SCM ทำความรู้จักธุรกิจ Network Marketing แบรนด์แรกของไทยใน SET (สัมภาษณ์พิเศษ)

ช่วงบ่าย ๆ กลางสัปดาห์ที่ผ่านมา Marketeer มีนัดกับ CEO นพกฤษฏิ์ นิธิเลิศวิจิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซัคเซสมอร์ บีอิ้งค์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCM ผู้ประกอบการธุรกิจผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และสินค้าอุปโภคบริโภค แกนหลักในการผลักดัน ธุรกิจเครือข่าย หรือ Network Marketing แบรนด์แรกของไทย เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) พร้อมด้วยคำถามมากมายที่เตรียมมา ซึ่งคาดว่าจะไม่ต่างจากสิ่งที่ผู้อ่านหลายท่านอยากรู้

ธุรกิจเครือข่าย ไม่ใช่ แชร์ลูกโซ่

ประเด็นแรกที่เปิดการสนทนากับผู้บริหาร SCM คือภาพจำที่สังคมไทยยังคงตั้งคำถามกับธุรกิจเครือข่ายหรือ Network Marketing ในมุมที่ไม่สู้ดีนัก

Network Marketing ไม่ใช่ ธุรกิจแชร์ลูกโซ่ อย่างที่ใคร ๆ คิด”

นี่คือ Message แรกที่ผู้บริหาร SCM อยากส่งต่อให้กับทุกคน พร้อมอธิบายต้นสายปลายเหตุของความเข้าใจผิดว่า

ส่วนใหญ่คนไทยจะรับรู้จากธุรกิจเครือข่ายที่เป็นของปลอม ที่สร้างความเสียหายลงทุนแล้วไม่ได้เงินกลับมาจริง ซึ่งแบบนั้นคือธุรกิจแชร์ลูกโซ่ แต่เวลาแอบอ้างจะเรียกตัวเองว่าเป็น Network Marketing ทำให้คนเข้าใจแก่นแท้ของธุรกิจผิดไป”

เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยกระดับแบรนด์อย่างยั่งยืน

หนึ่งในความท้าทายอย่างมาก กับการเป็น ธุรกิจเครือข่ายรายแรกของไทยใน SET ซึ่งต้องผ่านด่านต่าง ๆ มากมาย เพื่ออธิบายถึงแก่นแท้ของการดำเนินธุรกิจ

“ตั้งแต่เริ่มต้นเรากังวลใจว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) จะมีความเข้าใจธุรกิจ Network Marketing มากน้อยแค่ไหน เราเป็นตัวจริงและตัวแทนของอุตสาหกรรมนี้ที่ไปอธิบาย จึงต้องเตรียมข้อมูลต่าง ๆ ให้พร้อมเพื่ออธิบายทุกเรื่องราวของธุรกิจให้คณะกรรมการ ก.ล.ต. ได้เข้าใจ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ดีที่ผู้พิจารณาเข้าใจโมเดลเป็นอย่างดี ไม่มีทัศนคติเป็นลบต่อ Network Marketing และมองถึงแก่นแท้ของธุรกิจเป็นหลัก ต้องขอบคุณผู้ดูแลกฎ ผู้สื่อข่าวที่เกี่ยวกับการวิเคราะห์ทั้งหลาย รวมถึงนักลงทุนที่เข้าใจแก่นแท้ของ Network Marketing ที่แท้จริงของเรา”

ซึ่งปัจจัยหลักของการเข้าสู่ SET นั้น มีอยู่ 3 ข้อ ได้แก่

  1. ยกระดับแบรนด์สู่ระดับเอเชีย
  2. ให้นักธุรกิจของแบรนด์มีโอกาสได้เป็นเจ้าของกิจการร่วมกัน
  3. เพิ่มเงินทุนเพื่อขยายกิจการ

