมา เปิดเรื่องด้วยความรักวัยรุ่นที่ดูเหมือนปกติทั่วไป แต่นางเอกอย่าง พัคซองอา (รับบทโดย โชอีฮยอน) กลับไม่ใช่เด็กสาวธรรมดา
ในตอนกลางวันเธอคือนักเรียนมัธยมปลาย แต่พอตกกลางคืน ซองอาจะกลายร่างเป็นคนทรงเจ้าที่ทำพิธีกรรมและมองเห็นวิญญาณได้ เมื่อรักครั้งแรกของเธออย่าง แบกยอนอู (รับบทโดย ชูยองอู) ต้องตาย ซองอาจึงใช้พลังเหนือธรรมชาติของเธอพยายามช่วยชีวิตเขาไว้ โดยซีรีส์เรื่องนี้ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่โดดเด่นอย่างยิ่ง เพราะไสยศาสตร์ที่เคยถูกเลี่ยงในคอนเทนต์สำหรับวัยรุ่น กลับถูกนำมาใช้เป็นแกนหลักของเรื่องราว
เทรนด์นี้เริ่มมาแรงตั้งแต่ปีที่แล้ว หลังภาพยนตร์แนวลึกลับเรื่อง “Exhuma” ซึ่งเข้าฉายในโรงภาพยนตร์เกาหลีใต้เมื่อต้นปี 2024 และมีเนื้อหาเกี่ยวกับหมอผีที่เข้าไปพัวพันกับการย้ายหลุมศพที่ผิดพลาด สามารถดึงดูดผู้ชมได้มากกว่า 10 ล้านคน
ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน สถานีโทรทัศน์ช่อง SBS ก็ได้เปิดตัวรายการวาไรตี้แนวหาคู่ Possessed Love ที่นำเสนอเรื่องราวความรักของหมอผีรุ่นใหม่ ส่วนในปีนี้ซีรีส์ย้อนยุคของ SBS เรื่อง The Haunted Palace ซึ่งออกอากาศระหว่างช่วงเมษายน – มิถุนายน ที่เล่าถึงหมอผีที่ไขปริศนาความแค้นของวิญญาณในวัง ก็ทำเรตติ้งสูงสุดถึง 11% และ “Head over Heels” ก็เปิดตัวได้อย่างแข็งแกร่ง โดยขึ้นเป็นอันดับหนึ่งในช่วงเวลาออกอากาศด้วยเรตติ้ง 5.2%
ทั้งหมดตรงกันข้ามกับเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว ซึ่งธีมเหนือธรรมชาติอย่างการถูกวิญญาณเข้าสิง การเห็นผีหรือวิญญาณในซีรีส์มักแทบจะถูกมองข้ามไปเลย
ยุนซอกจิน ศาสตราจารย์ด้านวรรณคดีเกาหลีจากมหาวิทยาลัยชุงนัมกล่าวว่า เมื่อก่อนผู้ชมให้ความสำคัญกับความสมจริง ดังนั้นเมื่อมีองค์ประกอบของไสยศาสตร์ปรากฏเข้ามาในซีรีส์ จึงรู้สึกว่ามันแปลก แต่ปัจจุบันไสยศาสตร์ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือในโลกแฟนตาซีเพื่อแก้ปัญหาที่ยากลำบาก และกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับสิ่งที่ไม่รู้จัก

การรับรู้ของสังคมก็เปลี่ยนไปเช่นกัน โดย ยุนซูจอง นักเขียนบทของซีรีส์ The Haunted Palace ตั้งข้อสังเกตว่า ไสยศาสตร์ถูกลดบทบาทลงในเกาหลีใต้มานานแล้ว แต่ตอนนี้มันได้รับการยอมรับให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ ผู้คนจึงเริ่มยอมรับมันในฐานะส่วนหนึ่งของอัตลักษณ์ดั้งเดิมของชาติ
ด้านนักวิจารณ์บันเทิงเกาหลีใต้กล่าวว่า การยอมรับที่เพิ่มขึ้นนี้มีรากฐานมาจากความมั่นใจในคอนเทนต์เกาหลีใต้ที่เพิ่มขึ้น หลังเอาแต่ไล่ตามประเทศตะวันตกและมองประเพณีของตัวเอง โดยเฉพาะไสยศาสตร์ ว่าเป็นสิ่งที่ล้าหลัง แต่ความสำเร็จระดับโลกของซีรีส์อย่าง Guardian: The Lonely and Great God ปี 2016 ที่กงยู แสดงนำ และหนังเรื่อง Along with the Gods ทั้ง 2 ภาค ปี 2017 กับ 2018 ตามลำดับ ซึ่งล้วนผสมผสานเทพนิยายเกาหลี ได้ช่วยปรับมุมมองให้ไสยศาสตร์กลายเป็นแหล่งเนื้อหาที่มีเอกลักษณ์และน่าสนใจขึ้นมา
นอกจากนี้ ผู้สร้างคอนเทนต์กลุ่มไสยศาสตร์และสายมูต่างๆ ของเกาหลีใต้พัฒนาการเล่าเรื่องได้ดีขึ้น โดยยุนกล่าวว่า โยงเข้ากับชีวิตและความตายได้อย่างลึกซึ้ง และเข้าถึงความกลัวในเบื้องลึกของมนุษย์ ดังนั้นตำนานของไสยศาสตร์จึงยังเป็นวัตถุดิบไม่รู้จบสำหรับการสร้างคอนเทนต์ และคงต่อยอดไปได้อีกมาก
แนวโน้มนี้ไม่มีทีท่าว่าจะชะลอตัวลงเลย เนื่องจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและความเครียดจากการแข่งขันทางสังคมที่มากขึ้น จนบรรดาผู้ชมรุ่นใหม่หันมาสนใจธีมทางจิตวิญญาณ ทั้งเพื่อความสบายใจและหาทางออกของปัญหาผ่านการชี้ทางของพลังเหนือธรรมชาติ แม้เป็นแค่หวังเพียงเล็กๆ น้อยๆ ก็ตาม
ฮวังกล่าวว่า คอนเทนต์แนวไสยศาสตร์ของเกาหลีใต้ในปัจจุบันไม่ได้ให้ความรู้สึกบีบบังคับกดดันหรือมีหลักคำสอนที่ตายตัวแบบศาสนา แต่กลับเป็นการเล่าถึงการต่อสู้ในชีวิตประจำวัน จึงเป็นเหตุผลว่าทำไม Gen Z จึงเปิดรับและมองว่าน่าสนใจ
เทรนด์คอนเทนต์คนทรงเจ้า-ผี-พลังลึกลับบูมในเกาหลีใต้นี้ มีขึ้นท่ามกลางเทรนด์อีกอย่างที่เชื่อมโยงกัน โดยข้อมูลจากการสำรวจกลุ่มตัวอย่างเมื่อไม่นานนี้ชี้ว่า กลุ่มที่ไปใช้บริการหมอดูเพิ่มขึ้นมากสุด คือ Gen Z
ดังนั้นจากทั้งหมดจึงกล่าวได้ว่า ไสยศาสตร์ได้เปลี่ยนจากการถูกมองว่าเป็นสิ่งแปลกแยกและล้าหลัง สู่การเป็นแกนหลักของคอนเทนต์เกาหลีใต้ และเมื่อ Gen Z ยอมรับ ความสนใจ และไปใช้บริการหมอดูและคนทรงเจ้า ทางค่ายคอนเทนต์จึงพากันผลิตคอนเทนต์ออกมานั่นเอง / koreatimes
