Hell’s Kitchen X ShopeeFood เปลี่ยนรายการแข่งทำอาหารสุดเดือดเป็นสงครามเดลิเวอรี่ โจทย์สุดท้าทายที่คนดูได้ลุ้น คนเปิดร้านได้เรียนรู้ของจริง
ใครที่ติดตามรายการ Hell’s Kitchen อยู่แล้วคงรู้ดีว่า “ความดุเดือดสุดกดดัน” คือหัวใจของรายการนี้ แต่ใน Season ที่ 2 EP ที่ 09 ดีกรีความเดือดถูกยกระดับขึ้นไปอีกหลายเท่า
เพราะนี่คือครั้งแรกของรายการที่ได้จับมือกับแอปฯ ฟู้ดเดลิเวอรี่เจ้าแรกอย่าง ShopeeFood ที่มาพร้อมโจทย์หินที่ไม่ใช่แค่การทำอาหารเสิร์ฟให้กรรมการในสตูดิโอ แต่โจทย์ครั้งนี้คือ ‘สงครามเดลิเวอรี่’ ที่ต้องแข่งขันกันพร้อมเปิดร้านบนแอปฯ เพื่อช่วงชิงมื้อกลางวันของลูกค้า ShopeeFood 100 คน และยังมีแรงกดดันจากพี่ๆ ไรเดอร์ตัวจริงที่มารอรับออเดอร์ถึงสตูดิโอ!
แคมเปญ ‘ครัวนรกเดลิเวอรี่’ ShopeeFood xHell’s Kitchenจะสนุกและน่าสนใจแค่ไหน รวมถึงแคมเปญนี้กลายเป็นการคอลแลปฯ ที่น่าสนใจในมุมการตลาดอย่างไร…
การคอลแลปฯ สุดลงตัว กลายเป็นโจทย์หินสุดท้าทาย

“นี่อาจเป็นการคอลแลปฯ ของรายการHell’s Kitchenที่ลงตัวที่สุด EP หนึ่งเลยก็ว่าได้…”
เพราะว่าการมาจับมือของ ShopeeFood มาพร้อมกับโจทย์ที่ยกระดับความกดดันและท้าทายขึ้นไปอีกขั้น ด้วยภารกิจที่ให้ผู้เข้าแข่งขันต้องเปิด “ร้านอาหารออนไลน์จริง” บนแอปฯ ShopeeFood โดยทำอาหารเพื่อจัดส่งลูกค้าภายในเวลาเพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น
รวมถึง EP นี้ยังเป็นครั้งแรกที่รายการเปิดครัวให้ผู้แข่งขันถึง 2 รอบเต็มๆ เพื่อให้ทุกทีมได้เต็มที่ รับมือกับสถานการณ์ที่ใกล้เคียงกับการเปิดเดลิเวอรี่มากที่สุด ท้าทายการจัดการต้องวางแผนตั้งแต่คิดเมนู รับออเดอร์จริง ทำให้เวลาทุกนาทีมีค่า และความกดดันทวีคูณตั้งแต่เริ่มเกม
ทีมผู้เข้าแข่งขันยังต้องคิด 2 เมนู ที่พร้อมขายในราคา 149 บาท ซึ่งเป็นกรอบราคาที่ร้านอาหารเดลิเวอรี่ยุคนี้ต้องวางกลยุทธ์อย่างระมัดระวังทั้งคุมต้นทุน ทำให้อร่อย น่าสนใจ และยังต้องขายได้จริง
ความกดดันยิ่งเพิ่มขึ้น เมื่อแต่ละทีมยังต้องทำโปรดักชันเองอย่างการถ่ายรูปเมนูให้ดูน่ากินที่สุด เพื่อแข่งกันเรียกยอดสั่งซื้อจาก ‘กรรมการพิเศษ’ อย่างพนักงาน 100 คนที่เป็นลูกค้า ShopeeFood ตัวแทนของกลุ่มลูกค้าที่ชอบสั่งอาหารบนเดลิเวอรี่ยุคในปัจจุบันได้อย่างดี
ทั้งหมดจึงทำให้โจทย์ใน EP นี้ ไม่ใช่แค่การแข่งทำอาหาร แต่เป็นการจำลองการทำธุรกิจบนแพลตฟอร์มเดลิเวอรี่อย่างเข้มข้นและสมจริงแบบที่Hell’s Kitchenไม่เคยทำมาก่อน….
“Shopee ออเดอร์มาแล้ว!”
เสียงที่เชฟในรายการอาจไม่อยากได้ยิน
แต่นี่คือเสียงแห่งโอกาส
และรายได้ที่ร้านอาหารอยากให้ดังทั้งวัน!