“ปัจจุบัน SCM ดูแลตลาดในสเกลของ AEC ได้แล้ว แต่เรามีฝันจะไปไกลกว่านี้ ซึ่งปัจจัยสำคัญคือแบรนด์ต้องมีความน่าเชื่อถือ ซึ่งการเป็นบริษัทใน SET สร้างความน่าเชื่อถือในมุมมองของนักธุรกิจหรือผู้คนที่อยู่ในเอเชียและอยู่ในทวีปต่าง ๆ ได้ และเรายังต้องการให้นักธุรกิจของเรามีโอกาสได้เป็นเจ้าของกิจการร่วมกัน ช่วยกันสร้างบริษัทให้เติบโตอย่างยั่งยืน และการเข้าสู่ SET ยังเป็นการเพิ่มเงินทุนเพื่อขยายกิจการให้เติบโตยิ่งขึ้น”

CEO นพกฤษฏิ์ ยังได้กล่าวถึงบทบาทหน้าที่สำคัญต่อจากนี้ว่า

“นอกจากสร้างบริษัทให้มีการเติบโต ทั้งในเรื่องของ Top Line และ Bottom Line เพื่อให้มีความสำเร็จที่ยั่งยืนและเติบโต เรายังต้องการสร้าง SCM ให้เป็นสถาบันในการดูแลสุขภาพและพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้คน เพื่อสอดรับกับสินค้าของเราที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพเป็นหลัก อีกทั้งธุรกิจของเรายังมีส่วนทำให้ผู้คนมีรายได้เพิ่ม สามารถรับผิดชอบชีวิตผู้คนในครอบครัวได้ดีขึ้นกว่าเดิม”

เปิดโอกาสให้คนเป็น SMEs ‘ลงทุนน้อย ความเสี่ยงต่ำ’

ภาพรวมของยอดธุรกิจในอุตสาหกรรมนี้มีสเกลที่ค่อนข้างสูง และมีแนวโน้มที่จะสามารถสร้างอัตราเติบโตได้ต่อเนื่อง ซึ่ง CEO นพกฤษฏิ์มองว่า เป็นทิศทางที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการเป็นเจ้าของกิจการในยุค New Normal และผู้ต้องการมีรายได้ทางที่สอง

“แก่นแท้ของธุรกิจนี้ คือการเปิดโอกาสให้คนได้เป็นเจ้าของกิจการ ด้วยเงินลงทุนน้อยและความเสี่ยงต่ำ ลงทุนแค่ซื้อสินค้ากลับมาสร้างมูลค่า เรื่องของกลยุทธ์ การเทรนนิ่งทั้งหลาย เครื่องมือต่าง ๆ ในการขยายตลาด เราได้รับผิดชอบทั้งหมดแล้ว ที่เหลือก็แค่ใช้ความสามารถในเรื่องการขยายเครือข่ายคน มุ่งมั่นพัฒนาเรียนรู้ ใจสู้ ลงมือทำ และเรียนรู้คู่กับมัน จนกระทั่งเราชนะใจผู้บริโภคในตลาด และส่งมอบคุณค่าที่ช่วยแก้ปัญหาให้แก่ลูกค้าในตลาดได้ เขาก็จะมีชีวิตดีและสนับสนุนเราให้สำเร็จมากขึ้นและยั่งยืน”

ปรับ Mindset-Skillset ส่งเสริมพัฒนาคน

CEO นพกฤษฏิ์บอกถึงอีกจุดสำคัญที่เป็นแก่นของธุรกิจเครือข่าย คือ การส่งเสริมพัฒนาคน ซึ่งการช่วยคนอื่นให้ประสบความสำเร็จ ก้าวแรกที่สำคัญคือการเปลี่ยนใจตนเอง

“อุตสาหกรรมนี้ถ้าเป็นบริษัทที่เป็นของแท้จะเน้นในเรื่องการพัฒนาคนในทุก ๆ จุดเลย ไม่ว่าจะเป็นในเรื่อง Mindsets หรือ Skillsets รวมถึงการสื่อสารและการอยู่ร่วมกับคนนี่เป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นและก็จะเกิดต่อไป

