TIME ยก “ผู้ออกแบบปัญญาประดิษฐ์” เป็นบุคคลแห่งปี 2025 ชี้ AI เปลี่ยนโลกแบบไม่มีทางย้อนกลับ

นิตยสาร TIME ประกาศให้ “Architects of AI” หรือกลุ่มบุคคลผู้อยู่เบื้องหลังการคิดค้น ออกแบบ และสร้างเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ เป็น Person of the Year 2025 หลังเห็นชัดว่า AI กลายเป็นพลังที่ทรงอิทธิพลที่สุดของโลกในรอบปีที่ผ่านมา ทั้งในมิติเทคโนโลยี เศรษฐกิจ การเมือง และชีวิตประจำวันของมนุษย์

.

.

.

.

.

.

.

.

.

TIME ระบุว่า สัญญาณการเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่นี้เริ่มชัดเจนตั้งแต่ช่วงพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ของโดนัลด์ ทรัมป์ ในเดือนมกราคม ซึ่งบรรดาผู้บริหารบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของสหรัฐฯ ปรากฏตัวอย่างพร้อมหน้า

.

ขณะเดียวกัน เบื้องหลังเวทีในวันเดียวกัน บริษัทจีนที่ไม่เป็นที่รู้จักมากนักอย่าง DeepSeek ได้เปิดตัวโมเดล AI ใหม่ สร้างแรงสั่นสะเทือนต่อตลาดการเงินและปลุกกระแสการแข่งขันด้าน AI ทั่วโลก

.

เพียงหนึ่งวันถัดมา ผู้นำเทคโนโลยีระดับโลกอย่าง แซม อัลต์แมน, แลร์รี เอลลิสัน และมาซาโยชิ ซัน ปรากฏตัวที่ทำเนียบขาว พร้อมประกาศแผนลงทุนสูงสุดถึง 5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อสร้างศูนย์ข้อมูล AI ทั่วสหรัฐฯ ภายใต้โครงการ “Stargate”

.

ซึ่ง TIME มองว่าสองวันดังกล่าวเป็นภาพสะท้อนปีแห่งการแข่งขันระดับโลก นวัตกรรมก้าวกระโดด เงินลงทุนมหาศาล และการหลอมรวมผลประโยชน์ระหว่างภาครัฐกับเอกชน

.

TIME ชี้ว่า ปี 2025 คือปีที่ศักยภาพเต็มรูปแบบของ AI ปะทุขึ้นอย่างชัดเจน และเป็นจุดที่มนุษยชาติไม่อาจ “ถอยกลับ” หรือ “เลือกไม่ใช้” ได้อีกต่อไป ไม่ว่าจะเป็นการเร่งงานวิจัยทางการแพทย์ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน หรือทำให้สิ่งที่เคยเป็นไปไม่ได้กลายเป็นจริง

.

ข่าวเกี่ยวกับ AI และผู้พัฒนาเทคโนโลยีนี้ปรากฏอยู่แทบทุกสื่อ พร้อมจุดชนวนการถกเถียงอย่างกว้างขวางถึงผลกระทบต่อธุรกิจ สังคม และการศึกษา

.

ในช่วงเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์ AI ถูกพิสูจน์ว่าสามารถช่วยสื่อสารกับวาฬ แก้โจทย์คณิตศาสตร์ที่ค้างคามานานกว่า 30 ปี และทำนายพายุเฮอริเคนได้แม่นยำกว่าวิธีดั้งเดิม

.

ขณะที่ความสามารถของ AI เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยมีงานวิจัยระบุว่าศักยภาพของระบบเหล่านี้แทบจะเพิ่มเป็นสองเท่าเกือบทุกปี และมีอัตราการยอมรับที่เร็วอย่างไม่เคยมีมาก่อน

.

เจนเซน หวง ซีอีโอ Nvidia บริษัทที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก และหนึ่งในผู้นำ AI ที่ทรงอิทธิพลที่สุด ให้สัมภาษณ์ TIME ว่า “ทุกอุตสาหกรรมต้องการมัน ทุกบริษัทใช้มัน และทุกประเทศจำเป็นต้องสร้างมัน นี่คือเทคโนโลยีที่ทรงอิทธิพลที่สุดในยุคของเรา”

.

อย่างไรก็ตาม ความก้าวหน้าดังกล่าวมาพร้อมต้นทุน ทั้งการใช้พลังงานมหาศาล การหายไปของตำแหน่งงาน ความยากในการแยกแยะความจริงจากข้อมูลเท็จ ความเสี่ยงจากการโจมตีทางไซเบอร์โดยไม่ต้องพึ่งมนุษย์ และการกระจุกตัวของอำนาจในมือผู้นำธุรกิจเพียงไม่กี่คน

.

ซึ่ง TIME เปรียบเทียบว่าไม่ต่างจากยุค Gilded Age ในอดีต พร้อมเตือนว่าความก้าวหน้าอาจมาพร้อมความเหลื่อมล้ำที่รุนแรงขึ้น และความเสี่ยงต่อฟองสบู่เศรษฐกิจระดับโลก

.

TIME ย้ำว่า รางวัล Person of the Year เป็นธรรมเนียมที่มีมาอย่างยาวนาน ตั้งแต่การเลือกชาร์ลส์ ลินด์เบิร์ก ในปี 1927 ก่อนจะขยายขอบเขตจากบุคคล ไปสู่กลุ่มคน และแม้กระทั่ง “แนวคิด” อย่างคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลในปี 1982 หรือโลกที่กำลังถูกคุกคามในปี 1988

.

โดยการเลือก Architects of AI ครั้งนี้ ถือเป็นหมุดหมายลำดับที่สามของการบันทึกการปฏิวัติเทคโนโลยีในรอบครึ่งศตวรรษ ต่อจากยุคคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล และยุคโซเชียลอินเทอร์เน็ต

.

ท้ายที่สุด TIME ระบุว่า แม้ AI จะเรียนรู้ พูด โต้แย้ง และคิดคล้ายมนุษย์มากขึ้นเรื่อยๆ แต่มนุษยชาติยังคงเป็นผู้กำหนดเส้นทางอนาคตของมัน และทุกคนมีบทบาทร่วมกันในการออกแบบโครงสร้างและทิศทางของ AI

.

ด้วยเหตุนี้ กลุ่มผู้อยู่เบื้องหลังการสร้าง “เครื่องจักรที่คิดได้” จึงสมควรถูกยกย่องในฐานะ TIME’s 2025 Person of the Year ทั้งในด้านการเปลี่ยนแปลงโลก การสร้างความตื่นตะลึง และความกังวลที่มาพร้อมกันในยุคใหม่ของปัญญาประดิษฐ์