ตลาดอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ อัพสปีดอย่างเดียวไม่พอ แพ็กเกจต้องคุ้มค่าด้วย (วิเคราะห์)
การแข่งขันในตลาดอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ยังคงร้อนระอุอย่างต่อเนื่อง จากอัตราการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ของประเทศไทยในปีที่ผ่านมายังมีสัดส่วนประมาณ 47% เมื่อเทียบกับครัวเรือนทั้งประเทศที่มีอยู่ทั้งสิ้น 21.58 ล้านครัวเรือน อ้างอิงข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ จากปีที่ผ่านมาตลาดบรอดแบนด์เข้าถึงครัวเรือนเพียง 43% เท่านั้น

ปีที่ผ่านมา ตลาดอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ เติบโต มาจากความต้องการในการใช้งานอินเทอร์เน็ตของผู้บริโภคสูงขึ้น ซึ่งความต้องการนี้มาจาก
1. ครัวเรือนมีสมาร์ทดีไวซ์และสมาร์ทโฟนเพิ่มขึ้น
ช่วงหลายปีที่ผ่านมาสมาร์ทโฟนและสมาร์ทดีไวซ์เติบโตจากแบรนด์จีนเข้ามาตีตลาดไทย ผ่านจุดเด่นด้านราคาที่เข้าถึงได้
และการเติบโตที่กล่าวมาทำให้ครัวเรือนในประเทศไทยมีอัตราการครอบครองสมาร์ทโฟนและสมาร์ทดีไวซ์เพิ่มสูงขึ้น
การที่ครัวเรือนมีสมาร์ทดีไวซ์จำนวนมากเพื่อตอบโจทย์การใช้งานของสมาชิกในครัวเรือน ทำให้หลายครัวเรือนนิยมติดอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์เพื่อให้สมาชิกทุกคนในบ้านเข้าถึงอินเทอร์เน็ต แทนการใช้อินเทอร์เน็ตผ่านซิมมือถือ เพราะคุ้มค่าและคุ้มค่าใช้จ่ายได้มากกว่า
2. ผู้บริโภคเปลี่ยนพฤติกรรมดูคอนเทนต์ออนไลน์ผ่านจอทีวี
ด้วยข้อจำกัดของจอสมาร์ทดีไวซ์ที่มีขนาดเล็ก ผู้บริโภคจำนวนไม่น้อยที่เปลี่ยนพฤติกรรมดูออนดีมานด์ เช่น เน็ตฟลิกซ์ ไลน์ทีวี และคอนเทนต์ออนไลน์อย่างยูทูบ ผ่านจอทีวีมากขึ้น ผ่านการเชื่อมต่อของสมาร์ททีวี แอนดรอยบ๊อกซ์ และเซตทอปบ็อกซ์อื่นๆ ซึ่งการดูคอนเทนต์ผ่านจอทีวีจำเป็นต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตด้วยบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต
3. การเติบโตของที่อยู่อาศัยใหม่ๆ
ตลาดอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ส่วนหนึ่งขยายตัวจากอัตราการเติบโตของที่อยู่อาศัยใหม่ๆ ที่เพิ่มสูงขึ้น จากคนไทยที่นิยมแยกครอบครัวออกมาจากพ่อแม่เพื่ออยู่คนเดียว หรือออกมาตั้งครอบครัวใหม่หลังแต่งงานมากขึ้น
ส่วนในปีนี้ นอกจากปัจจัยหลัก 3 ประการที่ส่งเสริมให้ตลาดอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์เติบโต มาร์เก็ตเธียร์มองว่าปัจจัยที่สำคัญให้ตลาดนี้เติบโตอีกประการหนึ่ง คือการทำงานจากบ้าน: Work from Home และเรียนจากหน้า Learn from Home จากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทย
เนื่องจากการทำงานจากบ้านและเรียนจากบ้านมีความจำเป็นที่ต้องใช้อินเทอร์เน็ต ซึ่งการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านมือถืออาจจะไม่เพียงพอในกรณีที่มีการใช้งานดาต้าที่ค่อนข้างสูง
ซึ่งถ้าสถานการณ์โควิด-19 มีความยืดเยื้อออกไปนาน หลายครอบครัวที่ทำ Work from Home และ Learn from Home อาจจะตัดสินใจติดตั้งอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์เพื่อให้การทำงานและการเรียนไม่ติดขัด
สำหรับการแข่งขันในธุรกิจบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต ในช่วงหลายปีที่ผ่านมามีการแข่งขันผ่านผู้ให้บริการหลัก 4 ราย ได้แก่ ทรูออนไลน์ ทรีบรอดแบนด์ เอไอเอสไฟเบอร์ และทีโอที
และการแข่งขันนี้มีการแข่งขันกัน 3 ด้านหลัก ได้แก่
1. แข่งขันเรื่องราคา
2. แข่งขันเรื่องแพ็กเกจความเร็วของอินเทอร์เน็ต
3. แข่งขันขยายพื้นที่ในการให้บริการ
4. บริการหลังการขาย
ซึ่งการแข่งขันทั้ง 4 ด้านเป็นการแข่งขันขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ และรักษาฐานลูกค้าเก่าไม่ให้หนีหายไปอยู่กับคู่แข่ง
แต่อย่างไรก็ดี การแข่งขันที่กล่าวมา ที่มีการแข่งขันรุนแรงมากที่สุดคือการแข่งขันด้านราคาและแพ็กเกจอินเทอร์เน็ต
หลายปีที่ผ่านมาผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต หรือ Internet Service Provider มีการแข่งขันด้านราคาและความเร็วของอินเทอร์เน็ตที่รุนแรงอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นที่แคมเปญส่วนลดสำหรับดึงลูกค้าใหม่ และการให้ส่วนลดหลังบ้าน เช่น ส่วนลด 50% สำหรับลูกค้าเก่าที่มีความประสงค์จะย้ายออกไปใช้บริการคู่แข่งเพื่อป้องกันการไหลออกของลูกค้า
รวมถึงการปรับความเร็วอินเทอร์เน็ตให้เพิ่มสูงขึ้นในราคาเท่าเดิม และเปิดให้บริการแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตแพ็กเก็จใหม่ๆ ที่ก่อนหน้านั้นไม่มีในท้องตลาด เช่น การเปิดตัวแพ็กเกจที่มีระดับความเร็ว 1 กิกะบิตต่อวินาที
ในราคาแพ็กเกจที่สูงกว่าแพ็กเกจอื่นๆ ที่มีอยู่ เพื่อผลักดันให้เกิดรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากลูกค้ากลุ่มนี้
นอกจากนี้ ค่ายทรูออนไลน์และเอไอเอสยังมีการแข่งขันในเรื่องการนำเสนอแพ็กเกจในรูปแบบ Convergence ทั้งอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ มือถือ และคอนเทนต์เพื่อดึงดูดลูกค้าให้เป็นลูกค้าระยะยาว
ทั้งนี้ จากการแข่งขันที่เกิดขึ้นแม้จำนวนลูกค้าจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่มูลค่ารายได้อินเทอร์เน็ตในปีที่ผ่านมากลับเติบโตเพียง 2% เท่านั้น หรือคิดเป็นมูลค่า 58,000 ล้านบาท
Website : Marketeeronline.co /
