ในวันที่เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI พัฒนาไปรวดเร็วและได้เข้ามาปรับเปลี่ยนชีวิตประจำวันของผู้คนเพื่อส่งเสริมให้สะดวกสบายยิ่งขึ้น พัฒนาการแบบก้าวกระโดดนี้ทำให้มนุษย์ไม่สามารถเรียนรู้และทำความเข้าใจได้ทัน โลกวันนี้จึงตั้งคำถามมากมายเกี่ยวกับอุบัติกาลของเทคโนโลยี AI ว่านี่เป็นสิ่งที่เราต้องอ้าแขนรับหรือหวาดกลัว ภาคธุรกิจและสังคมต้องรับมือกับเทคโนโลยีไปในทิศทางใดต่อไปในอนาคต
ดร.สุทธาภา อมรวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอสซีบี อบาคัสผู้นำด้านการพัฒนาเทคโนโลยี AI เพื่อตอบโจทย์ธุรกิจทางการเงิน ได้ร่วมแสดงวิสัยทัศน์ด้านเทคโนโลยี AI ในฐานะผู้บริหารหนึ่งเดียวของไทยอีกครั้งบนเวทีเสวนาระดับนานาชาติ “Sooner Than You Think Tech Summit” ซึ่งจัดโดยสำนักข่าวระดับโลกอย่าง Bloomberg ที่ประเทศสิงคโปร์ โดยได้ร่วมสนทนากับนักธุรกิจและนักเทคโนโลยีชั้นนำของเอเชีย อย่าง Soo Boon Koh ผู้ก่อตั้ง iGlobe Partners บริษัท Venture Capital ชั้นนำของสิงคโปร์ และ Steve Leonard ซีอีโอของ SGInnovate องค์กรส่งเสริมนักวิทยาศาสตร์เพื่อธุรกิจด้าน Deep Tech ของรัฐบาลสิงคโปร์ในประเด็นของเทคโนโลยี AI กับหัวข้อ “Great Leap Forward or Existential Threat”
ดร.สุทธาภาเปิดบทสนทนาสำหรับประเด็นความกังวลว่าเมื่อเทคโนโลยี AI พัฒนาอย่างเต็มที่จะเข้ามาแทนที่มนุษย์ในทุกด้าน ว่า “AI นั้นยังห่างไกลจากการทำงานได้เปรียบเสมือนสมองมนุษย์มาก แต่เราสามารถเขียนโปรแกรมให้ AI สื่อสารกับมนุษย์ได้เข้าใจง่าย และที่ผ่านมาเทคโนโลยี AI ก็ได้เข้ามาสร้างประโยชน์ให้กับมนุษย์ในการเสริมขีดความสามารถของมนุษย์ และจะมากยิ่งขึ้นอีกในอนาคต แต่สิ่งที่ต้องระวังมากกว่าคือเทคโนโลยีที่ทำให้ความสามารถของมนุษย์ด้อยลง เช่น ส่งผลให้ผู้คนทำงานสอดประสานกันน้อยลง ทำให้ผู้คนเชื่อมโยงเข้าหากันในระดับอารมณ์ความรู้สึกน้อยลง หรือแม้แต่ทักษะง่ายๆ อย่างความสามารถในการจดจำทิศทาง แต่เทคโนโลยี AI ช่วยเสริมสร้างประสิทธิภาพในการทำงาน ส่งผลให้เกิดการสร้างงานใหม่ๆ ตลอดจนการจัดสรรทรัพยากรสู่งานต่างๆ ได้ง่าย และรวดเร็วขึ้น”
และท้ายที่สุด แม้ถึงวันที่พัฒนาการของ AI ไปได้ไกลถึงขีดสุดแล้ว จะมีสิ่งใดอีกที่ AI ยังไม่สามารถเข้ามาทำแทนมนุษย์ได้ “แน่นอนว่า AI ไม่มีทางมีความสามารถในการคิดเชิงนามธรรม อันนี้ถือเป็นความสามารถที่โดดเด่นของมนุษย์ ซึ่งหุ่นยนต์หรือเครื่องจักรไม่สามารถเทียบเท่าได้” ดร.สุทธาภากล่าวทิ้งท้าย