พัทยา กับเป้าหมายการเป็นเมืองน่าอยู่สำหรับทุกคน ขับเคลื่อนสู่ Smart & Sustainable City

ชื่อของ “พัทยา” ไม่ได้เป็นเพียงชื่อเมืองชายทะเลที่เปี่ยมด้วยชีวิตชีวา หากแต่คือสัญลักษณ์ของเมืองที่เติบโตเคียงข้างประวัติศาสตร์การท่องเที่ยวของไทยมายาวนาน เมืองที่ไม่เคยหลับใหล และไม่เคยหยุดนิ่งต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก

วันนี้ “พัทยา” กำลังก้าวเข้าสู่จังหวะใหม่ของการพัฒนา จากเมืองท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วยสีสันและเสียงหัวเราะ สู่ “มหานครแห่งโอกาส” ที่ขับเคลื่อนด้วยโครงสร้างพื้นฐานอัจฉริยะ พลังเศรษฐกิจสร้างสรรค์ และวิสัยทัศน์แห่งความยั่งยืน ที่วาง “คุณภาพชีวิตของผู้คน” เป็นหัวใจของการเติบโตทุกย่างก้าว

Marketeer Online ได้รับเกียรติพูดคุยแบบ Exclusive กับ คุณปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์
นายกเมืองพัทยา ผู้นำที่อยู่เบื้องหลังการขับเคลื่อน “พัทยายุคใหม่” ให้ก้าวสู่การเป็น “เมืองน่าอยู่สำหรับทุกคน” และเป็น “เมืองเศรษฐกิจ” ที่พร้อมด้วยโครงสร้างพื้นฐานและศักยภาพทุกด้านเพื่อสร้างความเชื่อมั่นและโอกาสใหม่ให้กับนักลงทุนระดับโลก

พัทยาในจังหวะใหม่ของการพัฒนา

พัทยาในวันนี้ไม่ใช่เพียงเมืองท่องเที่ยวที่สร้างรายได้หลักให้ประเทศเท่านั้น แต่คือเมืองที่มีโครงสร้างการบริหารจัดการชัดเจนภายใต้นโยบายหลัก 4 เป้าหมาย 15 นโยบาย ที่ครอบคลุมทุกมิติ ทั้งการส่งเสริมการท่องเที่ยว ยกระดับคุณภาพชีวิต พัฒนาเมืองสู่ NEO Pattaya และผลักดันการศึกษาให้ก้าวทันโลก

จุดเปลี่ยนสำคัญของพัทยายุคใหม่คือการสร้าง ความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัย ทั้งต่อนักท่องเที่ยวและคนในพื้นที่”

นายกเมืองพัทยากล่าวอย่างชัดเจน พร้อมอธิบายว่า เมืองได้ติดตั้งกล้องวงจรปิดกว่า 2,500 ตัวทั่วเมือง และอีกกว่า 200 ตัวบนเกาะล้าน เชื่อมเข้าระบบกลางที่ประชาชนสามารถดูภาพได้แบบ Real-time ผ่านแอปพลิเคชัน Pattaya Connect”

นอกจากนี้ยังมี ศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์ 24 ชั่วโมง ผ่านสายด่วน 1337 ที่ให้บริการถึง 3 ภาษา และมีทีมเคลื่อนที่เร็วพร้อมลงพื้นที่ทันที

ทั้งหมดนี้สะท้อนแนวคิดของ “เมืองอัจฉริยะที่มุ่งดูแลชีวิตผู้คน” และสร้างรากฐานความมั่นใจให้พัทยาก้าวไปสู่การเป็นเมืองลงทุนระดับโลกในอนาคต

Smart City” มากกว่าเทคโนโลยี
คือ “เมืองที่น่าอยู่สำหรับทุกคน”

“Smart City ไม่ได้หมายถึงเมืองที่มีเทคโนโลยีมากที่สุด แต่คือเมืองที่ใช้เทคโนโลยีดูแลผู้คนได้ดีที่สุด” คำกล่าวนี้สะท้อนชัดในแนวทางของพัทยายุคใหม่

จาก ระบบ Pattaya Connect ที่รวบรวมข้อมูล e-Service, การจ่ายภาษีออนไลน์, และการดูสภาพจราจร Real-time ไปจนถึงแนวคิด Friendly Design” ที่ออกแบบเมืองให้เป็นมิตรกับทุกเพศ ทุกวัย ทุกความสามารถ ตั้งแต่ทางเท้า City Walk ที่ออกแบบให้รถเข็นและผู้พิการสามารถเข้าถึงได้ ไปจนถึงสัญญาณไฟข้ามถนนอัจฉริยะที่เพิ่มความปลอดภัยให้ผู้ใช้ทางเท้า

ขณะเดียวกัน เมืองยังให้ความสำคัญกับ “คุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ” ผ่านโครงการโรงเรียนผู้สูงอายุและศูนย์สร้างสุข ที่เปิดพื้นที่ให้ทุกคนได้เรียนรู้ ใช้ชีวิต และทำกิจกรรมร่วมกัน

คำว่า “เมืองน่าอยู่” สำหรับพัทยาไม่ได้จำกัดอยู่ที่สิ่งปลูกสร้างหรือแสงสี แต่คือการสร้าง “ความรู้สึกดี” ให้ทุกคนที่อาศัยอยู่ที่นี่

เมืองพัทยาในวันนี้จึงเป็นบ้านของผู้คนหลากหลายเชื้อชาติ ศาสนา และวัฒนธรรม รวมถึงเป็นเมืองที่ได้รับการยอมรับว่าเป็น “เมืองหลวงของชาว LGBTQ” ที่ผู้คนสามารถใช้ชีวิตได้อย่างเท่าเทียมและมีความสุข ความหลากหลายนี้เองคือเสน่ห์ที่ทำให้พัทยาแตกต่าง

เมืองเล็กที่มีหัวใจใหญ่ และพร้อมเปิดรับทุกคนด้วยมิตรภาพและความปลอดภัย

โครงสร้างพื้นฐาน = พื้นฐานของเศรษฐกิจใหม่

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เมืองพัทยาได้เดินหน้าพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานครั้งใหญ่เพื่อรองรับอนาคต ทั้งการปรับภูมิทัศน์ชายหาดพัทยาและจอมเทียนให้สวยงามและปลอดภัย การแก้ปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากกว่า 20 จุด การติดตั้งไฟ LED ประหยัดพลังงานทั่วเมือง รวมถึงการร่วมกับการไฟฟ้าในการนำสายไฟฟ้าลงดินกว่า 9 เส้นทาง

“ทุกโครงการที่เราทำ ไม่ได้ทำเพื่อความสวยงามเท่านั้น แต่คือการสร้างความพร้อมให้พัทยาเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจใหม่ของประเทศ” คุณปรเมศวร์กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

โครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแรง คือสิ่งที่จะสร้าง “ระบบเศรษฐกิจที่มั่นคง” เพราะเมื่อเมืองพร้อม นักลงทุนย่อมตามมา ธุรกิจใหม่ย่อมเกิดขึ้น และคนในพื้นที่จะมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม

เมืองท่องเที่ยวที่กำลังกลายเป็นเมืองเศรษฐกิจสร้างสรรค์

“พัทยาในวันนี้ไม่ใช่แค่เมืองแห่ง Nightlife อีกต่อไป” นายกเมืองพัทยากล่าวพร้อมรอยยิ้ม

ภาพจำของเมืองกำลังเปลี่ยนผ่านสู่ Pattaya Variety” เมืองท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วยกิจกรรมสำหรับครอบครัว กีฬา และวัฒนธรรม ตั้งแต่งานพลุนานาชาติ งานดนตรี งานวิ่งมาราธอน ไปจนถึงเทศกาลภาพยนตร์

โดยเฉพาะโครงการ “พัทยาเมืองภาพยนตร์” ที่กำลังผลักดันเข้าสู่เครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ของ UNESCO ในปี 2570

ซึ่งนอกจากจะสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้เมืองแล้ว ยังเป็นการเปิดโอกาสทางอาชีพกว่า 30 สาขา สร้างรายได้หมุนเวียนและความภูมิใจให้กับคนในพื้นที่

พัทยาจึงกำลังก้าวสู่การเป็น “เมืองเศรษฐกิจสร้างสรรค์” ที่ผสานศิลปะ วัฒนธรรม และเทคโนโลยีเข้าด้วยกันอย่างลงตัว

พัฒนาเมืองไปพร้อมการเติบโตของผู้คน

เมืองพัทยาไม่ได้พัฒนาเพียงด้านกายภาพ แต่ยังให้ความสำคัญกับการเติบโตของผู้ประกอบการและชุมชนท้องถิ่น

เมืองทำงานร่วมกับหลากหลายภาคส่วน ทั้งสมาคมนักธุรกิจ สมาคมโรงแรม และสมาพันธ์การท่องเที่ยวจังหวัดชลบุรี ผ่านกิจกรรมส่งเสริมคุณภาพบุคลากร เช่น Hospitality Fair” ที่ยกระดับมาตรฐานการบริการให้ทัดเทียมระดับสากล รวมถึงกิจกรรม Coffee on the Beach” ที่เปิดโอกาสให้ร้านกาแฟท้องถิ่นได้แสดงศักยภาพและสร้างรายได้

“เราต้องการให้ SME เติบโตไปพร้อมกับเมือง เพราะเมื่อเมืองเติบโต เศรษฐกิจฐานรากก็ต้องเติบโตด้วย”

นี่คือปรัชญาที่สะท้อนหัวใจการบริหารแบบ Inclusive Growth อย่างแท้จริง

พัทยาในสายตานักลงทุน

เมื่อโครงสร้างพื้นฐานของเมืองได้รับการพัฒนาอย่างเป็นระบบ และมาตรการด้านความปลอดภัยถูกยกระดับให้มีประสิทธิภาพสูงสุด “พัทยา” จึงเริ่มกลับมาอยู่ในสายตาของนักลงทุนอีกครั้ง

