หลายปีมาแล้วที่งานบ้านอย่างการดูดฝุ่นของคนทั่วโลกง่ายขึ้น จากการเข้ามาของหุ่นยนต์ดูดฝุ่น ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นผู้ช่วยเท่านั้น แต่ยังเป็นการนำนวัตกรรมมาสู่กิจกรรมใกล้ตัว และสร้างตลาดสินค้าประเภทนี้ขึ้นมาอย่างเป็นรูปธรรม
ทว่าล่าสุด บริษัทแรก ๆ ที่สร้างตลาดสินค้าประเภทนี้กลับต้องเผชิญวิกฤตจนถึงคราวล้มละลาย ซึ่งสาเหตุหลักไม่ได้มาจากความล้มเหลวด้านนวัตกรรม แต่มาจากความพ่ายแพ้ให้กับคู่แข่งด้านราคา
โดยความน่าสนใจของเรื่องนี้ยังไม่หมดแค่นั้น เพราะบริษัทที่เข้าซื้อกิจการไปคือ Picea Robotics ซึ่งเป็นคู่ค้าชาวจีนที่เคยรับจ้างผลิตให้กับ iRobot มาก่อน
iRobot บริษัทสัญชาติอเมริกันผู้คิดค้นหุ่นยนต์ดูดฝุ่นชื่อดัง Roomba ได้ยื่นเรื่องขอพิทักษ์ทรัพย์จากการล้มละลาย ตามมาตราที่ 11 ของกฎหมายสหรัฐอเมริกา หลังจากที่บริษัทต้องประสบวิกฤตทางการเงินอย่างหนักมาหลายปี ทั้งปัญหาด้านยอดขาย ภาระหนี้สิน และความติดขัดในห่วงโซ่อุปทาน จนกระทั่งในปี 2025 มูลค่าบริษัทตามราคาตลาดร่วงลงไปมากถึง 45%

นอกจากนี้ บริษัทยังถูกซ้ำเติมจากกำแพงภาษี เนื่องจากสินค้าทั้งหมดของบริษัทผลิตในต่างประเทศ และที่สำคัญคือลูกค้าจำนวนมากได้หันไปซื้อสินค้าของคู่แข่งจากจีนที่มีราคาถูกกว่าอย่างเห็นได้ชัด
อย่างไรก็ตาม บริษัทนวัตกรรมสัญชาติอเมริกันแห่งนี้ ซึ่งทำให้ภาพหุ่นยนต์ในจินตนาการกลายเป็นจริง และมีชื่อคล้ายกับภาพยนตร์วิทยาศาสตร์เรื่องดังเมื่อปี 2004 ยังสามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ แต่แลกกับการต้องเปลี่ยนสถานะไปเป็นบริษัทลูกของ Picea Robotics บริษัทจีนที่รับจ้างผลิตให้มานาน โดย Picea Robotics เข้ามาซื้อกิจการผ่านดีลมูลค่า 1,400 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 44,100 ล้านบาท)

แกรี่ โคเฮน ซีอีโอของ iRobot กล่าวว่า ข้อตกลงนี้จะช่วยเสริมฐานะการเงินของบริษัทให้มั่นคงขึ้น และคาดหวังว่าการรวมนวัตกรรมด้านการออกแบบและงานวิจัยของ iRobot เข้ากับความเชี่ยวชาญด้านการผลิตและเทคนิคของ Picea Robotics จะทำให้ iRobot สามารถกำหนดอนาคตของตลาดหุ่นยนต์อัจฉริยะสำหรับบ้านได้

สำหรับ iRobot ก่อตั้งเมื่อปี 1990 โดยนักวิทยาศาสตร์ด้านหุ่นยนต์ 3 คนที่เคยทำงานในศูนย์ AI ของ MIT มหาวิทยาลัยชั้นนำด้านนวัตกรรมในสหรัฐฯ โดยธุรกิจหุ่นยนต์ดูดฝุ่นเป็นเทคโนโลยีที่ต่อยอดมาจากหุ่นยนต์กู้ภัยในช่วงเหตุวินาศกรรม 9/11
หลังจากนั้นในปี 2004 ยอดขายหุ่นยนต์ดูดฝุ่นรุ่น Roomba ของ iRobot ก็ทะลุ 1 ล้านเครื่อง นำมาสู่การทำ IPO ในตลาดหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี Nasdaq ในปีต่อมา และในปี 2012 ยังได้ขยายกิจการด้วยการซื้อ Evolution Robotics ซึ่งเป็นบริษัทคู่แข่งสำคัญ

จุดสูงสุดของ iRobot มาถึงในปี 2021 ด้วยมูลค่าบริษัทที่เพิ่มขึ้นถึง 3,560 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 112,000 ล้านบาท) เนื่องจากเป็นช่วงล็อกดาวน์ที่คนทั่วโลกต้องอยู่บ้านและทำความสะอาดด้วยตัวเอง ทำให้ยอดขายพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก
ทว่า ยอดขายที่พุ่งสูงนั้นก็ยังไม่มากพอที่จะต้านทานกระแสการแข่งขันได้ เนื่องจากลูกค้าจำนวนไม่น้อยหันไปซื้อสินค้าจากจีนซึ่งมีราคาถูกกว่า จนกระทั่ง Amazon เห็นสัญญาณวิกฤตทางการเงินนี้ จึงได้ยื่นขอซื้อกิจการในปีถัดมา Amazon มองว่า การได้ iRobot จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจหุ่นยนต์ของตนเอง
มีการวิเคราะห์ว่า Amazon ยังหวังผลจากข้อมูลผู้บริโภค ซึ่งจะเอื้อต่อการซื้อสินค้าในแพลตฟอร์ม Amazon ด้วย แต่ในปี 2024 ดีลนี้ก็ล่มไปเนื่องจากสหภาพยุโรปเห็นว่าเป็นการผูกขาดทางการค้า
เมื่อเข้าสู่ปี 2025 iRobot ก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาสะสมที่ค้างคาได้ จนที่สุดต้องเข้าสู่กระบวนการล้มละลาย และกลายไปเป็นบริษัทลูกของ Picea Robotics ตามที่กล่าวไปแล้ว

สำหรับ Picea Robotics ถือเป็นผู้เล่นแถวหน้าอีกรายในตลาดหุ่นยนต์ดูดฝุ่น ด้วยการเป็นเจ้าของโรงงานทั้งในจีนและเวียดนาม มีพนักงานรวมกันประมาณ 7,000 คน และสามารถทำยอดขายหุ่นยนต์ดูดฝุ่นทั่วโลกไปแล้วกว่า 20 ล้านเครื่อง / theguardian
