ในปัจจุบันที่เอไอพัฒนาอย่างรวดเร็วและใช้กว้างขวาง สื่อสารมวลชนคือหนึ่งในวงการที่ใช้เอไอกันมากสุด ท่ามกลางคาดการณ์ว่า ข่าวที่อ่านกันอยู่ในทุกวันนี้ นักข่าวต้องใช้เอไอมาเป็น “ผู้ช่วย” ไม่ทางใดก็ตามหนึ่ง
เรื่องนี้เป็นสิ่งที่สื่อทั่วโลกกำลังจับตามองด้วยความกังวล จนนำสู่การเตือนคนในวงการเดียวกันเพราะพบว่าข่าวที่ได้จากเอไอไม่ได้ถูกต้องเที่ยงตรง 100% ซึ่งหากสืบย้อนไปก็จะพบว่าส่วนหนึ่งมาจากตัวระบบยังมีช่องโหว่ และพัฒนาเต็มที่ หรือไม่ประสิทธิภาพขนาดที่แยกแยะข้อเท็จจริงได้อย่างแม่นยำ
ผลการศึกษาครั้งใหญ่จากความร่วมมือกัน 22 องค์กรสื่อสาธารณะหลายประเทศแถบยุโรป รวมสำนักดังๆ อย่าง DW (เยอรมนี), BBC (สหราชอาณาจักร) และ NPR (สหรัฐอเมริกา) พบว่า 4 เอไอแชทบอทที่นิยมกันมากสุดในวงการสื่อโดยเฉพาะการทำข่าวยุคนี้ คือ ChatGPT, Copilot (ของ Microsoft), Gemini (ของ Google) และ Perplexity ให้ข้อมูลข่าวสารที่บิดเบือนหรือผิดพลาดถึง 45% ไม่ว่าจะเป็นภาษาใดหรือใช้ในประเทศใดก็ตาม

ในการศึกษาชิ้นนี้ ทีมนักข่าวได้ร่วมกันประเมินคำตอบของเอไอ โดยใช้เกณฑ์หลายด้าน ทั้งความแม่นยำ, การอ้างอิงแหล่งที่มา, การให้บริบท และการแยกแยะข้อเท็จจริงออกจากความคิดเห็น
ปรากฏว่าเกือบครึ่งหนึ่งของคำตอบทั้งหมดมีปัญหาสำคัญอย่างน้อยหนึ่งอย่าง โดย 31% มีปัญหาการอ้างอิงแหล่งที่มาเข้าขั้นรุนแรง และ 20% มีข้อผิดพลาดทางข้อเท็จจริงที่ร้ายแรง
ตัวอย่างเช่น ในการทดสอบของ DW พบว่าเอไอ ยังคงระบุว่า โอลาฟ โชลซ์ เป็นนายกรัฐมนตรีเยอรมนี ทั้งที่ ฟรีดริช แมทซ์ เข้ารับตำแหน่งไปแล้วหนึ่งเดือน หรือการระบุว่า เยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เป็นเลขาธิการ NATO ทั้งที่ มาร์ก รุตเต เข้ารับตำแหน่งแทนไปแล้ว
เรื่องนี้กลายเป็นประเด็นสำคัญ เพราะปัจจุบัน เอไอ ได้กลายเป็นช่องทางที่ผู้คนทั่วโลกใช้เข้าถึงข้อมูลมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะเดียวกันก็ยังเป็น “ผู้ช่วย” ที่นักข่าวใช้ทำข่าวอีกด้วย
นอกจากนี้ Gen Z ส่วนใหญ่ก็มีแนวโน้มที่จะเชื่อว่า ข้อมูลที่ได้จากเอไอนั้นถูกต้องแล้วโดยไม่พิจารณาอย่างรอบคอบเสียก่อน