ระหว่างการแข่งขันผู้เข้าแข่งต้องเจอทั้งแรงกดดันจากเฮดเชฟ
รวมถึงเสียง “Shopee ออเดอร์มาแล้ว!” ที่เด้งดังพร้อมกับออเดอร์ที่เข้ามาตลอดเวลา
ในรายการแข่งนี่คือเสียงแห่งแรงกดดันให้ต้องเร่งมือทำออเดอร์ให้ทันเวลา กดดันจนเชฟอาจไม่อยากได้ยิน
แต่ในโลกของร้านอาหารจริงๆ … เสียงนี้คือยอดขายและลูกค้าจริงที่เข้ามาในทุกวัน…
ในปัจจุบัน ShopeeFood กลายเป็นอีกหนึ่งช่องทางสำคัญที่ช่วยให้ร้านอาหารเข้าถึงผู้บริโภคได้สะดวกสบายยิ่งขึ้น และยังเปิดโอกาสให้ร้านได้เติบโตบนแพลตฟอร์มเดลิเวอรี่อย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นร้านเล็กหรืออยู่ในทำเลไม่ดีก็ยังมีโอกาสเข้าถึงลูกค้าได้
รวมถึงแพลตฟอร์มเองก็ยังมีแคมเปญดันยอดขาย โปรโมชันส่วนลด ไปจนถึงการใช้ Shopee Coins ที่สามารถนำมาใช้เป็นส่วนลดค่าอาหารเพิ่มเติมได้ ตอกย้ำความคุ้มค่าของแอปฯ ShopeeFood
ทั้งหมดนี้คือการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจนกลายเป็นพาร์ทเนอร์สำคัญของผู้ประกอบการร้านอาหารเดลิเวอรี่ยุคนี้ไปแล้ว
คนทำร้านอาหารได้เรียนรู้
ส่วนคนดูได้ลุ้น แถมเรียนรู้วิธีการใช้โค้ดแบบจุกๆ

นอกจากในมุมของความสนุก กดดัน และการแข่งขันแล้ว…
ความน่าสนใจของแคมเปญนี้คือการที่ ShopeeFood ได้เล่าถึงจุดแข็งของแพลตฟอร์ม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการมีไรเดอร์พร้อม รับ-ส่งทุกออเดอร์
รวมถึงมีระบบหลังบ้านที่สามารถรองรับออเดอร์ช่วงพีคอย่างมื้อเที่ยงออฟฟิศได้สบายๆ ทุกอย่างถูกถ่ายทอดผ่านการแข่งขัน และสถานการณ์จริงที่เกิดขึ้นในการแข่งขัน
ส่วนในมุมผู้ชมรวมถึงได้เข้าใจความจริงของการเปิดร้านเดลิเวอรี่โดยไม่ต้องอธิบาย ได้เห็นกระบวนการตั้งแต่การคิดเมนู การถ่ายรูปให้น่ากิน เพราะบนแพลตฟอร์มรูปคือปัจจัยแรกที่ทำให้คนตัดสินใจ ไปจนถึงการคุมต้นทุนคือหัวใจของการอยู่รอด
และเรื่องของความเร็วหากช้าทำไม่ทันหรือสินค้าไม่ได้คุณภาพ คะแนนความพึงพอใจจะลดลงทันที ซึ่งก็คือความเป็นจริงของร้านอาหารในโลกออนไลน์อย่างแท้จริง..
เชื่อว่าคนที่ดู Hell’s Kitchen ตอนนี้จบ คงจะหิวและอยากกดสั่ง ShopeeFood กันเลยทันทีแน่ๆ
รับชมรายการ Hell’s Kitchen Thailand ซีซั่น2 ทุกวันอาทิตย์เวลา 18.00 น. ทางช่อง 7HD รับชมย้อนหลังทาง Netflix
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้
Website : Marketeeronline.co /

