TrueOnline กับเป้าหมายการเป็นมากกว่า Market Leader คือการเป็น Market Shaper ตั้งมาตรฐานใหม่ให้ตลาด

ที่ผ่านมาตลาดอินเทอร์เน็ตบ้านของไทยเต็มไปด้วยการแข่งขันร้อนแรง ทั้งด้านราคา ความเร็ว และโปรโมชั่น จนผู้บริโภครู้สึกว่า “เร็วแค่ไหนก็ยังไม่พอ” แต่ในช่วงหลัง Landscape การแข่งขันกำลังค่อยๆ เปลี่ยนไป ใครสามารถตอบโจทย์ Life Ecosystem ของลูกค้าได้มากที่สุด  คือเบอร์หนึ่งตัวจริงในสนาม

นี้คือความท้าทายใหม่ของทรูออนไลน์ (TrueOnline) ที่ไม่ได้มองแค่การพัฒนาความเร็ว แรง และคุณภาพอย่างต่อเนื่องเท่านั้น แต่ตั้งคำถามใหม่ว่า “เราจะเติมเต็มประสบการณ์ ของลูกค้าแต่ละคนที่มีความต้องการที่แตกต่างได้อย่างไร”

“วันนี้การแข่งขันในอุตสาหกรรมอินเทอร์เน็ตไม่ได้วัดกันแค่ความเร็วหรือราคาอีกต่อไป แต่กลายเป็น “เกมของการเติมเต็มประสบการณ์” เพราะพฤติกรรมของลูกค้าแตกต่างกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นบ้านที่เน้นเกมมิ่ง บ้านที่เสพความบันเทิง บ้านที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพ หรือความปลอดภัยของครอบครัว ทุกกลุ่มล้วนต้องการโซลูชันที่ตอบโจทย์เฉพาะของตัวเอง” คุณฐานพล มานะวุฒิเวช หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านโฮมคอนเนคทิวิตี้ ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าว

ขณะเดียวกัน คุณกิตติพงษ์ วีระเตชะ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านแบรนด์และมีเดีย ทรู คอร์ปอเรชั่น ขยายความให้เห็นภาพว่า

“โลกการตลาดกำลังเข้าสู่ยุค Hyper Personalization ซึ่งต้อง “ศึกษาพฤติกรรมจริงของลูกค้า แล้ว Tailor-made ให้ตรงรูปแบบการใช้งานของแต่ละ Segment” ไม่ใช่การขายแพ็กเกจแบบเดียวให้ทุกคนเหมือนในอดีต โดยเฉพาะในตลาดอินเทอร์เน็ตบ้าน แบรนด์จะชนะได้ก็ต่อเมื่อเข้าใจว่า ลูกค้าไม่ได้ต้องการแค่เน็ตแรง แต่ต้องการความเสถียร ความเหมาะสมกับสภาพบ้าน และการใช้งานจริงของคนในบ้าน

“วันนี้เราจึงไม่ได้เป็นแค่ Market Leader แต่เราเป็น Market Shaper คือเรา Innovate ตลาดให้ถูกจริตของลูกค้า”

คุณฐานพล มานะวุฒิเวช หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านโฮมคอนเนคทิวิตี้ ทรู คอร์ปอเรชั่น

จากสงครามความเร็ว สู่ยุคแห่งความเข้าใจ

ตลอดกว่าทศวรรษที่ผ่านมา เราเห็นวิวัฒนาการของอินเทอร์เน็ตไทยที่ก้าวกระโดดจากยุค 8 เมกะบิต สู่ 1,000 เมกะบิต และล่าสุดทะยานถึงระดับ 2 กิกะบิตแต่ในจังหวะที่ความเร็วแตะเพดานสุดของเทคโนโลยี ความท้าทายใหม่กลับเกิดขึ้น เพราะผู้บริโภคไม่ได้เลือกอินเทอร์เน็ตจาก “ตัวเลข” อีกต่อไป

คุณฐานพลอธิบายว่า ตลาดวันนี้อิ่มตัวแล้ว ทั้งด้านความเร็วและราคา สิ่งที่ทุกแบรนด์ต้องตอบให้ได้ไม่ใช่คำถามว่า “เร็วเท่าไหร่” แต่คือ “ชีวิตลูกค้าจะสะดวกและมีความสุขขึ้นอย่างไรเมื่อใช้เน็ตของเรา” เขาเรียกโจทย์ใหม่นี้ว่า “Ecosystem Game” เพราะไม่ใช่การแข่งขันกันแค่ในมิติของเน็ตเวิร์ก แต่คือการแข่งขันกันทั้งระบบชีวิตของผู้ใช้

“ทุกคนมีอินเทอร์เน็ตที่เร็วพอ ๆ กัน แต่ไม่ใช่ทุกคนที่เข้าใจว่าคนใช้เน็ตไปเพื่ออะไร เราไม่ได้ขายความเร็ว เราขายความมั่นใจ ความสุข และความอุ่นใจในบ้าน”

3 จังหวะชีวิตของคนไทย ที่ ทรูออนไลน์ ออกแบบเพื่อตอบโจทย์

เมื่อพูดถึงการเข้าใจชีวิตคนไทย ทรูออนไลน์มองทุกอย่างผ่านสามจังหวะสำคัญของชีวิตในแต่ละวัน การทำงาน การพักผ่อน และการใช้เวลาอยู่กับครอบครัว

สำหรับเวลางาน ทรูออนไลน์เชื่อว่า “การเชื่อมต่อที่ไหลลื่น” คือหัวใจสำคัญของชีวิตยุคดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็นคนทำงานออฟฟิศที่ประชุมผ่านออนไลน์ หรือคนขายของออนไลน์ที่ต้องพึ่งพาอินเทอร์เน็ตทุกวินาทีของการรับออเดอร์ ทรูออนไลน์ ใช้เทคโนโลยี AI ช่วยจัดการทราฟฟิกในบ้านแบบเรียลไทม์ เพื่อให้ทุกการประชุม การอัปโหลด และการเชื่อมต่อเกิดขึ้นอย่างราบรื่นที่สุด

พอถึงเวลาพักผ่อน อินเทอร์เน็ตก็กลายเป็นประตูสู่ความสุขอีกแบบหนึ่ง คุณฐานพลเล่าว่า ลูกค้าเกมเมอร์คือหนึ่งในกลุ่มที่มี Insight ชัดเจนที่สุด เพราะพวกเขาสัมผัสได้ทันทีหากมีความหน่วงเพียงเสี้ยววินาที TrueOnline จึงออกแบบ “เลนพิเศษสำหรับเกมเมอร์” ให้ ping ต่ำและไม่มี lag เพื่อให้ทุกการต่อสู้ในเกมเกิดขึ้นแบบเรียลไทม์จริง ๆ เช่นเดียวกับกลุ่มแฟนคลับที่แย่งจองบัตรคอนเสิร์ตเกาหลี ที่ต่างบอกกันเองว่า “ใช้เน็ตทรูแล้วได้ก่อนแน่นอน”

และสุดท้ายในช่วงเวลาของครอบครัว ความเชื่อมต่อไม่ได้เป็นเพียงการดูหนังหรือฟังเพลง แต่คือเรื่องของความปลอดภัยและความสุขสบายใจ ทรูออนไลน์ นำ AI มาช่วยให้กล้องวงจรปิดในบ้านฉลาดขึ้น จากเดิมที่ผู้ใช้ต้องไถย้อนคลิปเพื่อหาช่วงเวลาสำคัญ กล้องรุ่นใหม่ของทรูสามารถ “สรุปเหตุการณ์รายวัน” ให้ผู้ใช้ดูเฉพาะช่วงเวลาที่มีความเคลื่อนไหว เช่น เด็กกลับบ้าน ผู้สูงอายุเดินออกนอกห้อง หรือมีคนเข้ามาหน้าบ้าน

“ชีวิตคนเรามีแค่สามเรื่องใหญ่ ทำงาน พักผ่อน และอยู่กับครอบครัว ถ้าเราทำให้ทั้งสามเรื่องนี้ไม่สะดุด นั่นแหละคือความหมายของการเป็น TrueOnline” คุณฐานพลกล่าว

จากผู้นำตลาด สู่ผู้สร้างมาตรฐานใหม่

“Market Shaper” ไม่ได้หมายถึงการครองส่วนแบ่งตลาด แต่คือการ “ลงมือทำสิ่งใหม่ก่อนใคร แล้วให้ทั้งตลาดเดินตาม” ซึ่งคือสิ่งที่ ทรูออนไลน์ทำซ้ำแล้วซ้ำเล่าตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมา

เมื่อครั้งที่ทรูออนไลน์เปิดตัวเตอร์ 6 เสาในยุคที่ใคร ๆ ยังใช้แค่สองเสา ตลาดอาจมองว่าเกินจำเป็น แต่ไม่กี่ปีให้หลัง ทุกแบรนด์ต่างก็เพิ่มเสาสัญญาณ เพราะลูกค้าสัมผัสได้จริงว่าความแรงและความเสถียรต่างกันมาก หรืออย่างฟีเจอร์ “Gamer Lane” ที่ออกแบบเส้นทางสัญญาณเฉพาะสำหรับเกมเมอร์ ก็กลายเป็นต้นแบบในธุรกิจนี้

