แสนสิริ ทำไมเปิด ศูนย์การเรียนรู้กาแฟพิเศษครบวงจร ปั้นโมเดลวิสาหกิจเพื่อสังคมเติบโตภายใน 5 ปี
90,000 ตัน/ปี คือตัวเลขกลมๆ ของจำนวนกาแฟทั้งหมดที่คนไทยบริโภคในทุกวันนี้…
โดยที่ 10-20% คือกาแฟพิเศษ หรือ Specialty Coffee และเป็นตลาดที่เติบโตขึ้นทุกปี
หากมองกลับมาที่กำลังการผลิตกาแฟภายในประเทศไทย
ปีๆ หนึ่งสามารถผลิตกาแฟได้ราว 30,000 ตัน/ปี เพียงเท่านั้น
เท่ากับว่ากาแฟอีกกว่า 60,000 ตัน เรายังต้องใช้งานการนำเข้าจากต่างประเทศ

หมายความว่า “ตลาดกาแฟ รวมถึง กาแฟพิเศษไทย” ยังมีพื้นที่ให้เติบโตอีกมหาศาล โดยเฉพาะในยุคที่เทรนด์ผู้บริโภคทั่วโลกรวมถึงในไทยที่หันมาใส่ใจการดื่มกาแฟ ที่ลึกไปมากกว่าแค่เครื่องดื่มประจำวัน แต่พวกเขากำลังใส่ใจไปถึงแหล่งที่มา กระบวนการปลูก การผลิต รวมถึงเรื่องของความยั่งยืน…
‘ศูนย์การเรียนรู้กาแฟพิเศษครบวงจร’ โมเดลวิสาหกิจเพื่อสังคมจากแสนสิริ “ที่ไม่หวังผลกำไร แต่หวังให้สังคมเติบโตอย่างยั่งยืน”

สมัชชา พรหมศิริ Chief of Staff บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ตอบคำถามที่หลายคนอาจกำลังคิดในใจว่า…
บริษัทอสังหาฯ อย่างแสนสิริ ทำไมถึงมาทำเรื่องเกี่ยวกับกาแฟ?
“ตลอด 40 ปีของการเป็นแบรนด์อสังหาริมทรัพย์ที่อยู่คู่สังคมไทย
แสนสิริ ชอบเป็นผู้ริเริ่มแพลตฟอร์มอะไรบางอย่างเพื่อสร้างแรงกระเพื่อมที่ดีในสังคม
อย่างที่ผ่านมา แสนสิริ เคยสนับสนุนกาแฟจากเกษตรดอยผาฮี้ จ.เชียงราย
เพื่อนำมาผลิตเป็น แสนสิริ ซิกเนเจอร์ เบลนด์ เพื่อเสิร์ฟในแสนสิริเลาจ์ ในสำนักงานขาย และเครือโรงแรม ของแสนสิริ
และในวันนี้ แสนสิริกำลังทำเรื่อง “กาแฟพิเศษ” เพราะเชื่อว่ากาแฟเมล็ดเล็กๆ
จะสามารถเป็นความหวังที่สามารถสร้างแรงกระเพื่อมเศรษฐกิจได้จากฐานราก”
เมล็ดเล็กๆ แห่งความหวัง

สำหรับ ศูนย์การเรียนรู้กาแฟพิเศษครบวงจร จะตั้งอยู่ที่ อ.กัลยาณิวัฒนา จ.เชียงใหม่ บนเนื้อที่รวม 16 ไร่ ทาง แสนสิริ ตั้งใจให้เห็นเป็นศูนย์การเรียนรู้สำหรับเกษตรกร ผู้คนในพื้นที่ รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องในธุรกิจกาแฟ เพื่อพัฒนาการปลูก และการผลิตกาแฟพิเศษแบบครบวงจร
โดยโครงการนี้ยังได้จับมือกับอีก 2 พันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญด้านกาแฟพิเศษอย่าง ไร่แสนชัย เกษตรกรต้นแบบแห่ง อ.กัลยาณิวัฒนา และ BEANS Coffee Roaster ที่เชี่ยวชาญด้านการคั่วและการทำตลาดกาแฟพิเศษ เพื่อรวบรวมทุกองค์ความรู้เกี่ยวกับกาแฟพิเศษแบบครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ เพื่อยกระดับเกษตรกรไทย