การสร้างชีวิตมีประโยคบอกว่า ชีวิตคุณจะไม่เปลี่ยน ถ้าตัวคุณไม่เปลี่ยน ที่นี่เราจะมีหลักสูตรทำให้ ค่านิยม ความคิด พลังงานในตัวเรา รวมถึงความรู้ต่าง ๆ ที่เราต้องใช้ ทั้งหมดเราเรียกว่า มีทั้งพลัง ความถูกต้อง และคุณค่า เราจึงมีกการอัปเกรดตัวเองเพื่อออกไปช่วยเหลือผู้คนยกระดับสังคมและเป็นพลเมืองหลักที่ทำให้ประเทศแข็งแรงด้วย”

พร้อมย้ำว่า จุดแตกต่างของ SCM คือ เรื่องของการพัฒนาคน ด้วยสถาบัน Successmore Leadership Academy (SLA) ที่มีหลักสูตรพัฒนาในทุกภาคส่วน

“เรามีหลักสูตรตั้งแต่เรื่องของ Mindsets ภาวะผู้นำ การบริหารจัดการ และ Skillsets ทักษะในการทำงานที่จำเป็น เพื่อทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ และความรู้เกี่ยวกับนวัตกรรมสินค้าที่ตอบโจทย์และคุ้มค่าเงินและการสร้างวัฒนธรรมองค์กร เราจะสร้างแบบร่วมแรงร่วมใจ และดึงเขาเข้ามามีบทบาทสำคัญในการตัดสินใจเชิงนโยบาย เชิงกลยุทธ์ เพื่อร่วมกันสร้างสรรค์สิ่งนี้ให้เติบโตยิ่งขึ้น”

เปิดแผน SCM เดินหน้าอย่างแข็งแกร่ง ทั้งในและต่างประเทศ

“ตลาดในประเทศเราเติบโตอย่างต่อเนื่องและแข็งแกร่ง ในขณะที่การขยายสู่ต่างประเทศ สำหรับโมเดลของSCM ปัจจัยที่ต้องมี คือ ประเทศต่าง ๆ ต้องยอมรับแบรนด์ของเรา ซึ่งปัจจุบันประเทศในแถบ AEC ยอมรับแบรนด์ด้วยนวัตกรรมสินค้า ระบบบริหารจัดการที่ถูกต้อง ได้มาตรฐาน และระบบพัฒนาคนที่ใช้ได้ผลจริง”

CEO ของSCMกล่าวถึงทิศทางในการดำเนินธุรกิจ พร้อมเผยถึงกลยุทธ์ในเชิงลึกว่า

ในประเทศ เราเป็นคนควบคุมทั้งหมดเลย เมื่อเราดูว่าพื้นที่ที่เราจะไปสร้างการเติบโต พื้นที่ต้องรุกขยายเพิ่มจำนวนเมมเบอร์ ตามมาด้วยกลยุทธ์ที่เราจะต้องออกแอปพลิเคชันต่าง ๆ เครื่องมือในการซัปพอร์ตสินค้าที่โดนใจ รวมถึงการพัฒนาผู้นำที่สามารถดูแลองค์กรได้

โดยเรามีกลยุทธ์ในเรื่องของการพัฒนาผู้นำในระดับที่ดูแลองค์กรหลัก 1,000 คนให้ได้อย่างน้อย 500 คนขึ้นไป เพื่อให้องค์กรแข็งแรงกับการพัฒนาสินค้าที่เจาะแต่ละเซกเมนต์ พร้อมออกวิธีการสื่อสารให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายแต่ละกลุ่ม

ต่างประเทศ เน้นพัฒนาความรู้ความสามารถทางธุรกิจผ่านทีมเอเยนต์ และศึกษาเรื่องของ Local Marketing ให้เหมาะกับพื้นฐานของแต่ละประเทศ และผสมผสานระหว่าง Offline กับ Online ที่ลงตัว รวมถึงการช่วยพัฒนาคนของเอเยนต์เพื่อให้เขาก้าวหน้าไปสู่สเต็ปถัดไป”

วางกลยุทธ์การบริหารทั้งระยะสั้นและระยะยาว

เพื่อให้ธุรกิจเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง คุณนพกฤษฏิ์ได้วางกลยุทธ์การบริหารไว้อย่างครอบคลุม และพร้อมขับเคลื่อนองค์กรสู่เป้าหมายอย่างยั่งยืน

  • ในระยะสั้น เนื่องจากเราเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการสร้างฐานสมาชิก จุดแรกที่ต้องทำคือ ขยายฐานสมาชิกให้เติบโต จากนั้นก็พัฒนาคุณภาพของสมาชิก ซึ่งคุณภาพของสมาชิกวัดจากเปอร์เซ็นต์คนที่เข้ามาแล้วมีความ Active ในการทำต่อเนื่อง ด้วย กลยุทธ์ Customer Intimacy ดูแลลูกค้าทั้งในเรื่องความผูกพันต่อสินค้า ความผูกพันในเรื่องสายสัมพันธ์ และการเป็นทีมเวิร์กที่ดี และการสื่อสารต่อเนื่องกันตลอดด้วยความใกล้ชิด นี่เป็นหัวใจสำคัญที่เราใช้ในการสร้างการเติบโตในระยะสั้นและเป็นรากฐานตลอดไป
  • ในระยะยาว การเติบโตจากการขยายไปสู่ตัวแทนต่างประเทศ จะโฟกัสที่จะพัฒนาให้เติบโต พร้อมการทำ Digital Transformation เราสามารถดูแล Marketing ในลักษณะ Personalized ให้ใกล้เคียงคนต่อคนให้ได้มากที่สุด

สร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน

กลยุทธ์ทั้งหมดที่กล่าวมานั้นเป็นสิ่งที่เราจะมุ่งไปเพื่อเป้าหมายคือ ยอดขาย และ กำไรสุทธิ (Net Profit) ที่เติบโตคู่กันไป”

CEO นพกฤษฏิ์ส่งสารถึงนักลงทุนที่กำลังมองหาโอกาสในการร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับ SCM

“เราเข้าใจอารมณ์ความรู้สึกของนักลงทุน ลงแล้วราคาหุ้นควรจะดี มีการปันผลที่ดี ซึ่งมาจากสองปัจจัย คือ บริษัทมีการเติบโต และบริษัทมีเรื่องของกำไรที่ดีด้วย ซึ่งเราใส่ใจตรงนี้ตลอด

พร้อมกันนี้ยังเรียนรู้จากข้อผิดพลาด โดยปรับกลยุทธ์ใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นกลยุทธ์จากตลาดภายใน กลยุทธ์การเติบโตจากตลาดต่างประเทศ พร้อมกับการพัฒนาความสามารถในการแข่งขันขององค์กร เราต้องมีเครื่องมือในการสนับสนุนการเข้าถึงกลุ่มคนในแต่ละวัย

รวมทั้งการเข้าถึงนวัตกรรมของสินค้าที่ตอบโจทย์การแก้ปัญหาในด้านสุขภาพ เราลงทุนสร้างโรงงานของตัวเองมหาศาล เพื่อให้เข้าถึงแหล่งและความฉับไว รวมถึงการควบคุมได้ครบวงจร

ในขณะเดียวกัน เราก็มี Growth Mindset ในการบริหาร มีคนหลายกลุ่มที่อยู่ในSCM เพื่อช่วยกันบริหาร รวมถึงการมีวัฒนธรรมในการมีส่วนร่วมที่ดี ระหว่าง บริษัท พนักงาน และนักธุรกิจข้างนอกของเรา ทั้งหมดคือสิ่งที่ SCMตั้งใจทำในทุกจุด”

ข้อมูลเพิ่มเติม www.successmore.com

อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ 
Website : Marketeeronline.co / Facebook : www.facebook.com/marketeeronline


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer