โรงเรียนสารสาสน์ ราชพฤกษ์ วิกฤตศรัทธาที่กำลังรอการแก้ไข (วิเคราะห์)
กำลังเป็นประเด็นร้อนสำหรับโรงเรียนสารสาสน์ ราชพฤกษ์ ที่ทำให้สังคมตั้งข้อสงสัยว่าความปลอดภัยของเด็กในสถานศึกษาอยู่ที่ไหน และทำไมคุณภาพกับราคาไม่ไปในทิศทางเดียวกัน
ก่อนพูดถึงเรื่องนั้นมาดูประวัติโรงเรียนเอกชนที่ได้ชื่อว่า “สารสาสน์” ที่เป็นหนึ่งในธุรกิจเครือข่ายโรงเรียนสองภาษาที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยกันดีกว่า
โรงเรียนในเครือของสารสาสน์ก่อตั้งโดย พิบูลย์ ยงค์กมล โดยสารสาสน์พิทยา สาธุประดิษฐ์ คือโรงเรียนแรกที่เขาเปิดสอน กับค่าเล่าเรียนเพียงเทอมละ 450 บาท
ด้วยวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล พิบูลย์เล็งเห็นว่าการพัฒนาด้านภาษาเป็นเรื่องจำเป็น จึงได้ส่งลูกชาย 2 คนไปเรียนที่ประเทศออสเตรเลีย และเป็นจุดเริ่มต้นของหลักสูตรสองภาษา และแผนการเรียนการสอนนานาชาติ ที่แข็งแกร่งอย่างทุกวันนี้
ปัจจุบันโรงเรียนในเครือสารสาสน์มีทั้งหมด 42 สาขา เปิดสอนระดับชั้นปฐมวัยถึงอุดมศึกษา ในปี พ.ศ. 2562 มีนักเรียนในเครือสารสาสน์ทั้งหมด 91,500 คน
มีหลักสูตรตั้งแต่หลักสูตรสามัญ (Regular Programme) หลักสูตรสองภาษา (Bilingual Programme) และแผนการเรียนการสอนนานาชาติ (International Education Programme-IEP) ทั้งยังมีการเปิดห้องเรียนที่เน้นการสอนเป็นภาษาอังกฤษมากกว่าร้อยละ 90 เรียกว่าห้องเรียน Extra Curriculum ซึ่งเป็นการจัดหลักสูตรการเรียนการสอนเทียบเคียงกับความเป็นสากล
โดยมีค่าธรรมเนียมการศึกษา ประกอบด้วย ค่าธรรมเนียมการศึกษา ค่าธรรมเนียมอื่น ๆ เพื่อพัฒนาคุณภาพ ทางการศึกษาและค่าอาหาร การชำระค่าธรรมเนียมการศึกษา ซึ่งระดับอนุบาล (หลักสูตรสามัญ) ภาคเรียนแรก 22,500 บาท ภาคเรียนที่สอง 18,500 บาท โปรแกรม IEP ซึ่งมีตั้งแต่อนุบาล 2 นั้น ภาคเรียนแรก 61,000 บาท ภาคเรียนที่สอง 53,000 บาท
ขณะที่เพจ SME From Zero to Hero ระบุรายได้ของโรงเรียนในเครือสารสาสน์ทั้งหมดไว้ว่า
ปี 2556 มีรายได้ = 1,088,199,050.72 / กำไรสุทธิ = 202,483,768.66
ปี 2557 มีรายได้ = 1,150,882,980.05 / กำไรสุทธิ = 243,243,096.50
ส่วนปี 2558 มีรายได้ = 1,147,915,883.68 / กำไรสุทธิ = 425,751,533.69
และปี 2559 มีรายได้ = 1,152,478,271.74 / กำไรสุทธิ = 439,428,019.98
ซึ่งถ้าดูจากตัวเลขกำไรสุทธิแล้ว ถือว่าผลประกอบการการบริหารธุรกิจของสารสาสน์อยู่ในระดับดีมาก อย่างไรก็ตามข้อมูลนี้ยังไม่มีที่มาที่ไปที่แน่ชัด
สำหรับเรื่องราวของครู โรงเรียนสารสาสน์ ราชพฤกษ์ ทำร้ายร่างกายเด็กนักเรียนนั้น ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ตามมา นั่นคือ เรื่องคุณภาพการศึกษาที่ไม่ใช่แค่การคัดเลือกครูผู้สอน แต่ลงไปถึงข้อกำหนดการจำกัดจำนวนผู้เรียนต่อคลาส สิ่งอำนวยความสะดวกในโรงเรียน รวมถึงค่าธรรมเนียมที่แพงเกินจริง และที่สำคัญที่สุดคือความปลอดภัยของเด็กในสถานศึกษา
โดยกลุ่มเฟซบุ๊ก “สมาคมผู้ปกครอง Online สารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์” ต่างแสดงความคิดเห็นและแชร์ประสบการณ์อย่างกว้างขวาง ทั้งผู้ปกครองสารสาสน์ ราชพฤกษ์ด้วยกันเอง และมีผู้ปกครองจากสาขาอื่น ๆ ร่วมด้วย
ยกตัวอย่าง “โรงเรียนในเครือฯ สาขาต่างจังหวัด แจ้งเรื่องร้องเรียนอะไรไปก็ไม่ถึงผู้หลักผูใหญ่ มีการจ้างนักท่องเที่ยวมาสอนพอวีซ่าหมดก็ลาออกกะทันหัน ทำให้ขาดครูและปล่อยลอยแพนักเรียนในวิชานั้น ๆ ไป”
ขณะที่ส่วนหนึ่งต่างโพสต์ปรึกษาที่เรียนใหม่ให้ลูก และเรื่องลาออกและขอค่าเทอมคืน บางคนเสนอมาตรการให้กับโรงเรียน เช่น ติดกล้องวงจรปิดในพื้นที่กิจกรรมทั้งหมดของโรงเรียนและพื้นที่อับสายตา, ผู้ปกครองสามารถเช็กหรือตรวจสอบกล้องวงจรปิดจากโทรศัพท์มือถือ, จัดให้มี help call นักเรียนหรือครูประจำชั้นสามารถคุยกับผู้ปกครองโดยตรง, ขอให้ตรวจสอบคุณสมบัติของครูประจำชั้น ตลอดจนให้มีการตรวจสอบระบบการเรียนการสอนโดยเจ้าหน้าที่จากกระทรวงศึกษาธิการ
ถือเป็น crisis ครั้งใหญ่ของเครือสารสาสน์ มีหลายประเด็นที่ต้องชี้แจงและแก้ไขปัญหาให้ชัดเจน ต้องติดตามว่าเรื่องนี้จะจบลงแบบไหน
อ้างอิง: ผู้จัดการ
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้
Website : Marketeeronline.co /
