ถึงเวลา DKSH ปรับเกมสินค้า Luxury ให้ Mass ขึ้น !!!
กลายเป็นเทรนด์มาแรงในช่วง 3-4 ปีของกลุ่มสินค้า Luxury และสินค้า Premium ที่ปรับตัวกันครั้งใหญ่ด้วยกลยุทธ์ผลิตสินค้าไลน์อัพใหม่ๆ ที่มาพร้อมราคาขายถูกลงกว่าเดิม
ไม่ว่าจะเป็นค่ายรถ Mercedes Benz ที่มีรถไลน์อัพใหม่ๆ ดีไซน์โฉบเฉี่ยวมาพร้อมราคาที่ถูกลง และอีกหลายกลุ่มสินค้า โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าแฟชั่นที่เห็นได้อย่างชัดเจน
เป้าหมายของทุกแบรนด์คือการจับกลุ่มลูกค้า “มิลเลนเนียล” อายุ 18-39 ปี ซึ่งเริ่มเข้ามาเป็นกลุ่มที่มีอิทธิพลต่อการซื้อสินค้า Luxury Brand โดยกลุ่มนี้ชื่นชอบดีไซน์แปลกใหม่ ในราคาที่ตัวเองสามารถเอื้อมถึง
และถ้าสินค้าถูกใจตอบโจทย์ก็พร้อมที่จะควักเงินจ่ายหนัก เพื่อให้ได้ครอบครองสินค้าชิ้นนั้นมาช่วยสะท้อนรสนิยมหรูหราและตัวตนที่แตกต่างจากคนอื่น
ทำให้ DKSHยักษ์ใหญ่ระดับโลกจากแดนสวิตเซอร์แลนด์ที่อยู่ในไทยมานานกว่า 130 ปี เริ่มมีนโยบายเชิงรุกต้องการทำให้สินค้า Luxury และ Lifestyle ที่ตัวเองเป็นตัวแทนจำหน่ายเติบโตกว่าเดิม พร้อมกับเสริมแบรนด์ใหม่เข้ามาในมือตัวเอง
จากเดิมที่ DKSH มี 3 แบรนด์ในมือ วันนี้ DKSHเพิ่มอีก 3 แบรนด์เป็น 6 แบรนด์
แถมใน 6 แบรนด์นี้ยังเป็นแบรนด์ที่มาจากสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งก็คือประเทศเดียวกับDKSH โดย วรรณชื่น ทองเย็น ผู้จัดการอาวุโส แผนกลักชัวรีและไลฟ์สไตล์ บริษัท DKSH(ประเทศไทย) จำกัด เล่าให้ฟังว่า กลุ่มแบรนด์ Luxury ทั้งในประเทศแม่อย่างสวิตเซอร์แลนด์และประเทศอื่นๆต่างมองว่า DKSHเป็นสะพานอันแข็งแรงในการพาแบรนด์เข้ามาทำตลาดในแถบเอเชียเพราะมีสำนักงานและลงทุนทำธุรกิจมากกว่า 22 ประเทศในเอเชีย
และผลงานในประเทศไทยเอง DKSHก็พิสูจน์ให้เห็นมาแล้วในการช่วยแบรนด์สินค้าของ 550 บริษัทในการกระจายสินค้าตามช่องทางขายได้ครอบคลุมทั้ง Modern trade และ Traditional trade
จึงเป็นเหตุผลให้กลุ่มแบรนด์ Luxury และ Lifestyle ระดับโลกอยากทำธุรกิจกับDKSH ในประเทศไทย เพราะเชื่อว่าสินค้าตัวเองจะเข้าถึงลูกค้าได้มากกว่าดีลกับบริษัทอื่นๆ อีกทั้ง DKSHเองก็มีการทำตลาดให้แก่แบรนด์ที่ตัวเองเป็นตัวแทนจำหน่ายในเชิงรุก
เพราะนี่คือบริษัทที่อยู่ในไทยมานานกว่า 130 ปี และมีสายสัมพันธ์อันดีกับช่องทาง Modern trade ที่เป็นช่องทางหลักของสินค้าทั้ง 6 แบรนด์ในมือ DKSH(กำลังเจรจาใกล้จบดีลอีก 1 แบรนด์)
กลยุทธ์กระจายสินค้าทั้ง 6 แบรนด์ Luxury และ Lifestyle ก็คือสูตร Omni channel ทั้งการสร้าง Shop ของแบรนด์เองตามศูนย์การค้า, Counter Brands, ลูกค้าองค์กร, ช่องทางสินค้าปลอดภาษี, Outlet, และช่องทาง Online
“ไม่ใช่แค่ช่องทางขายที่ครอบคลุม แต่ DKSHยังเปิดเผยข้อมูลให้แก่เจ้าของแบรนด์ทั้งระบบสต๊อกสินค้า, และยอดขายตลาดในไทย อีกทั้งเรายังมีบริการหลังการขายให้ทั้ง 6 แบรนด์ เป้าหมายในอนาคตคือเราต้องการเป็นเบอร์ 1 ในกลุ่มสินค้า Luxury”
สรุปแล้วก็คือวิธีการของ DKSHกับสินค้า 6 แบรนด์ในกลุ่ม Luxury และ Lifestyle คือกระจายสินค้าให้ครอบคลุม มีบริการหลังการขาย และการทำราคาขายของทั้ง 6 แบรนด์ให้เข้าถึงง่ายกว่าในอดีต
แต่ก็มีจุดให้ระวังโดยเฉพาะสินค้าในกลุ่ม Luxury อย่าง Maurice lacroix หรือ Montblanc เพราะช่องทางขายที่มากขึ้นมาพร้อมสินค้าที่ราคาถูกลง อาจทำให้ภาพลักษณ์หรูหราไฮไซ กลายเป็นแบรนด์ Premium ธรรมดาทั่วไป
เพราะอย่าลืมว่าสินค้า Luxury คือสินค้าที่มีประวัติศาสตร์และสะท้อนภาพลักษณ์ผู้ที่ครอบครองให้ดูมีสไตล์แตกต่างจากคนอื่น
เพราะฉะนั้นเมื่อทำสินค้า Luxury ให้มีราคาเข้าถึงง่ายกว่าในอดีต
จำเป็นต้องบาลานซ์รักษา Image ให้ดูแข็งแกร่งเหมือนเดิม
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่
Website : Marketeeronline.co / Facebook : www.facebook.com/marketeeronline
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ Website: Marketeeronline.co
Facebook: www.facebook.com/marketeeronline



