บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) อาณาจักรธุรกิจเครื่องดื่มและอาหารสัญชาติไทย ที่โลดแล่นอยู่ในธุรกิจสุรา เบียร์ เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ และธุรกิจอาหาร ทั้งในไทยและอาเซียน

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง: ไทยเบฟ 9 เดือน รายได้ 2.5 แสนล้าน

แม้พอร์ตธุรกิจที่สร้างรายได้กินสัดส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่ธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ และธุรกิจอาหาร ซึ่งยังเป็นสัดส่วนน้อยในระดับเลขหลักเดียว ก็มีแนวโน้มการขยายตัวที่ดี บริษัทจึงพยายามผลักดันให้เติบโตต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นการขยายพอร์ตโฟลิโอ การสร้างความได้เปรียบด้านต้นทุน และการปรับโครงสร้างธุรกิจ ท่ามกลางตลาดซึ่งอยู่ในความท้าทาย

คุณโฆษิต สุขสิงห์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่และผู้บริหารสูงสุดปฏิบัติการประเทศไทย ผู้บริหารสูงสุด กลุ่มธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ และผู้บริหารสูงสุด กลุ่มงานดิจิทัลและเทคโนโลยี และ คุณไพศาล อ่าวสถาพร ผู้อำนวยการอาวุโส ผู้บริหารสูงสุด สายธุรกิจอาหาร ประเทศไทย ได้ร่วมให้ข้อมูลเกี่ยวกับกลยุทธ์การตลาดและทิศทางการดำเนินธุรกิจสำหรับกลุ่มเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ (Non-Alcoholic Beverages – NAB) และกลุ่มธุรกิจอาหาร

การทำตลาดของกลุ่มธุรกิจ NAB และกลุ่มธุรกิจอาหาร หลังจากนี้ โฟกัสชัดเจนในกลุ่ม Gen Z (อายุ 11-26 ปี) ซึ่งยังมีความท้าทายจากพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปตามกระแส โดยบริษัทจะเน้นการสร้างการรับรู้แบรนด์ผ่านช่องทางใหม่ ๆ มากขึ้น อาทิ TikTok ทั้งยังให้ความสำคัญกับกลยุทธ์พรีเซนเตอร์ โดยมองที่พรีเซนเตอร์ซึ่งมีความเข้าถึงง่าย สอดคล้องกับตำแหน่งของแบรนด์

ทิศทางการดำเนินธุรกิจกลุ่ม NAB 

บริษัทยังได้รับความนิยมจากผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง แม้ในช่วงที่การบริโภคชะลอตัวลง บริษัทจะเดินหน้าสร้างความแข็งแกร่งให้ตราสินค้าหลักอย่าง คริสตัล, เอส, โออิชิ พร้อมขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ตั้งเป้าการเติบโตต่อปีของกลุ่มธุรกิจ NAB ไว้ไม่ต่ำกว่าตัวเลขสองหลัก โดยการขยายตลาดในต่างประเทศจะมาเป็นอีกแรงขับเคลื่อนสำคัญ

น้ำดื่มคริสตัล ย้ำจุดยืนน้ำดื่มคุณภาพสูง ด้วยกระบวนการผลิต 19 ขั้นตอนที่ได้รับการรับรองมาตรฐานระดับสากล พร้อมแคมเปญ “คริสตัล เซฟพื้นที่สีฟ้า” เพื่อสิ่งแวดล้อม

เครื่องดื่มอัดลมเอส สร้างการเติบโตด้วยแคมเปญทันสมัย เช่น “เอส โคล่า เงยหน้าไปด้วยกัน” สนับสนุน Gen Z กล้าเปิดรับประสบการณ์ใหม่

โออิชิ กรีนที บริษัทตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดชาพร้อมดื่ม ด้วยแคมเปญ “โออิชิ กรีนที รู้สึกดีทุก TEA เลย” พร้อมทั้งขยายการเข้าถึงผู้บริโภคกลุ่มใหม่ ๆ ด้วยการผลักดันโออิชิให้เป็นอีกหนึ่งเครื่องดื่มทางเลือกที่เหมาะกับหลากหลายโอกาส

นอกจากนั้น บริษัทได้ต่อยอดการผนึกกำลังจากการรวมธุรกิจและการดำเนินงานกับ บริษัท เฟรเซอร์ แอนด์ นีฟ หรือ Fraser & Neave (F&N) ผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคชั้นนำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีตราสินค้าหลักอย่าง 100 Plus, TEA POT, Magnolia, F&N Seasons, F&N Ice Mountain 

ซึ่งบริษัทร่วมกับ F&N เปิดตัวผลิตภัณฑ์นมใหม่ ๆ ในประเทศไทย ที่รวมถึง NutriWell (นิวทริเวล) เครื่องดื่มนมถั่วเหลืองพรีเมียมที่ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มทางเลือกเพื่อสุขภาพ แบรนด์นี้ถูกวางแผนให้เป็นแบรนด์ที่จะใช้ช่องทางการจัดจำหน่ายของทั้งไทยเบฟและ F&N ในประเทศไทย และจะขยายไปจับกลุ่มผลิตภัณฑ์ Asian drink หรือเครื่องดื่มสมุนไพรด้วย

ในส่วนของ Magnolia บริษัทยังคงเดินหน้าสร้างความตื่นเต้นกับตลาดอย่างต่อเนื่องด้วยการเปิดตัวไอศกรีม Magnolia HERSHEY’s เพื่อขยายฐานผู้บริโภคไปยังกลุ่มใหม่ ๆ และมอบประสบการณ์สุดพิเศษแก่กลุ่มผู้ที่ชื่นชอบช็อกโกแลตโดยเฉพาะ

กลุ่มธุรกิจ NAB บริษัทวางการลงทุนรวมในปีงบประมาณปัจจุบันอยู่ที่ 4,000 ล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา ให้ความสำคัญกับการสร้างความได้เปรียบด้านต้นทุนการผลิต ซึ่งสิ่งสำคัญคือการปรับปรุงด้านการผลิตบรรจุภัณฑ์ แบรนด์ คริสตัล ซึ่งมีสัดส่วนด้านปริมาณการผลิตสูงที่สุดในกลุ่มธุรกิจ NAB ที่ราว 60-70% จึงจะเป็นผลิตภัณฑ์แรกที่เริ่มปรับเรื่องบรรจุภัณฑ์

อีกทั้งส่วนใหญ่ บริษัทจะโฟกัสการลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งโครงการขนาดใหญ่ที่กำลังจะเพิ่มกำลังการผลิตและการส่งออกให้กลุ่มธุรกิจ NAB คาดว่าจะเริ่มเห็นผลในช่วงต้นปี 2569 

ด้านการขยายตลาดต่างประเทศ บริษัทโฟกัสที่ตลาดฮาลาล ซึ่งกำลังมีศักยภาพเติบโตและบริษัทมีฐานการผลิตที่แข็งแกร่งอยู่ในประเทศที่วางเป็นหัวหาดเจาะกลุ่มดังกล่าวอย่างมาเลเซีย

การจัดการช่องทางจำหน่ายและข้อมูล ยังถือเป็นจุดแข็งที่สุดของบริษัท จากการมีเครือข่ายการจัดจำหน่ายครอบคลุมกว่า 600,000 จุดขายทั่วประเทศ ตลอดจนการผนึกกำลังกับ F&N ทำให้ได้เครือข่ายในส่วนที่บริษัทยังเข้าไม่ถึง อาทิ บูธรถเข็นขายน้ำ ซึ่งมีเน็ตเวิร์กกว่า 5,000-6,000 จุด  

ส่วนเทคโนโลยี บริษัทมีการลงทุนในด้าน Data และ AI ต่อปีประมาณ 1,000 ล้านบาท เพื่อการรวมศูนย์ข้อมูลให้เห็นภาพรวมของร้านค้า สำหรับใช้ในการจัดการพอร์ตโฟลิโอ และการบริหารพื้นที่ทับซ้อน เพื่อหลีกเลี่ยงความไม่ลงรอยกันหรือข้อพิพาทที่อาจเกิดขึ้นระหว่างพันธมิตรในช่องทางการขายต่าง ๆ ของบริษัท

ทิศทางการดำเนินธุรกิจกลุ่มอาหาร 

จากความท้าทายในตลาดธุรกิจอาหาร ไม่ว่าจะเป็นความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ปรับตัวลดลง ซึ่งส่งผลกระทบต่อการใช้จ่าย การแข่งขันที่เข้มข้น ตลอดจนต้นทุนวัตถุดิบและค่าแรงที่ปรับขึ้น 

บริษัทเดินหน้ารีเฟรชกลุ่มแบรนด์หลักอย่าง เคเอฟซี, โออิชิ กรุ๊ป, ฟู้ด ออฟ เอเชีย โดยขับเคลื่อนธุรกิจด้วยกลยุทธ์ที่สมดุลระหว่างการขยายสาขาใหม่ในพื้นที่ยุทธศาสตร์ ขับเคลื่อนยอดขายในสาขาเดิมด้วยกิจกรรมส่งเสริมการขายและเมนูใหม่ วางเป้าผลักดันการเติบโตเฉลี่ยต่อปีที่ประมาณ 9% ในปี 2026 – 2030 และวางการลงทุนรวมในปีงบประมาณปัจจุบันอยู่ที่ 1,000 ล้านบาท 

เคเอฟซี (KFC) ซึ่งบริหารผ่านบริษัทลูก เดอะ คิวเอสอาร์ ออฟ เอเชีย (QSA) ที่เป็นหนึ่งในผู้ได้รับสิทธิ์แฟรนไชส์ในการบริหารจัดการร้าน KFC ในไทย

บริษัทมีแฟรนไชส์เคเอฟซีที่จำนวนสาขามากที่สุดในไทย อยู่ที่ราว 500 สาขา วางการขยายสาขาใหม่ประมาณ 40-45 สาขาต่อปี โดยโฟกัสการพัฒนาร้านค้ารูปแบบสแตนด์อโลนมากขึ้น และให้ความสำคัญกับการพัฒนาร้านสาขาที่มีอยู่ ให้มีความตอบโจทย์คนรุ่นใหม่

กลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มสไตล์ญี่ปุ่น โออิชิ กรุ๊ป (Oishi Group) กำลังอยู่ระหว่างการทำแผนปรับปรุงแบรนด์เพื่อรับมือกับการแข่งขันในตลาดที่รุนแรง โดยเน้นนำเสนอความคุ้มค่าของผลิตภัณฑ์เมื่อเทียบกับราคา อาทิ ชาบูชิ (Shabushi) มีการรีเฟรชแบรนด์และการปรับปรุงพื้นที่ร้านใหม่ไปแล้วราว 10 สาขา เพื่อดึงดูดลูกค้ากลุ่ม Gen Z และ Gen Y 

ฟู้ด ออฟ เอเชีย (Food of Asia – FOA) พอร์ตธุรกิจร้านอาหารที่มีตำแหน่งหลากหลาย ตั้งแต่สตรีทฟู้ดไปจนถึงไฟน์ไดนิ่ง บริษัทได้มีโครงการวัน แบงค็อก (One Bangkok) พอร์ตอสังหาริมทรัพย์ในเครือทีซีซี กรุ๊ป (TCC Group) กลุ่มธุรกิจแม่ของไทยเบฟ เป็นสนามสำคัญในการเปิดร้านใหม่ ๆ ที่เป็นแฟลกชิป สำหรับใช้เป็นโชว์เคสสร้างการรับรู้ให้แบรนด์

ทั้งธุรกิจส่วนเสริมอย่าง Food Service และการส่งออกสินค้า อาทิ เกี๊ยวซ่า ปัจจุบันส่งออกมากที่สุดไปยังประเทศกลุ่มยุโรป และบริษัทมีการเปิดตัวกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ อาทิ เกี๊ยวซ่าหวาน และ เกี๊ยวซ่ารสชาติแกงไทย อาทิ แกงเขียวหวาน, มัสมั่น เพื่อสร้างกระแสความต้องการใหม่ ๆ ให้กับตลาดต่อเนื่อง


🔴 FAQ : ไทยเบฟ ทุ่ม 5,000 ล้าน ดันธุรกิจอาหารเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์

Q1: ไทยเบฟลงทุนครั้งนี้รวมเป็นเงินเท่าไร และแบ่งไปที่ธุรกิจใดบ้าง?
A: รวม 5,000 ล้านบาท แบ่งเป็นกลุ่มเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ (NAB) 4,000 ล้านบาท และกลุ่มธุรกิจอาหาร 1,000 ล้านบาท

Q2: ทำไมไทยเบฟต้องเร่งขยายธุรกิจ NAB และอาหาร ทั้งที่รายได้หลักยังมาจากสุราและเบียร์?
A: เพราะทั้ง NAB และอาหารแม้มีสัดส่วนรายได้ยังน้อย แต่มีศักยภาพเติบโตสูง โดยเฉพาะจากพฤติกรรมผู้บริโภครุ่นใหม่ และตลาดต่างประเทศที่เปิดกว้าง

Q3: กลยุทธ์เจาะตลาดผู้บริโภครุ่นใหม่เป็นอย่างไร?
A: ไทยเบฟโฟกัส Gen Z ใช้พรีเซนเตอร์เข้าถึงง่าย และสื่อสารผ่านแพลตฟอร์มใหม่ ๆ เช่น TikTok

Q4: แบรนด์หลักที่ผลักดันในกลุ่ม NAB มีอะไรบ้าง?
A: น้ำดื่มคริสตัล, เอส โคล่า, โออิชิ กรีนที พร้อมแตกไลน์สินค้าเพื่อสุขภาพ และจับมือ F&N เปิดตัวแบรนด์ใหม่อย่างNutriWell และ Magnolia

Q5: ธุรกิจอาหารของไทยเบฟมีทิศทางอย่างไร?
A: รีเฟรชแบรนด์หลักอย่าง KFC, Oishi Group, Food of Asia พร้อมขยายสาขาใหม่ และใช้โครงการ One Bangkok เป็นโชว์เคสสำคัญในการสร้างการรับรู้


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer