Alain Ducasse ทำความรู้จักเชฟแห่งโลกผู้มีมิชลินสตาร์มากที่สุดในปี 2022

Blue by Alain Ducasse ร้านอาหารระดับไฟน์ไดนิ่ง (Fine Dining) สุดหรูของเชฟชาวฝรั่งเศสชื่อดังระดับโลก Alain Ducasse (อลัง ดูคาส) ซึ่งเปิดให้บริการครั้งแรกในเดือนพฤศจิกายน 2019 ที่ไอคอนสยาม (ICONSIAM) คว้ารางวัลมิชลิน 1 ดาวสองปีติดต่อกันและการตกแต่งภายในอันอลังการของร้านก็ได้รับรางวัล Best of Year Awards ด้านการตกแต่งภายในยอดเยี่ยมสาขาไฟน์ไดนิ่ง ประจำปี 2022 จากนิตยสารแนวหน้าของวงการสถาปัตยกรรมและการออกแบบ Interior Design สมกับเป็นร้านอาหารของเชฟระดับตำนานผู้มีชื่อเสียงมากที่สุดคนหนึ่งของโลก

โดยตั้งแต่จุดเริ่มต้นการเป็นเชฟจนถึงปัจจุบัน Alain Ducasse ครอบครองรางวัลมิชลินสตาร์ทั้งหมด 21 ดาว ทำให้เขาเป็นเชฟที่มีรางวัลมิชลินสตาร์มากที่สุดในโลกในปัจจุบัน

 

เขายังเป็นเชฟคนแรกที่เป็นเจ้าของร้านอาหารที่มีดาวมิชลิน 3 ดวงใน 3 เมืองอย่างร้านอาหาร Le Louis XV-Alain Ducasse ตั้งอยู่ภายในโรงแรม Hôtel de Paris Monte-Carlo ในเมือง Monte Carlo ประเทศโมนาโก ร้านอาหาร Alain Ducasse au Plaza Athénée ตั้งอยู่ในปารีส ประเทศฝรั่งเศส และร้านอาหาร Alain Ducasse at The Dorchester ตั้งอยู่ในกรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร

เขาได้สร้างอาณาจักรธุรกิจตลอดหลายปีที่ผ่านมาโดยมีร้านอาหาร 34 แห่งทั่วโลก ธุรกิจโรงแรมอิสระขนาดเล็ก 2 แห่งใน Provence (โพรวองซ์) ฝรั่งเศส โรงงานผลิตช็อกโกแลตและกาแฟ 31 แห่ง ศูนย์ที่ปรึกษาสำหรับธุรกิจร้านอาหารทั่วโลก DUCASSE Conseil ศูนย์การเรียนสอนทำอาหาร Ecole Ducasse 3 แห่ง คาเฟ่และร้านอาหารที่เชี่ยวชาญด้านการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม Musiam 14 แห่ง และคู่มือสอนทำอาหาร 100 เล่ม

 

Alain Ducasse คือใคร?

เขาเกิดวันที่ 13 กันยายน 1956 ในฟาร์มแห่งหนึ่งในภูมิภาคตะวันตกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส เขาเติบโตขึ้นมาท่ามกลางกลิ่นหอมของอาหารที่ลอยออกมาจากครัวในทุกวันและเขาชื่นชอบกลิ่นนั้นมาก จึงตัดสินใจที่จะทำอาหารตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

และยังได้พัฒนารสชาติของผลผลิตที่ปลูกในท้องถิ่นตั้งแต่อายุยังน้อยและได้รับการศึกษาในฟาร์มแถว Castel-Sarrazin ถือได้ว่าเขาได้สร้างเส้นทางที่จะนำเขาไปสู่ความสำเร็จในการทำอาหารในอนาคต

ทว่า แม่ของAlain Ducasseไม่เห็นด้วยกับความชอบที่อยากทำอาหารของเขา เธอจึงพยายามกันเขาออกมาโดยใช้จิตวิทยาย้อนกลับ เธอให้เขาทำงานที่ร้านกาแฟในสถานีบ้าง ให้เด็ดไก่งวงในวันที่อากาศหนาวจัดบ้าง เพื่อหวังสิ่งเหล่านี้จะเป็นฝันร้ายสำหรับเขา

ถึงแม้ว่าบางครั้งAlain Ducasseจะรู้สึกท้อใจ แต่เขาก็ไม่ได้เลิกทำและอดทนกับสิ่งที่ต้องเผชิญ จนเขาตกหลุมรักในอุตสาหกรรมนี้อย่างช้า ๆ ก่อนไปฝึกงานด้านการทำอาหารต่าง ๆ

เมื่อAlain Ducasseอายุ 16 ปี เขาได้ทำงานในร้านอาหารแห่งหนึ่งแถว Soustons จากนั้นเขาได้ใช้เวลาอีกหลายปีในการทำงานให้กับเชฟและร้านอาหารชื่อดังอย่าง Michel Guérard (มีแชล เกราร์), Gaston Lenôtre (แกสตัน เลอโนเตร), Alain Chapel (อลัง ชาเปล) และ Moulin de Mougins ของ Roger Vergé (โรเจอร์ แวร์จ)

เรียกได้ว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา Alain Ducasseได้ทำงานเคียงข้างเชฟชาวฝรั่งเศสที่ได้รับการยกย่องและมีชื่อเสียงโด่งดังที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์

ตำแหน่งแรกในฐานะเชฟของAlain Ducasseเกิดขึ้นในปี 1980 เมื่อเขารับช่วงต่อในครัวที่ L’amandier ในชุมชน Mougins ก่อนที่ไม่กี่ปีต่อมาเขาได้ย้ายมาทำงานที่ร้านอาหาร La Terrasse ของโรงแรม Juana ในย่าน Juan-Les-Pins ซึ่งในปี 1984 เขาได้รับรางวัล 2 ดาวจากมิชลินไกด์

ในปี 1987 Alain Ducasseย้ายไปทำงานที่ Le Louis XV ของ Hôtel de Paris ในประเทศโมนาโก เขาได้ทำให้ร้านอาหารอายุเพียง 33 เดือนเป็นร้านอาหารของโรงแรมแห่งแรกที่ได้รับรางวัล 3 ดาวในมิชลินไกด์

ตั้งแต่นั้นมา Le Louis XV ได้กลายเป็นจุดเด่นของอาหารชั้นเลิศและเป็นหนึ่งในร้านอาหารที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดของ Alain Ducasse

Alain Ducasseได้ค้นพบ Bastide de Moustiers ขณะเดินเล่นใน Provence และตกหลุมรักทันที เขาจึงได้เริ่มก้าวแรกในการทำธุรกิจโรงแรมอิสระเล็ก ๆ โดยเปลี่ยนโรงแรมเก่าแห่งนี้ให้เป็นโรงแรมที่มีเสน่ห์น่าสนใจพร้อมร้านอาหารแสนอร่อยอย่างรวดเร็ว

ต่อมาเขาได้เปิดร้านอาหารAlain Ducasseในปารีสในปี 1996 พร้อมด้วยแนวคิด Spoon, Food & Wine ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากอาหารหลากหลายวัฒนธรรม และนำมาผสมผสานระหว่างเทคนิคฝรั่งเศสคลาสสิกกับอิทธิพลการทำอาหารของภูมิภาคเมดิเตอร์เรเนียน อเมริกา หรือเอเชีย และผ่านไปแค่ 2 ปีAlain Ducasseได้กลายเป็นเชฟระดับ 6 ดาว

Alain Ducasseได้ขยายกิจการไปสู่สหรัฐอเมริกาครั้งแรกในปี 2000 เขาได้เปิดร้านอาหาร Alain Ducasseในโรงแรม Essex ของนครนิวยอร์ก ที่ 160 Central Park South โดยได้รับรางวัลมิชลินสตาร์ 3 ดวงในปี 2005 แต่ปีต่อมาได้ปิดตัวลงหลังจากเขาตัดสินใจเปิดร้านอาหารในลาสเวกัสแทน

กิจการร้านอาหารของเขาครอบคลุมทั่วโลกตั้งแต่ลาสเวกัสไปจนถึงโตเกียว และในปี 2007 เขาได้เปิดร้านAlain Ducasse at The Dorchester ในลอนดอน ภายใน 3 ปีเขาก็ได้รับดาวมิชลิน 3 ดวง

นอกจากมิชลินสตาร์แล้ว Alain Ducasseยังได้รับรางวัลสามครั้งจาก James Beard Foundation ในฐานะร้านอาหารใหม่ยอดเยี่ยม ในฐานะ Who’s Who of Food & Beverage in America และในด้านการทำอาหารจากมุมมองของมืออาชีพ รวมถึงในปี 2013 Alain Ducasseได้รับรางวัล Lifetime Achievement จาก 50 ร้านอาหารที่ดีที่สุดในโลก

เขาจึงได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในเชฟที่โด่งดังและยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก เทียบเท่ากับ Escoffier (แอ็สกอฟีเย) และ Bocuse (โบคูเซ่) สำหรับผลงานในการทำอาหารฝรั่งเศสของเขา

และนอกจากเขาจะเป็นเชฟผู้ขยันขันแข็งแล้ว เขาก็เป็นนักธุรกิจที่เก่งกาจเช่นกัน ซึ่งในปี 2014 Alain Ducasseสร้างรายได้ได้มากกว่า 80 ล้านยูโร

อาหารของAlain Ducasseนอกจากเป็นที่นิยมไปทั่วโลกแล้วนั้น ยังได้เสิร์ฟให้กับนักบินอวกาศในสถานีอวกาศนานาชาติในปี 2015 อีกด้วย ซึ่งเขาเป็นเชฟเพียงคนเดียวที่ส่งอาหารของเขาไปในอวกาศ ถือเป็นหนึ่งในความสำเร็จของเขาในการทำอาหาร

ต่อมาในปี 2017 Alain Ducasseได้เปิด Musiam ซึ่งเป็นบริการจัดเลี้ยงในสถานที่ทางวัฒนธรรมของปารีสเป็นหลัก เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในด้านการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ซึ่งชื่อของ Musiam นำมาจาก museum บวกกับ miam ที่หมายถึง yum ในภาษาอังกฤษ เป็นการแสดงออกถึงการพบกันระหว่างโลกของวัฒนธรรมและโลกของอาหารฝรั่งเศส

ด้วยความคิดริเริ่มและความคิดสร้างสรรค์ เขายังเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง French Culinary School ตลอดจนเป็นสมาชิกของ Grandes Tables du Monde และ Comité Colbert เขาได้ริเริ่ม ‘Good France’ ซึ่งเป็นงานประจำปีที่รวบรวมเชฟ 2,000 คน สถานทูต 150 แห่ง และผู้คนเกือบ 250,000 คนมาร่วมเฉลิมฉลองเอกลักษณ์ วิถีชีวิต และความหลากหลายของอาหารฝรั่งเศส

หลังจากประสบความสำเร็จมาหลายปี Alain Ducasseได้กลายเป็นแบรนด์ของตัวเองและสร้างบริษัท DUCASSE Paris ขึ้นมา ซึ่งเป็นบริษัทที่จัดการธุรกิจทั้งหมดที่เขามีอยู่

เขาได้ตั้งใจทุ่มเทให้กับการฝึกอบรมมืออาชีพทางด้านการทำอาหารอย่างแข็งขันผ่านธุรกิจ Ducasse Education ของเขา และด้วยการสนับสนุนของ Sommet Education บวกกับความทะเยอทะยานที่จะแบ่งปันความหลงใหลในอาหารไปสู่ระดับนานาชาติทำให้มีการสร้างโรงเรียนสอนทำอาหาร Ecole Ducasse ในปี 2009

นอกจากนี้ Alain Ducasseยังเป็นเจ้าของบ้านในชนบทที่หรูหราหลายแห่ง โรงเรียนสอนทำอาหาร บริการให้คำปรึกษา โรงแรมขนาดเล็ก โรงงานช็อกโกแลต และเขียนคู่มือทำอาหารมากกว่า 90 เล่มอีกด้วย

 

ที่มา:

https://placement-international.org/blog/who-are-the-most-awarded-michelin-star-chefs-in-the-world

https://trulyexperiences.com/blog/most-decorated-michelin-star-chefs/#Alain-Ducasse-8211-19-Michelin-Stars

https://www.finedininglovers.com/article/who-is-the-chef-with-most-michelin-stars-2020

https://bk.asia-city.com/restaurants/news/blue-alain-ducasse-wins-its-first-michelin-star

https://www.ducasse-paris.com/en/alain-ducasse

https://uh.edu/hilton-college/About/Hospitality-Industry-Hall-of-Honor/Inductees/Alain-Ducasse/

https://www.finedininglovers.com/people/alain-ducasse

https://www.forbes.com/sites/rooksanahossenally/2016/02/03/the-story-behind-the-michelin-stars-an-interview-with-alain-ducasse/?sh=7d96b61a7805

https://www.ecoleducasse.com/en

อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ 
Website : Marketeeronline.co / Facebook : www.facebook.com/marketeeronline



ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ

.
Marketeer ฉบับดิจิทัล : อ่านบน Ookbee / อ่านบน meb
.
Marketeer ฉบับ PDF : https://marketeermagazine.com/
.
Marketeer ฉบับกระดาษ : สั่งซื้อทางไปรษณีย์ Inbox มาที่ เพจ Marketeer Online