ล่าสุด ทรูออนไลน์ยังสร้างมาตรฐานใหม่ด้วย “Hybrid Router” นวัตกรรมเราเตอร์แบบ “2 ระบบ ในเครื่องเดียว” ที่รองรับทั้งอินเทอร์เน็ตไฟเบอร์ออปติกและอินเทอร์เน็ตมือถือในเครื่องเดียวกัน หากสายไฟเบอร์ขาดจากพายุหรือการก่อสร้าง ระบบจะสลับไปใช้อินเทอร์เน็ตมือถืออัตโนมัติ โดยลูกค้าไม่ต้องจ่ายเพิ่มแม้แต่บาทเดียว

“บ้านไหนเน็ตมีปัญหา เราไม่ปล่อยให้ชีวิตเขาสะดุด” คุณฐานพล อธิบายว่าการออกแบบแบบนี้เกิดจากการฟังลูกค้าจริง ๆ ไม่ใช่แค่การวิเคราะห์ข้อมูล

นี่คือความแตกต่างของ Market Shaper ที่ไม่ได้มองตลาดจากกราฟและตัวเลข แต่มองจากชีวิตจริงของผู้คนในแต่ละจังหวัด แต่ละอำเภอ แต่ละบ้าน

AI ที่ออกแบบเพื่อมนุษย์

แม้เทคโนโลยี AI จะกลายเป็นคำฮิตในวงการไอที แต่สำหรับ ทรูออนไลน์ไม่ใช่เรื่องของภาพลักษณ์ หากคือการใช้เทคโนโลยีเพื่อยกระดับชีวิตผู้ใช้จริง ๆ ทั้งในมิติของความเร็ว ความสะดวก และความเข้าใจลูกค้า

AI ถูกใช้ตั้งแต่ระบบเครือข่ายหลัก ไปจนถึงระดับโมเด็มภายในบ้าน สามารถแนะนำตำแหน่งติดตั้งเราเตอร์ที่เหมาะสมที่สุดตามโครงสร้างผนังของแต่ละบ้าน ซึ่งต่างกันระหว่างทาวน์โฮม บ้านเดี่ยว หรือคอนโดสูง รวมถึงการใช้ AI วิเคราะห์พฤติกรรมผู้ใช้ เพื่อให้เข้าใจว่าแต่ละครัวเรือนมีรูปแบบการใช้งานแบบใด

“AI ไม่ได้ทำให้เน็ตแรงขึ้น แต่มันทำให้เราเข้าใจว่าความแรงแบบไหนเหมาะกับใคร และทำให้เราสามารถออกแบบประสบการณ์ที่แตกต่างกันสำหรับแต่ละบ้านได้” คุณฐานพลอธิบาย

ในขณะที่คุณกิตติพงษ์มองว่า นี่คือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนจาก “Simply Connectivity” ไปสู่ “Intelligent Connectivity” ซึ่งไม่ได้แข่งกันที่ความแรงหรือพื้นที่ครอบคลุมอีกต่อไป แต่แข่งกันที่ “ใครสามารถขมวดเทคโนโลยีทั้งหมดให้สร้างคุณค่าใหม่ให้ลูกค้าได้มากกว่า”

คุณกิตติพงษ์ วีระเตชะ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านแบรนด์และมีเดีย ทรู คอร์ปอเรชั่น

จากเทคโนโลยีสู่ Well-Being

การเชื่อมต่อของ ทรูออนไลน์ไม่ได้หยุดอยู่ที่ความเร็ว หรือความเสถียร แต่กำลังเดินไปสู่แนวคิดที่ใหญ่กว่า นั่นคือ “Well-Being Company” ที่ใช้เทคโนโลยีเพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้ผู้คน

ในโลกที่เทคโนโลยีกำลังเข้าสู่ยุค “Physical AI” ที่สามารถจับต้องได้จริง เช่น แว่นอัจฉริยะ หรืออุปกรณ์ IoT ภายในบ้าน ทรูออนไลน์มองเห็นโอกาสในการเป็น “Connectivity Interior Designer” ของบ้านแต่ละหลัง แทนที่จะเป็นเพียงช่างติดตั้งอินเทอร์เน็ต

ลองนึกภาพว่าคุณสามารถสั่งเปิดแอร์ก่อนถึงบ้าน เปิดไฟห้องนั่งเล่นผ่านมือถือ หรือดูสัตว์เลี้ยงของคุณจากอีกจังหวัด ผ่านระบบอินเทอร์เน็ตเดียวที่เชื่อมโยงทุกอย่างไว้ด้วยกัน นั่นคือภาพของอนาคตที่ ทรูออนไลน์กำลังออกแบบ

“เทคโนโลยีที่ดีต้อง Make Sense กับชีวิต ไม่ใช่แค่ล้ำแต่ใช้จริงไม่ได้ เราจึงเลือกสร้างนวัตกรรมที่คนไทยเข้าใจ และใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน” คุณกิตติพงษ์ย้ำ

