“สวรรค์ของคอกาแฟ” ยังคงเป็นจุดขายที่ Starbucks ใช้อย่างได้ผลในการสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง โดย 15 พฤศจิกายนนี้ Chicago Reserve and Roastery สาขาที่มีเครื่องคั่วกาแฟขนาดใหญ่ ของ Starbucks จะเปิดบริการวันแรก ซึ่งจากขนาดพื้นที่ราว 43,000 ตารางฟุตและตัวอาคาร 4 ชั้น จะทำให้สาขาที่ย่านเศรษฐกิจของนคร Chicago เป็นสาขาใหญ่สุดของแบรนด์ แทนสาขาที่กรุงโตเกียวในญี่ปุ่นในทันที
ความพิเศษของสาขานี้ซึ่ง Starbucks ทุ่มถึง 10 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 310 ล้านบาท) ในการปรับปรุงอาคารมาตั้งแต่ปี 2017 ยังอยู่ที่เครื่องดื่มหลากหลายที่ทำจากกาแฟ การตั้งเป้าให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวของคนต่างถิ่นและจุดพบปะสังสรรค์หลักแห่งที่ 3 ในแต่ละวันของคนในพื้นที่
Starbucks Roastery ที่โตเกียว
ถัดจากบ้านและที่ทำงาน หลังคอนเซ็ปต์นี้ประสบความสำเร็จในการดึงลูกค้าเข้าร้านได้มากขึ้น ตั้งแต่เปิดสาขาแรกที่ซีแอตเทิลเมืองที่ตั้งสำนักงานใหญ่เมื่อปี 2014 และเปิดมาแล้ว 5 สาขาทั่วโลก เช่นที่ เซี่ยงไฮ้ และมิลาน
ด้าน Howard Schultz อดีต CEO คนสำคัญของ Starbucks ที่ปัจจุบันขยับขึ้นไปเป็นประธานกรรมการบริษัท ให้เหตุผลว่าที่เลือกชิคาโกเพราะเป็นเมืองแรกนอกซีแอตเทิลที่ Starbucks มาเปิดสาขาและกระแสตอบรับดี
Howard Schultz
คาดกันว่าสาขาแบบ Reserve and Roastery จะกลายเป็นจุดแข็งของ Starbucks ในยุคที่คอกาแฟต้องการประสบการณ์ในการดื่มกาแฟที่แปลกใหม่ หลังไตรมาสล่าสุดทำยอดขายทั่วโลกได้สูงถึง 6,800 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 210,000 ล้านบาท) /cnn, chicagosuntimes
–