แสนสิริวางเป้าระยะยาว ของศูนย์การเรียนรู้กาแฟพิเศษครบวงจรไว้ 5 ปี เพื่อพัฒนาเป็น “ศูนย์ต้นแบบความยั่งยืน” (Sustainable Model) ถ่ายทอดองค์ความรู้ครบวงจร ตั้งแต่การปลูกและการแปรรูป การตรวจสอบและพัฒนาสายพันธุ์ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ร่วมกับชุมชน ไปจนถึงการสร้างตลาดกลางที่เป็นธรรม เพื่อบ่มเพาะผู้ประกอบการรุ่นใหม่
“โครงการนี้ แสนสิริตั้งใจสร้างวิสาหกิจเพื่อสังคมแบบไม่แสวงหากำไรที่ยั่งยืน และมองไปถึงการที่ศูนย์นี้จะสามารถสร้างรายได้เพื่อหล่อเลี้ยงตัวเองและผู้ที่เกี่ยวข้อง หรือหากมีกำไรก็จะคืนทั้งหมดกลับสู่ชุมชน 100%”
ต้นน้ำ : กาแฟทำให้ผู้คนได้กลับบ้าน

แสนชัย จูเปาะ เกษตรกรต้นแบบจากไร่แสนชัย เล่าว่าการกลับบ้านของคนรุ่นใหม่บนดอยมักหมายถึงความล้มเหลว ตกงาน ไม่มีรายได้ หมดหวังจึงกลับมา…
แต่การปลูกกาแฟจะเปลี่ยนให้คนรุ่นใหม่ วัยรุ่น กลับบ้านมาอย่างมีความความหวัง และกล้าที่จะกลับบ้านมาเพื่อเริ่มต้นการเป็นเกษตรรุ่นใหม่มากขึ้น
“กาแฟทำให้หลายครอบครัวได้อยู่กับครอบครัว มีรายได้ที่เลี้ยงตัวเองเลี้ยงครอบครัวได้ และยังดูแลธรรมชาติซึ่งเป็นบ้านของพวกเขาไปพร้อมกัน”
การปลูกกาแฟจึงไม่ใช่แค่อาชีพ แต่กำลังกลายเป็นอีกหนึ่งพลังในการขับเคลื่อนให้ผู้คนสามารถได้มีโอกาสมีรายได้ มีโอกาสได้อยู่กับบ้านและครอบครัวที่เขารักด้วยอีกทาง
กลางน้ำ : ความรู้ที่ไม่ต้องพึ่งเทวดา

บริรักษ์ อภิขันติกุล จากสมาคมกาแฟพิเศษไทย อธิบายว่า ในอดีตเกษตรกรไทยปลูกกาแฟโดย ‘ฝากไว้กับเทวดา’
พอต้นกาแฟออกผลก็ไปเก็บ ฝนตกหรือฝนแล้งก็แล้วแต่ฤดูกาล ผลผลิตที่เก็บได้ไม่มีจำแนกแยกสายพันธ์ทำให้ขายได้ราคาไม่ดี
แต่การทำกาแฟพิเศษต้องการความรู้ความเข้าใจ ตั้งแต่การเลือกสายพันธุ์ที่ตลาดต้องการ การคำนวณต้นทุน การจัดการของเสีย และการพัฒนาโปรเซสต่างๆ ในการผลิตเพื่อเพิ่มคุณภาพให้กับกาแฟที่ผลิตออกมา
“หน้าที่ของศูนย์ฯ คือทำให้ความรู้เรื่องการปลูกกาแฟอย่างยั่งยืน การนำเอานวัตกรรมและโทคโนยีเข้าไปเสริม เพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ พร้อมๆ กับสร้างเกษตรกรรุ่นใหม่ที่มีความเข้าใจในระบบมากขึ้น”
พร้อมกับส่งเสริมการปลูกกาแฟแบบใต้ร่มไม้ใหญ่ ซึ่งช่วยทั้งการรักษาป่าไว้ และยังได้ผลผลิตที่มีคุณภาพสูงกว่าการปลูกกลางแจ้ง ที่ต้องถางพื้นที่ รวมถึงลดการทำไร่เลื่อนลอยของผู้คนในชุมชนลงได้อีกทาง
ปลายน้ำ : กาแฟ (ยั่งยืน) พิเศษ

ชนัญดา ทวีสิน ผู้ร่วมก่อตั้ง BEANS Coffee Roaster ระบุว่ากาแฟพิเศษกำลังกลายเป็น New Normal ของคนดื่มกาแฟยุคนี้ไปแล้ว สะท้อนได้จากภาพรวมตลาดที่เติบโตขึ้นทุกๆ ปี ในแต่ละปีประเทศไทยบริโภคกาแฟพิเศษอยู่ที่ประมาณ 6,000-7,000 ตัน/ปี

ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อตลาดมีความต้องการก็เท่ากับเป็นโอกาสสำคัญที่จะสามารถสร้างมูลค่ารวมถึงรายได้ที่ยั่งยืนให้กับเกษตรกรได้
โดยที่ราคาขายต่อกิโลกรัมสูงกว่ากาแฟทั่วไปถึง 3–5 เท่า มีราคาตั้งแต่ 500-3,000 บาท/กิโลกรัม
รวมถึงการปลูกกาแฟยังเป็นส่วนสำคัญของการอนุรักษ์ป่าในภาคเหนือมากว่า 3 ทศวรรษ รวมทั้งเป็นต้นแบบของพืชเศรษฐกิจมูลค่าสูงที่ภาคเกษตรอื่นๆ สามารถนำไปปรับใช้ได้ และสร้างความยั่งยืนให้ชุมชน

อัครินทร์ ศิวพรพิทักษ์ ผู้ร่วมก่อตั้ง BEANS Coffee Roaster ระบุว่า “กาแฟที่ดีไม่ใช่แค่รสชาติ แต่ต้องรับผิดชอบต่อสังคมได้ด้วย และเรื่องเล่าที่อยู่เบื้องหลังกาแฟแต่ละเมล็ดแต่ละแก้ว ยังสามารถเพิ่มมูลค่าได้มหาศาล รวมถึงยังมองไปในภาพใหญ่ถึงการพาเมล็ดกาแฟไทยไปสู่ตลาดระดับโลก
นอกจากนั้นยังมองว่าศูนย์การเรียนรู้กาแฟพิเศษครบวงจรยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรใหม่ ที่ผู้เยี่ยมชมสามารถเรียนรู้กระบวนการผลิตกาแฟตั้งแต่ต้นจนจบในที่เดียวอีกด้วย”

สรุปสุดท้าย…
นี่คือโครงการที่สะท้อนให้เห็นถึงแนวคิดของ แสนสิริ ในการเป็นผู้ริเริ่มโครงการหรือแพลตฟอร์มอะไรบ้างอย่าง เพื่อดูแลผู้คน ดูแลธรรมชาติ รับผิดชอบสังคมในวงกว้าง รวมถึงโลกใบนี้
และแน่นอนว่า ศูนย์การเรียนรู้กาแฟพิเศษครบวงจร ได้กลายเป็นมากกว่าโครงการกาแฟ แต่คือจุดเริ่มต้นของระบบนิเวศแห่งการเรียนรู้ การอยู่ร่วมกัน และการเติบโตอย่างยั่งยืนของทุกคนที่เกี่ยวข้อง

—
Website : Marketeeronline.co /
