1. นักเต้นใน TikTok
2. คนขับรถส่งอาหาร Delivery
และ 3. เชฟ
โดยหากนำอาชีพข้อที่ 3 มาประกอบกับข้อมูลของ LINE MAN ที่บอกไว้ว่า
“ในช่วง Covid-19 ระบาด มีร้านอาหารเข้ามาเปิดร้านใหม่ใน LINE MAN มากกว่า 10,000 ร้าน”
ก็ยิ่งตอกย้ำให้เห็นว่า คนไทยลุกขึ้นมาทำอาหารในช่วงนี้มากขึ้นจริงๆ
ซึ่งก็ปฏิเสธไม่ได้ ว่านอกจากความอร่อย อีกสิ่งที่จะทำให้ผู้คนเลือกซื้อ หรือไม่ซื้อ อาหารจากร้านเกิดใหม่ในออนไลน์ก็คือ ‘หน้าตาของอาหาร’
และในเมื่อมีมือใหม่ หันมาเปิดร้านในออนไลน์มากขึ้นขนาดนี้
Marketeer จึงได้ต่อสายตรงไปคุยกับ เชฟเป่า-สุธากร สุวัณณะโชติ เชฟผู้เป็น Food Stylist มานานกว่า 6 ปี ที่ออกแบบมื้ออาหารสำคัญทั้งในและนอกประเทศมาแล้วมากมาย
และสำหรับใครที่คุ้นชื่อ, ใช่แล้วเขาคือหนึ่งในผู้เข้าแข่งขันรายการ Top Chef Thailand
โดยเชฟเป่าได้สอนหลักสูตรการตกแต่งอาหารให้น่ากินแบบรวบรัด
เพื่อให้คนที่อยากจะขายอาหาร นำไปใช้ได้อย่างรวดเร็วเอาไว้ดังนี้

เทคนิคถ่ายรูปอาหาร
1
เริ่มต้นด้วยการตั้งคำถาม ว่าเราจะสื่ออะไรกับคนกิน
หลายคนคิดว่าทำอาหารเสร็จ วางในจานสวยๆ เอาพร็อพนู่นนิด นั่นหน่อยมาวางประดับ จากนั้นกดถ่ายรูปแล้วก็จบ
เชฟเป่าบอกว่านี่ไม่ใช่วิธีที่ผิด เพียงแต่เขามีวิธีที่ทำให้อาหารดูน่ากินกว่านั้นได้
ซึ่งก่อนจะลงมือจัดจาน จัดพร็อพ แล้วถ่ายรูป เชฟเป่าจะตั้งคำถามกับตัวเองก่อนว่า
“เมนูจานนั้น ต้องการจะสื่ออะไรกับคนกิน
ยกตัวอย่างให้เห็นภาพง่ายๆ หากคุณขายเมนูต้มยำกุ้ง และมีกุ้งแม่น้ำตัวใหญ่เป็นตัวชูโรง
แน่นอนว่าคุณต้องจัดวางกุ้งให้มีความโดดเด่นมากที่สุด อย่าให้ส่วนผสมอื่นๆ อย่าง ตะไคร้ หรือใบมะกรูด มาแย่งสายตาของคนกินออกไปจากกุ้ง
หรือไม่จำเป็นต้องชูวัตถุดิบที่เป็นเนื้อสัตว์เป็นหลักก็ได้ เช่น หากคุณทำร้านขายราเมนที่มีจุดเด่นของการทำเส้นสด ตัวเส้นก็อาจจะเด่นกว่าหมูได้เช่นกัน
สรุปแล้วใจความสำคัญอยู่ที่ว่า
‘หาให้เจอว่าเมนูที่จะเสิร์ฟนั้นมีจุดเด่นอะไร แล้วอย่าให้องค์ประกอบอื่นๆ ในจานมาแย่งสายตาของคนกินไปจากจุดเด่นนั้น’

2
ใช้วัตถุดิบหรือภาชนะช่วยเล่าเรื่องอาหาร
เพราะภาชนะไม่ได้มีหน้าที่แค่เอาไว้ใส่อาหารเท่านั้น แต่มันยังเป็นเครื่องมือในการสื่อสารที่สำคัญ
“ผมมองว่าการตกแต่งอาหารก็เหมือนการแต่งตัว ถ้าเราเอานางแบบมายืนเฉยๆ โดยไม่ตกแต่งอะไร ก็คงจะเป็นแบบที่ดูแข็งทื่อ
เช่นเดียวกันกับอาหาร เพราะการทำให้อาหารดูน่ากิน ไม่ใช่แค่ว่าพอทำเสร็จแล้วก็เอามาใส่จาน ถ่ายรูป แล้วจบ
ถ้าอยากทำให้ดูน่ากิน เราต้องแต่งตัวให้มันด้วยการเอาภาชนะ เอาองค์ประกอบต่างๆ มาเล่าเรื่อง ดูว่าอาหารเราคืออะไร แล้วมีอะไรที่จะเอามาเล่าเรื่องได้บ้าง
ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเป็นสเต๊ก ก็เอามีดมาวางข้างๆ เป็นพร็อพก็ได้ เพราะคนใช้มีดกินสเต๊ก
หรืออาจเอาวัตถุดิบต่างๆ ในจาน มาวางประดับถ่ายรูปข้างๆ เพื่อให้วัตถุดิบนั้นช่วยเล่าเรื่องให้กับอาหารในจานอีกทีหนึ่ง ว่ามันคือเมนูอะไร ทำมาจากอะไร
แต่ก็อย่าลืมหลักการในข้อแรก คืออย่าให้องค์ประกอบเหล่านี้โดดเด่นไปกว่าจุดเด่นในจาน”


3
ทฤษฎีสีถือเป็นเรื่องสำคัญ
พอพูดคำว่าทฤษฎีแล้วฟังดูเป็นเรื่องยาก แต่จริงๆ แล้วมันไม่ยากอย่างที่คิด
ความรู้เรื่องทฤษฎีสีมีให้อ่านมากมายในอินเทอร์เน็ต
เช่น สีที่ทำให้อาหารดูน่ากินคือสีโทนร้อนอย่างส้ม แดง เหลือง
และเราอาจใช้ Background ในการถ่ายภาพที่เป็นสีคู่ตรงข้ามอย่างสีโทนเย็น เพื่อทำให้อาหารดูโดดเด่นขึ้นมาได้
สำหรับเชฟเป่าเอง เขามักจะใช้สีเขียวมาใส่ลงไปในอาหาร เพราะอาหารส่วนใหญ่มีสีโทนร้อน และสีเขียวทำให้อาหารดูมีมิติมากขึ้น ดูสบายตา อย่างเช่นการโรยผักชีลงไปบนแกงหรือต้มยำ


4
มือใหม่หัดถ่ายรูปอาหาร แนะนำให้ถ่ายแบบ 45 องศา
การถ่ายรูปอาหารดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องยาก เพราะหลายคนก็ทำกันเวลาไปร้านอาหารสวยๆ
แต่เชฟเป่าก็ได้แนะนำทริคการถ่ายภาพอาหารให้ดูน่ากินขึ้นไปอีก
นั่นคือการถ่ายแบบมุม 45 องศา ซึ่งเป็นมุมที่จะทำให้เห็นองค์ประกอบของอาหารได้อย่างครบถ้วน และทำให้ภาพดูมีมิติมากขึ้น


ส่วนมุมยอดนิยมอย่างมุม Top หรือการถ่ายแบบ Flat Lay นั้นก็ทำได้ แต่ควรจะถ่ายกับอาหารที่มีองค์ประกอบในจานเยอะๆ
เพราะหากทำกับอาหารเห็นวัตถุดิบน้อย ก็จะทำให้ภาพดูไม่มีมิติ ดูแบน
โดยแสงที่ใช้ถ่ายภาพอาหารได้ดีที่สุด ก็คือแสงจากธรรมชาตินั่นเอง


ทั้งหมดนี้ก็คือเทคนิคดีๆ จากเชฟเป่า ที่ Marketeer หวังว่าจะเป็นประโยชน์ให้กับเหล่าเชฟมือใหม่ได้เอาไปทำมาค้าขาย ทำให้อาหารดูน่ากินขึ้น
หวังว่าทุกคนจะขายดิบขายดี แล้วเราจะผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกัน : )
ขอบคุณภาพ: @SutakonStylist/dontworrybehappies
I
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้
Website : Marketeeronline.co /