รายงาน Digital News Report 2025 จาก Reuters ระบุว่า 7% ของผู้บริโภคข่าวออนไลน์ใช้เอไอ ในการค้นหาข่าวและตัวเลขนี้สูงขึ้นเป็น 15% ในกลุ่มผู้มีอายุต่ำกว่า 25 ปี
ฌอง ฟิลิป เดอ เทนเดอร์ รองผู้อำนวยการทั่วไปของ European Broadcasting Union (EBU) ซึ่งเป็นผู้ประสานงานการศึกษาชิ้นนี้ กล่าวว่า ความผิดพลาดเหล่านี้ชี้ให้เห็นถึงปัญหาเชิงระบบ และจะส่งผลต่อความไว้วางใจของสาธารณชน
เพราะเมื่อผู้คนไม่รู้ว่าควรเชื่ออะไร สุดท้ายพวกเขาก็จะไม่เชื่ออะไรเลย แม้กระทั่งรัฐบาลและจะเป็นอุปสรรคไม่ให้เข้าไปมีส่วนร่วมในระบอบประชาธิปไตย
จากผลการศึกษาดังกล่าว กลุ่มองค์กรสื่อจึงได้ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลในประเทศต่างๆ ต้องเร่งดำเนินการ
โดย EBU ระบุว่า ประเทศสมาชิกกำลัง กดดันให้หน่วยงานกำกับดูแลของสหภาพยุโรป และระดับประเทศ บังคับใช้กฎหมายที่มีอยู่ เพื่อรักษาความถูกต้องสมบูรณ์ของข้อมูล

EBU ยังเน้นย้ำว่า การตรวจสอบการทำงานของผู้ช่วยเอไอ อย่างเป็นอิสระ ต้องเป็นภารกิจสำคัญเร่งด่วน โดยเฉพาะเมื่อเอไอ โมเดลใหม่ๆ ถูกปล่อยออกมาอย่างรวดเร็ว
ขณะเดียวกัน EBU ได้ร่วมมือกับกลุ่มสื่อระหว่างประเทศอื่นๆ เปิดตัวแคมเปญ “Facts In: Facts Out” เพื่อเรียกร้องให้บริษัทเอไอ ต้องรับผิดชอบโดยตรงต่อวิธีที่ผลิตภัณฑ์ของตนจัดการและเผยแพร่เนื้อหาข่าว
เพราะเมื่อระบบเอไอเหล่านี้บิดเบือน, อ้างอิงแหล่งที่มาผิดพลาด หรือนำเสนอข่าวที่เชื่อถือได้โดยตัดบริบทสำคัญออก พวกมันกำลังบ่อนทำลายความไว้วางใจของประชาชน
ถ้าใส่ถ้าข้อเท็จจริงเข้าไป สิ่งที่ได้ออกมาก็ควรเป็นข้อเท็จจริงเช่นกัน ดังนั้นเอไอต้องไม่ทำลายความถูกต้องสมบูรณ์ของเนื้อหาข่าวที่นำไปใช้
จากทั้งหมดถือเป็นการสะท้อนว่า คนในวงการสื่อโดยเฉพาะ บรรดานักข่าวต้องใช้เอไออย่างระมัดระวัง มีความรับผิดชอบ และตรวจสอบข้อเท็จจริงของข้อมูลทุกครั้งก่อนเผยแพร่
ไปพร้อมๆ กันใช้เอไอให้คล่องและรู้เท่านั้น เพื่อยกระดับตัวเอง ก่อนที่จะถูกเอไอแย่งงาน
ขณะที่ฝ่ายคนทั่วไปซึ่งรับข้อมูลข่าวสาร ก็ควรทบทวนและพิจารณาข่าวที่ได้รับได้อ่านอย่างรอบคอบเช่นกัน ก่อนที่จะเชื่อและส่งต่อผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ เพื่อปิดกั้นข้อมูลไม่ถูกต้อง ไม่ให้แพร่ยิ่งกระจายออกไปอีก / dw
