MAGURO Group ผู้ท้าชิงในตลาดอาหารญี่ปุ่นที่กำลังมาแรง บทความนี้ถอด 10 แนวคิดและกลยุทธ์การเติบโตของ MAGURO จากจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ สู่การเป็นธุรกิจหลายแบรนด์ ผ่านมุมมองของ จักรกฤติ สายสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MAGURO Group  จากเวทีสัมมนา Marketeer Talk Ep. The Challenger Session

 

1.จุดเริ่มต้นของ MAGURO เกิดจากความหลงใหลในญี่ปุ่นของเพื่อนสนิท 4 คน

MAGURO ก่อตั้งขึ้นในปี 2558 โดยเพื่อนสนิทสี่คน ที่เติบโตมาพร้อมมิตรภาพยาวนาน ในวัยสามสิบต้น ๆ หลังจากผ่านประสบการณ์การทำงานและธุรกิจส่วนตัวมาระยะหนึ่ง พวกเขาตัดสินใจเริ่มต้นธุรกิจอาหารญี่ปุ่นร่วมกัน เพราะต่างมีความชื่นชอบในวัฒนธรรมญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นอาหาร การ์ตูน หรือเกมที่ซึมซับมาตั้งแต่วัยเด็ก

 

2.เห็น White Space ของ Premium Mass

ช่วงปีฟอร์มธุรกิจตลาดอาหารญี่ปุ่นแยกเป็นสองขั้ว คือแมส ที่ใช้วัตถุดิบตามราคาอาหาร กับพรีเมียมที่มีราคาสูงอยู่ตามโรงแรม พวกเขามองว่ายังมี Premium Mass คุณภาพแบบร้านพรีเมียม แต่ราคาจับต้องได้เป็น White Space ที่ยังไม่มีร้านเปิดให้บริการมากนัก และเป็น Segment ที่เป็นขาขึ้นมากขึ้น ประกอบกับเทรนด์เปิดโอกาสให้ลงเล่น

 

3.จากศูนย์สู่ MAGURO เวอร์ชันแรก

ผู้ก่อตั้งทั้งสี่ ไม่มีพื้นฐานอาหารหรือคอนเนกชันญี่ปุ่นมาก่อน เขาได้เริ่มจากการศึกษา ลงพื้นที่กินร้านต่าง ๆ ทั้งในไทย และญี่ปุ่น เพื่อจดบันทึกทุกรายละเอียด ก่อนจะนำมาปรับเป็นสูตรของตัวเอง จนกลายเป็น MAGURO สาขาแรก ที่ชิค รีพับบลิค บางนา

 

4.หลักคิด “ให้มากกว่าที่ลูกค้าคาดหวัง

แม้ราคาของ MAGURO จะไม่ถูกมาก แต่หัวใจของแบรนด์ MAGURO คือทำให้ลูกค้ารู้สึกได้มากกว่าที่จ่าย เช่น จ่าย 500 ลูกค้ารู้สึกเหมือนได้มูลค่า 1,000 บาท โดยเริ่มจากวัตถุดิบคุณภาพ ปลาสดนำเข้าจากญี่ปุ่น หั่นชิ้นขนาดใหญ่ รูปแบบเดียวกันกับร้านพรีเมียม แต่พื้นที่การตกแต่งร้านไม่หรูหราหรือกว้างขวางเท่า เพื่อนำต้นทุนด้านนี้มาแปรสภาพเป็นราคาที่จับต้องได้ง่ายขึ้น สามารถทานได้บ่อย

5.แตกแบรนด์เพื่อลดการอิ่มตัว และขยายตลาด

ผู้บริหารมองว่าการขยายตลาดผ่านแบรนด์ MAGURO เพียงแบรนด์เดียว สักวันหนึ่งจะเกิดการอิ่มตัว ทำให้ แตกแบรนด์ที่หลากหลายรสชาติ และหลากแบรนด์ บนคอนเซ็ปต์ใหม่ๆ มานำเสนอสร้างประสบการณ์ด้านวัฒนธรรมอาหารให้กับลูกค้า เพื่อการเติบโตอย่างต่อเนื่องอย่างยั่งยืนในอนาคต ซึ่งในปัจจุบันภายใต้ MAGURO Group ประกอบด้วยร้านอาหารญี่ปุ่น เกาหลี และตะวันตกรวม 6 แบรนด์ มีจำนวนร้านรวมกัน 46 สาขา และเร็วๆ นี้กำลังจะเปิดเพิ่มอีกหนึ่งแบรนด์ เพื่อขยายธุรกิจตามเป้าหมายที่วางไว้สิ้นปี 2568 ที่ 52 สาขา 7 แบรนด์

 

 6.เรียนรู้จากดาต้าเบส หาโอกาสการเติบโต

การขยายแบรนด์ใหม่ รวมถึงการต่อยอดไปยังเมนูประจำต่างๆ ของ MAGURO Group เป็นการมองเทรนด์ความต้องการผู้บริโภคจากดาต้าเบสของลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการในสาขาต่างๆ ทั้ง พฤติกรรมการสั่งอาหาร เมนูที่ขายดี และอื่นๆ รวมถึงการทดลองตลาดผ่านเมนูอาหารซีซันนอลอย่างต่อเนื่องเพื่อมองหาโอกาสในเมนูที่ได้รับความนิยมในช่วงเวลานั้นๆ

 

7.ความเชื่อใจและการเป็น Top of Mind

ในภาวะเศรษฐกิจที่ทำให้คนออกไปกินข้าวนอกบ้านน้อยลง หากแบรนด์ยังยืนอยู่ใน Top of Mind ของผู้บริโภค ผลกระทบจะไม่รุนแรงมาก แต่ถ้าหลุดจากวงโคจรการนึกถึงแล้ว การกลับมาเป็นตัวเลือกอีกครั้งจะยากมาก การตลาดที่แพงที่สุดคือการหาลูกค้าใหม่ ขณะที่การตลาดที่คุ้มค่าที่สุดคือการรักษาลูกค้าเก่าไว้ด้วย ความเชื่อใจและความไว้วางใจหากสิ่งนี้หายไป ต่อให้ลงทุนการตลาดมากแค่ไหน ลูกค้าก็ไม่กลับมา

8.การสร้างคนผ่านวัฒนธรรมองค์กร

ธุรกิจร้านอาหารเติบโตได้ยากหากอัตราการลาออกสูง วิธีรักษาคนคือการวาง “เส้นทางเติบโตที่ชัดเจน” ให้พนักงานเห็นอนาคตและเป้าหมายร่วมกันอย่างเป็นรูปธรรม เมื่อทุกคนเชื่อมั่นในอนาคตของตนเอง ก็มีแรงจูงใจที่จะอยู่กับองค์กรในระยะยาว

 

9. การพัฒนาทักษะและระบบ HR

 MAGURO Group พัฒนาหลักสูตรการฝึกอบรมกว่า 100 หลักสูตร ครอบคลุมทั้งงานครัว บริการ ไปจนถึงการบริหารวิกฤต ข้อมูลจากเสียงคอมเพลนลูกค้าถูกนำมาเป็น Input เพื่อพัฒนาพนักงานต่อเนื่อง ทำให้ทีมงานรู้สึกว่ามีระบบที่ชัดเจน และองค์กรก็ได้ทรัพยากรบุคคลที่แข็งแรงขึ้น

 

10. การรักษามาตรฐานและการเติบโต

โจทย์สำคัญคือการรักษาแบรนด์เดิมไม่ให้ยอดขายตก โดยเฉพาะ Same Store Sales Growth (SSSG) ซึ่งต้องการงานเบื้องหลังอย่างเข้มข้น ทั้งด้านคุณภาพสินค้าและประสบการณ์ลูกค้า เป้าหมายคือ “แบรนด์เดิมไม่ถดถอย” พร้อมสร้างการเติบโตจากสาขาใหม่ ๆ

 

 

 

 


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer