ด้วยขนาดองค์กรที่ใหญ่เหล่าแบรนด์ดังจึงต้องใช้เวลาสักระยะเพื่อปรับตัวให้สอดรับกับความเปลี่ยนแปลง โดยท่ามกลางช่วงเวลาดังกล่าวนี้เองที่มีข่าวร้ายปรากฏออกมา เหมือนที่ Ikea เผยว่าไตรมาส 3 ปีนี้ตัวเลขกำไรก่อนหักภาษีอยู่ที่ 2,100 ยูโร (ราว 77,700 ล้านบาท) ลดลงจากช่วงนี้ของปีก่อน 36% ซึ่งเป็นผลกระทบสืบเนื่องจากผู้บริโภคหันไปซื้อสินค้าผ่าน E-commerce กันมากขึ้น

ข่าวร้ายของแบรนด์เฟอร์นิเจอร์ค้าปลีกชื่อดังยังไม่หมดแค่นั้น โดยมีการเผยว่าในช่วงเปลี่ยนผ่านนอกจากการทุ่มพัฒนาช่องทาง Online Shopping และเปิดสาขาขนาดเล็กแล้ว จะมีการปลดพนักงานทั่วโลกหลายพันคนด้วยเพื่อชดเชยงบประมาณที่เสียไป ซึ่งหนึ่งในผู้บริหารยอมรับว่าเป็นการตัดสินใจที่ยากลำบาก
ถูก E-commerce รุกหนักและความท้าทายที่รายรอบ
ราว 5 ปีมานี้ไม่มีค่ายค้าปลีกใดที่รอดพ้นการรุกหนักของ E-commerce ซึ่งถ้าชะล่าใจผลเสียที่ตามมาคือวิกฤตครั้งใหญ่ เหมือนที่ Toy “R” Us และ Sears กำลังเผชิญอยู่ สำหรับ Ikea ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น โดยมีคู่แข่งมากมายในตลาด Online Shopping ที่กำลังขับเคี่ยวกันอยู่มีทั้งระดับโลก อย่าง Amazon กับ Alibaba
และบรรดาเจ้าถิ่นในประเทศต่างๆ เช่น Home24 ของเยอรมนี Wayfair ในสหรัฐฯ

Ingvar Kampard
ขณะเดียวกันยังต้องเจอปัญหาต้นทุนการผลิต หลังราคาไม้และเหล็ก องค์ประกอบสำคัญสินค้าแทบทุกชิ้นเพิ่มขึ้น และเรื่องการตั้งกำแพงภาษีของรัฐบาลสหรัฐฯ ต่อสินค้าที่ผลิตในจีนอีกด้วย
สถานการณ์ดังกล่าว ส่งผลให้ไตรมาส 3 ปีนี้ แบรนด์ที่ Ingvar Kampard ก่อตั้งขึ้นเมื่อ 35 ปีก่อน ทำกำไรลดลงเกิน 1 ใน 3 และยอดขายเพิ่มขึ้นเพียง 2% เท่านั้น ต่ำกว่า 7% ซึ่งเป็นอัตราเฉลี่ยตลอด 5 ปี
ช่วงเปลี่ยนผ่าน 2 ปีเพื่อให้ Ikea ก้าวต่อได้อีกหลายสิบปี

เพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจได้ต่อไปท่ามกลางความท้าทาย โดยเฉพาะการถูกรุกหนักจากกลุ่ม E-commerce ตลอด 1 ปีที่ผ่านมา Ikea จึงได้ทุ่มเงินถึง 2,800 ล้านยูโร (ราว 103,600 ล้านบาท) สร้างศูนย์กระจายสินค้า 14 แห่ง และเปิดสาขาในรูปแบบ Showroom บนพื้นที่เพียง 400 ตารางเมตรในเมืองใหญ่
โดยหลังสาขาแบบ Showroom แห่งล่าสุดในเขต Tottenham Court Road (TCR) ตอนกลางของกรุง London กระแสตอบรับดี ฤดูร้อนปีหน้าจึงมีแผนจะเปิดสาขาลักษณะเดียวกันอีกที่ฝรั่งเศส

สำหรับสาขาขนาดใหญ่ตั้งอยู่แถบชานเมืองซึ่งคนรักบ้านทั่วโลกรู้จักดี จะเปิดต่อไปในอินเดีย จีน โรมาเนีย และสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม อีก 2–3 ปีต่อจากนี้ต้องทยอยปลดพนักงานราว 7,500 คนทั่วโลก โดยส่วนใหญ่เป็นพนักงานส่วนกลาง ตามสาขาต่างๆ ในกว่า 30 ประเทศ แต่ขณะเดียวกัน มีแผนจ้างพนักงาน 11,500 คน ในส่วนของ Online และร้านแบบ Showroom
Juvencio Maeztu รองประธานบริหารและประธานฝ่ายการเงินของ Ingka บริษัทผู้ถือหุ้นใหญ่ของ Ikea กล่าวว่า เป็นการลงทุนในช่วงเปลี่ยนผ่านที่กินเวลา 3 ปีเพื่อให้เดินหน้าต่อไปได้ดีกว่าเดิมในอีก 75 ปีข้างหน้า
ด้าน Jesper Brodin ประธานบริหาร (CEO) ของ Ikea มั่นใจว่าเป็นการปรับเปลี่ยนสู่ทิศทางใหม่เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว

Jesper Brodin
ขณะที่ Javier Quinones ผู้จัดการฝ่ายค้าปลีกของ Ikea ในสหราชอาณาจักรและไอร์แลนด์ ซึ่งจะต้องสั่งปลดพนักงานในความดูแลด้วยราว 350 คน ทิ้งท้ายว่า “เพื่อให้ธุรกิจยังสามารถเติบโตได้ต่อไปในวงการค้าปลีกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ต้องตามความต้องการของผู้บริโภคให้ทัน และลำบากใจมากที่ต้องปลดพนักงาน”/theguardian, cnbc, fashionnetwork, wikepedia
–
