Fujifilm กำลังทุ่มเงินหลายพันล้านเยนเพื่อขยายโรงงานผลิตในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา โดยมีประเด็นน่าสนใจอยู่ที่ว่า เป็นสินค้าเริ่มสายการผลิตเมื่อราว 30 ปีก่อน และยังคงขายดีในยุคที่ทุกคนมีกล้องดิจิทัลติดมากับสมาร์ทโฟน 

ของที่ว่าคือ กล้อง Fuji Instax ซึ่งทำยอดขายทะลุ 100 ล้านตัวทั่วโลก ทำสถิติยอดขายสูงสุดติดต่อกันถึง 4 ปีซ้อนและยังทำให้ Fujifilm กลายเป็นเจ้าตลาด นี่จึงทำให้เกิดคำถามว่า มันเกิดขึ้นได้อย่างไร 

อันที่จริง Instax ไม่ใช่กล้องอินสแตนท์ (กล้องที่ฟิล์มพร้อมเครื่องพิมพ์ภาพขนาดเล็กในตัวที่ถ่ายแล้วได้ภาพออกมาในเวลาไม่นาน) รุ่นแรกของ Fujifilm โดยก่อนหน้านั้นทั้ง Polaroid และ Kodak ต่างก็เคยเปิดตัวกล้องประเภทนี้มาแล้ว แต่ยังไม่สามารถเจาะตลาดญี่ปุ่นได้มากนัก จนกระทั่ง Fujifilm เปิดตัว Fotorama ในปี 1981 ซึ่งแม้จะขายดีในประเทศ แต่ก็ยังไม่เป็นที่รู้จักในระดับโลก 

จุดเปลี่ยนเกิดขึ้นในยุค 90 เมื่อ Fujifilm สังเกตเห็นความนิยมของ “พุริคุระ” (Purikura) หรือตู้สติกเกอร์ในญี่ปุ่น จึงเกิดไอเดียที่จะผสมผสานความเร็วและความสนุกของพุริคุระเข้ากับความกะทัดรัดของกล้องใช้แล้วทิ้งอย่าง QuickSnap 

ผลลัพธ์ที่ได้คือ Instax Mini 10 ที่เปิดตัวในปี 1998 ด้วยดีไซน์ขี้เล่นและภาพพิมพ์ขนาดเท่านามบัตร มันฮิตสุดๆ ในญี่ปุ่นทันที 

ต่อมาในปี 2002 กล้องอินสแตนท์ ที่ Fujifilm ตั้งชื่อว่า Fuji Instax นี้ ก็ทำยอดขายได้ 1 ล้านตัวเป็นครั้งแรก แต่ก็ดีใจได้ไม่นาน เพราะเพียงสองปีให้หลัง ยอดขายกลับดิ่งลงเหลือเพียง 1 ใน 10 จากเทรนด์กล้องดิจิทัล และซ้ำด้วยสมาร์ทโฟน 

ทว่า Fujifilm ก็ยังไม่เลิกผลิตกล้อง Fuji Instax แม้อีกหลายปีจากนั้นทำได้แค่ประคองตัวให้ผ่านช่วงทรงกับทรุดไปให้ได้เท่านั้นก็ตาม ข้ามมาปี 2012 Fujifilm เปิดตัวกล้อง Fuji Instax พร้อมแคมเปญการตลาด “กล้องที่น่ารักที่สุดในโลก” ซึ่งโดนใจกลุ่มวัยรุ่นในเอเชีย ณ ขณะนั้น อย่างจัง 

ปี 2015 โชคก็เข้าข้าง เพราะ Polaroid คู่แข่งสำคัญ ถอนตัวจากตลาดกล้องอินสแตนท์ไปเรียบร้อย หลังล้มละลายถึง 2 ครั้ง นี่ทำให้ Fujifilm รุกตลาดในสหรัฐฯ และตลาดโลก จนถือได้ว่าเป็นเจ้าเดียวในตลาด 

แน่นอนว่า Fujifilm ไม่หยุดแค่นั้น โดยในปี 2017 ได้เปิดตัวฟิล์มรูปแบบสี่เหลี่ยมจัตุรัส (Square Format) ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จ และช่วยส่งให้ขายได้ 10 ล้านตัวต่อปี 

เบื้องหลังความสำเร็จ นอกจากการทยอยออกรุ่นใหม่ๆ เพิ่มลูกเล่น และฟิล์มแล้ว ยังมีการทำแคมเปญการตลาดร่วมกับบรรดาขวัญใจวัยรุ่น Gen Z อย่าง Taylor Swift และ BTS รวมไปถึงค่ายหนังและค่ายเกมอีก ต่อเนื่องไปถึงงานแฟชั่นโชว์ต่างๆ อีกด้วย 

มาช่วง 2–3 ปีมานี้ Fujifilm ยังทำการตลาดเจาะกลุ่ม Gen Z อย่างต่อเนื่อง หลังเทรนด์ของย้อนยุค และกล้องฟิล์มกลับมาฮิต เพราะ Gen Z ที่เบื่อและเหนื่อยล้า ความมาไว-ไปไว จับต้องไม่ได้ และใช้เอไอปรับแต่งได้ จนแทบแยกไม่ออกแล้วว่าเป็นภาพจริงหรือไม่ 

นี่ทำให้ Gen Z หลงเสน่ห์ ความช้า ต้องคิดก่อนกดชัตเตอร์ และปรับแต่งได้น้อยมากของกล้องฟิล์ม ซึ่งกล้อง Fuji Instax ก็ถือเป็นหนึ่งในนั้น 

ผลที่ตามมาคือยอดขายของกล้อง Fuji Instax 100 ล้านตัวทั่วโลกตามที่ได้กล่าวไปแล้ว และยอดขายของ Fuji Instax ยังครองสัดส่วนเกินครึ่งของธุรกิจกล้องของ Fujifilm อีกด้วย

ท่ามกลางคาดการณ์ว่าเมื่อถึงปี 2030 มูลค่าตลาดกล้องทั่วโลกจะอยู่ที่ 392 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 12,500 ล้านบาท) เพิ่มจาก 288 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 9,200 ล้านบาท) ของปี 2023 

ปัจจุบันกล้อง Fuji Instax มีขายอยู่ในกว่า 100 ประเทศทั่วโลก และยอดขาย 90% เป็นตลาดนอกญี่ปุ่น ส่วนเรื่องคู่แข่งก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เพราะแม้ Polaroid ได้รีแบรนด์เมื่อปี 2020 ก็ห่างจากวงการไปนานจนตามเทรนด์ตลาดไม่ทันเสียแล้วcnn 


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer