ล่วงสู่กลางปีผลการจัดอันดับและตัวเลขต่าง ๆ ก็ทยอยปรากฏให้เห็น โดยในส่วนของการจัดอันดับเมืองค่าครองชีพแพงสุดของผู้ที่ไปทำงานในต่างประเทศ (Expat) ตามการจัดอันดับของ Mercer บริษัทบริหารจัดการทรัพย์สินสัญชาติอเมริกัน
ปีนี้ปรากฏว่า อาชกาบัต เมืองหลวงของเติร์กเมนิสถาน ประเทศแถบเอเชียกลาง ที่แทบไม่มีใครรู้จักหรือเคยไป แซงฮ่องกงขึ้นมาอยู่อันดับ 1 และกรุงเบรุตของเลบานอน ตามมาในอันดับ 3
ผลการจัดอันดับดังกล่าวเป็นการย้ำว่าหากโลกเผชิญวิกฤตเช่นสถานการณ์โควิดในปัจจุบัน ประเทศที่เศรษฐกิจย่ำแย่หรือปัญหาในประเทศยังไม่ทุเลา สถานการณ์ยิ่งแย่ลงไปอีก
เติร์กเมนิสถาน จมอยู่ในวิกฤตเศรษฐกิจจากปัญหาเงินเฟ้อรุนแรง การทุจริตของรัฐบาลและสินค้าจำเป็นขาดแคลน
ส่วนเลบานอนเผชิญปัญหาสินค้าจำเป็นต่อการดำรงชีวิตกับค่าสาธารณูปโภคแพงมากมาตั้งแต่ปี 2019 จนประชาชนรวมตัวประท้วงกันหลายครั้ง
และราวสิงหาคมปี 2020 อาคารมากมายใจกลางกรุงเบรุต ราบเป็นหน้ากลองจากเหตุแอมโมเนียไนเตรต 2,750 ตันระเบิด ที่เทียบได้กับแผ่นดินไหวขนาดย่อม ๆ
อย่างไรก็ตาม เมืองใหญ่ ๆ เมืองหลวง หรือประเทศเล็กๆ ที่ขนาดเท่าเมือง ที่ขึ้นชื่อเรื่องค่าครองชีพสูงก็ยังพากันติดอันดับปีนี้ โดยขณะที่ฮ่องกงอยู่ในอันดับ 2 โตเกียว ซูริก เซี่ยงไฮ้ สิงคโปร์ เจนีวา ปักกิ่ง
และเบิร์น ก็ตามมาในอันดับ 4 -10 ด้านกรุงเทพฯ ของไทยปีนี้อยู่อันดับ 46 ลงจาก 35
สำหรับภาพรวมในการทำงานของ Expat ปีนี้ Mercer ระบุว่า Expat ที่อยู่ในต่างประเทศต้องทำงานมากขึ้น แต่ไม่สามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้สะดวกเหมือนสถานการณ์ปกติ ซ้ำร้ายรายได้ก็ลดลงอีก ซึ่งทั้งหมดเกิดจากวิกฤตโควิดนั่นเอง/cnn, mercer, aljazeera, skynews
–
ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