บริการหลังการขายที่ไม่ใช่คำโฆษณา

เบื้องหลังความสำเร็จอีกอย่างของ ทรูออนไลน์คือระบบบริการหลังการขายที่ลูกค้าหลายคนรู้สึกได้จริง การแก้ปัญหาเร็วกว่า SLA มาตรฐาน กลายเป็นเรื่องปกติของทีมงานภาคสนามทั่วประเทศ

คุณฐานพลเล่าว่าทีมภายในมีการประชุม Operation ทุกสัปดาห์ เพื่อเช็ก KPI เรื่องความเร็วในการแก้ไขปัญหา และย้ำว่าการบริการต้องคิดในมุมของ “ถ้าเราเป็นลูกค้า เราจะอยากได้แบบไหน” จึงเกิดแนวคิดอย่าง “Hybrid Router” ขึ้น เพื่อให้ลูกค้าไม่สะดุดแม้ในช่วงที่เกิดเหตุไม่คาดคิด

ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่บ้านในต่างจังหวัดหลายแห่งพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “ทรูมาเร็วมาก” เพราะเบื้องหลังคือระบบทีมภาคพื้นที่ที่ลงลึกถึงระดับตำบล และการใช้ข้อมูลเครือข่ายช่วยจัดการงานซ่อมแบบเรียลไทม์ทั่วประเทศ

เศรษฐกิจอาจชะลอ แต่การเชื่อมต่อยังโต

แม้ GDP ไทยจะเติบโตเพียงราว 2% แต่ตลาดบรอดแบนด์กลับโตเร็วกว่านั้นหลายเท่า เพราะพฤติกรรมของคนไทยเปลี่ยนไป อินเทอร์เน็ตไม่ใช่ของฟุ่มเฟือยอีกต่อไป แต่คือโครงสร้างพื้นฐานของชีวิต

“เรากำลังเห็นคนทำงานคนเดียวที่บ้านเพิ่มขึ้น เห็นผู้สูงวัยที่ใช้กล้องดูแลครอบครัว เห็นคู่รักรุ่นใหม่ที่เลือกอยู่คนละจังหวัดแต่เชื่อมกันผ่านกล้องอัจฉริยะ หรือกลุ่ม Digital Nomad จากต่างประเทศที่เข้ามาใช้ชีวิตในเมืองไทยและคาดหวังคุณภาพเน็ตระดับเดียวกับประเทศต้นทาง”

คุณกิตติพงษ์อธิบายต่อว่า การเติบโตนี้ไม่เพียงเป็นโอกาสทางธุรกิจ แต่คือแรงผลักดันให้ ทรูออนไลน์ต้องพัฒนา “มาตรฐานชีวิต” ของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น เพราะยิ่งโลกดิจิทัลเติบโตมากเท่าไร ความคาดหวังของผู้ใช้ก็ยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น

ทรูออนไลน์ จากความเร็วสู่ความหมาย

ทุกถ้อยคำจากผู้บริหารทั้งสองคนสะท้อนแนวคิดเดียวกันอย่างชัดเจน คือ ทรูออนไลน์ไม่ได้แข่งด้วยความเร็ว แต่แข่งด้วย “ความหมายของการเชื่อมต่อ”

ในวันที่หลายแบรนด์ยังวัดความสำเร็จจากตัวเลข Mbps ทรูออนไลน์กำลังวัดความสำเร็จจากคุณภาพชีวิตของผู้คนที่ใช้มัน เพราะในโลกที่ทุกอย่างออนไลน์ตลอดเวลา การเชื่อมต่อที่แท้จริงอาจไม่ใช่เรื่องเทคโนโลยี แต่อาจเป็นเรื่องของความเข้าใจ

“เราจะเป็นบริษัทเทคโนโลยีที่สร้างความสุขให้คนได้มากที่สุด และจะทำให้การเชื่อมต่อทุกครั้งของลูกค้ามีความหมายกับชีวิตของเขาจริง ๆ” กิตติพงษ์ กล่าวทิ้งท้าย

นี่คือภาพของ TrueOnline ในวันนี้ กับการเป็นแบรนด์ที่ไม่ได้หยุดอยู่กับคำว่า “เร็วที่สุด” แต่เลือกเดินบนเส้นทางของการเป็น Market Shaper ผู้สร้างมาตรฐานใหม่ให้ทั้งอุตสาหกรรม และทำให้คำว่า “การเชื่อมต่อ” กลายเป็น “การใช้ชีวิตที่ดีขึ้น” ได้จริง

อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ 
Website : Marketeeronline.co / Facebook : www.facebook.com/marketeeronline


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer