1. ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2560 คนกรุงเทพฯ มีการจับจ่ายใช้สอยคิดเป็นเม็ดเงิน 23,000 ล้านบาท ทรงตัวเมื่อเทียบกับช่วงสงกรานต์ปีที่แล้ว เนื่องจากคนกรุงฯ ยังคงกังวลในเรื่องของค่าครองชีพ บางส่วนได้มีการใช้จ่ายไปแล้วในช่วงปลายปีก่อน จากมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายของภาครัฐที่ออกมา

2.ความไม่สะดวกในการเดินทาง สภาพอากาศที่ร้อนและไม่มีมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายของภาครัฐเช่นเดียวกับปีก่อน จึงทำให้บรรยากาศในการจับจ่ายใช้สอยของคนกรุงฯ ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้อาจจะไม่คึกคักมากนัก

3.คนกรุงฯ ส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 64 หันมาปรับพฤติกรรมและกิจกรรมต่างๆ ในช่วงสงกรานต์ลง เช่น ลดการกินเลี้ยงสังสรรค์รื่นเริง มาเป็นการกินเลี้ยงเล็กๆ ในกลุ่มครอบครัวหรือเพื่อนฝูง รวมถึงลดการซื้อของขวัญหรือ ช็อปปิ้งของที่ไม่จำเป็นลง เป็นต้น

4.นอกจากนี้คนกรุงฯ กว่าร้อยละ 44.0 วางแผนทำกิจกรรมในกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นสัดส่วนที่มากขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน: รองลงมาคือ กลับบ้านต่างจังหวัด (ร้อยละ 34) และท่องเที่ยว (ร้อยละ 22) โดยกิจกรมหลักที่คนกรุงฯ วางแผนจะทำคือ การนัดเลี้ยงสังสรรค์ พักผ่อนอยู่บ้านและทำบุญตักบาตร ต

5.ในส่วนของการนัดเลี้ยงสังสรรค์ จากผลการสำรวจจะพบว่า คนกรุงฯ ส่วนใหญ่ยังให้ความนิยมนัดเลี้ยงสังสรรค์ตามร้านอาหารในห้างสรรพสินค้ามากที่สุด รองลงมาคือ ร้านอาหารทั่วไปและสั่งบริการฟู้ดเดลิเวอรี่ (Food Delivery) ตามลำดับ แต่ประเด็นที่น่าสนใจคือ การนัดเลี้ยงสังสรรค์ตามร้านอาหาร (ทั้งร้านอาหารทั่วไปและในห้างสรรพสินค้า) มีสัดส่วนที่ลดลง แต่ไปเพิ่มในส่วนของการสั่งบริการฟู้ดเดลิเวอรี่มากขึ้น

6.มีข้อสังเกตว่า ในปีนี้คนกรุงฯ ปรับลดโปรแกรมท่องเที่ยวและหันมาทำกิจกรรมพักผ่อนอยู่กับบ้านมากขึ้น อาทิ ดูหนัง/ ดูทีวี เล่น Social Media ติดตามความเคลื่อนไหวในโลกออนไลน์ รวมถึงการสั่งอาหารและเครื่องดื่มเดลิเวอรี่มารับประทานภายในบ้าน (เนื่องจากสะดวก ง่าย อากาศร้อน ไม่อยากเปียกน้ำ ร้านประจำปิดบริการ ฯลฯ)

 

ต้องรับมืออย่างไรเมื่อคนไม่อยากออกจากบ้าน

แม้ว่าจะเป็นอีกปีที่ค่อนข้างท้าทายสำหรับผู้ประกอบการในการทำธุรกิจ แต่เทศกาลสงกรานต์ก็ถือเป็นหนึ่งในอีเว้นท์ใหญ่ของปี ที่จะสามารถใช้กระตุ้นยอดขายได้ แต่ผู้ประกอบการอาจจะต้องปรับรูปแบบการทำตลาดและเตรียมความพร้อมของธุรกิจให้สอดรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบันมากขึ้น เช่น

1.การจัดกิจกรรมทางการตลาดผ่านกลยุทธ์ลด แลก แจก แถม ยังคงเป็นกลยุทธ์การตลาดที่ใช้กระตุ้นยอดขายและกำลังซื้อผู้บริโภคได้ดี โดยจะเห็นได้จากผลการสำรวจที่ระบุว่า หากมีกลยุทธ์ลดแลกแจกแถม จะทำให้คน กรุงฯ หันมาตัดสินใจซื้อสินค้าและบริการของมากที่สุด (ร้อยละ 39) รองลงมาคือ การจัดอีเว้นท์ร่วมสนุก/ชิงรางวัล (ร้อยละ 24) และผ่อนชำระ 0% (ร้อยละ 18)

2.เลือกช่องทางในการสื่อสารไปยังผู้บริโภคเป้าหมายให้ได้มากที่สุด โดยช่องทางที่คนกรุงฯ ส่วนใหญ่ให้การตอบรับที่ดี ยังคงได้แก่ การโฆษณาผ่านสื่อโทรทัศน์ (ร้อยละ 63) แต่อย่างไรก็ดี จากผลการสำรวจพบว่า การโฆษณาผ่าน Facebook (ร้อยละ 46) และ Application ต่างๆ อาทิ Line Instagram (ร้อยละ 17) เป็นช่องทางที่ได้รับความนิยมที่ไต่อันดับมากขึ้น ดังนั้น ผู้ประกอบการควรทำการตลาดผ่านช่องทางนี้ให้มากขึ้น โดยเฉพาะกับผู้ประกอบการที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็นกลุ่มวัยรุ่น-วัยทำงาน เพราะผู้บริโภคกลุ่มนี้เข้าถึงช่องทางการสื่อสารเหล่านี้อยู่เป็นประจำ

3.การเตรียมพร้อมธุรกิจในการทำตลาดช่วงสงกรานต์ ช่วงสงกรานต์เป็นช่วงที่บางธุรกิจหยุดกิจการ แต่หากพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส โดยการเตรียมความพร้อมที่จะให้บริการช่วงสงกรานต์ ทั้งพนักงานที่ให้บริการ สต๊อกสินค้าที่พร้อมจะส่ง ช่องทางในการส่งสินค้าและบริการไปถึงมือลูกค้า ก็จะเป็นการเพิ่มโอกาสในการทำตลาดให้ผู้ประกอบการได้

4.สร้างการรับรู้แบรนด์ ผ่านคอนเทนต์ที่ดึงดูดความสนใจ ซึ่งอาจจะทำเป็นหนังสั้นผ่านช่องทาง Social Media เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวที่ผูกโยงไปถึงธุรกิจ ซึ่งแม้ว่าการทำการตลาดในลักษณะนี้ อาจจะไม่ได้ผลตอบแทนมาในรูปแบบของรายได้ที่ชัดเจนในช่วงสงกรานต์ แต่จะทำให้เกิดความสนใจและพูดถึงแบรนด์ในวงกว้าง สร้างการจดจำและรับรู้ในหมู่ผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี ซึ่งน่าจะส่งผลบวกต่อยอดขายของธุรกิจในระยะข้างหน้าได้

 



ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ

.
Marketeer ฉบับดิจิทัล : อ่านบน Ookbee / อ่านบน meb
.
Marketeer ฉบับ PDF : https://marketeermagazine.com/
.
Marketeer ฉบับกระดาษ : สั่งซื้อทางไปรษณีย์ Inbox มาที่ เพจ Marketeer Online