เพราะเมืองที่ปลอดภัย มีระบบ และมีทิศทางชัดเจน คือเมืองที่สร้างความเชื่อมั่นได้จริง

ความเชื่อมั่นนั้นยิ่งตอกย้ำด้วยมาตรฐานระดับโลกที่พัทยาได้รับอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่รางวัล Green Destination Top 100 จาก UNESCO ในพื้นที่ Old Town นาเกลือ มาตรฐาน ISO 13009 สำหรับชายหาดพัทยา ไปจนถึงรางวัลด้าน ความปลอดภัยยามค่ำคืนระดับนานาชาติ

ทั้งหมดล้วนสะท้อนภาพของเมืองที่ไม่ได้พัฒนาเพียงเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว แต่กำลังสร้าง “ระบบนิเวศการลงทุน” ที่ยั่งยืน และเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจท่องเที่ยวอย่างลงตัว

และเมื่อพิจารณาในมิติของการลงทุนระดับมหภาค พัทยาถือเป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญของ Eastern Economic Corridor (EEC) ที่รัฐบาลวางให้เป็นฐานยุทธศาสตร์ใหม่ของอุตสาหกรรมไทยในอนาคต

ด้วยทำเลที่เชื่อมโยงทั้งสนามบินอู่ตะเภา ท่าเรือแหลมฉบัง และเส้นทางรถไฟความเร็วสูง พัทยาจึงกลายเป็น “จุดบรรจบของโอกาส” ทั้งด้านโลจิสติกส์ การท่องเที่ยว และธุรกิจบริการระดับโลก

จากข้อมูลของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงหลังโควิด-19 ยังพบสัญญาณฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อกลุ่มนักลงทุนต่างชาติและผู้พำนักระยะยาว (Long-Stay) เริ่มเข้ามาซื้อที่อยู่อาศัยและคอนโดเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง อัตราผลตอบแทนเฉลี่ยของอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่อยู่ที่ประมาณ 6–10% ต่อปี ซึ่งถือว่าสูงกว่าหลายเมืองท่องเที่ยวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จึงไม่น่าแปลกใจที่พัทยากำลังถูกจับตามองในฐานะ “เมืองลงทุนแห่งอนาคต” ของภาคตะวันออก

ในมุมมองของนักการตลาดและนักกลยุทธ์ เมืองพัทยาในวันนี้จึงไม่ใช่เพียง “เมืองแห่งการพักผ่อน” แต่คือ “เมืองแห่งการลงทุน” ที่มีครบทั้งโครงสร้างพื้นฐาน สภาพแวดล้อม และศักยภาพทางเศรษฐกิจ การบริหารจัดการเมืองอย่างเป็นระบบ ภายใต้นโยบาย Smart & Sustainable City ได้สร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติว่า เมืองนี้ไม่เพียงพร้อมในวันนี้ แต่ยังพร้อมสำหรับอนาคต

วิสัยทัศน์อนาคต สู่ “เมืองที่มีคุณภาพชีวิตดีที่สุดระดับโลก”

นายกเมืองพัทยา ทิ้งท้ายว่า ในอีก 5–10 ปีข้างหน้า พัทยาจะยกระดับสู่เมืองท่องเที่ยวระดับโลกอย่างเต็มรูปแบบ ด้วยระบบคมนาคมที่เชื่อมโยงกับรถไฟความเร็วสูง และโครงการ Monorail ที่กำลังอยู่ระหว่างการศึกษา เพื่อเพิ่มความสะดวกในการเดินทางและลดปัญหาการจราจร

นอกจากนี้ เมืองยังวางแผนจัดการปัญหาน้ำท่วมให้ได้มากกว่า 90% ภายใน 5 ปี พร้อมยกระดับถนน ระบบไฟฟ้า และพื้นที่สีเขียวทั่วเมือง เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีต่อทั้งนักท่องเที่ยวและประชาชน

พัทยา ในอีก 10 ปีข้างหน้า จะเป็นเมืองที่ปลอดภัย เดินทางสะดวก และมีคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก”

นี่คือภาพฝันที่ชัดเจนของผู้นำเมืองที่เชื่อในพลังของการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

เมืองที่เติบโตบนความสมดุล

กว่า 110,000 คนที่อาศัยอยู่จริง และกว่า 500,000 คนที่ทำงานและใช้ชีวิตในเมืองเดียวกัน

พัทยา ไม่ใช่เพียง “จุดหมายปลายทางของการท่องเที่ยว” แต่คือ “ระบบนิเวศของการใช้ชีวิต” ที่หลอมรวมเศรษฐกิจ ความปลอดภัย และความสุขของผู้คนไว้ด้วยกันอย่างสมดุล

นี่คือ “พัทยายุคใหม่” เมืองที่เติบโตบนฐานของการดูแลผู้คน เมืองที่สร้างเศรษฐกิจบนพื้นฐานของความยั่งยืน และเมืองที่พร้อมต้อนรับทุกคนให้รู้สึกว่า “ที่นี่คือบ้านของเรา” อย่างแท้จริง

 


 

อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ 
Website : Marketeeronline.co / Facebook : www.facebook.com/marketeeronline


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer