Swarovski ทำความรู้จักแบรนด์ที่เปลี่ยนความหักเหของแสงให้เป็นความล้ำค่า
ที่มา: https://unsplash.com/photos/Fy3EZ3pa28Y
คริสทัลแบรนด์Swarovskiได้ถือกำเนิดขึ้นเมื่อ Daniel Swarovskiได้คิดค้นประดิษฐ์เครื่องมือสำหรับตัดคริสทัลโดยอัตโนมัติขึ้นมาเมื่อปี ค.ศ. 1892 จากนั้นอีก 3 ปีต่อมาSwarovskiก็ถูกก่อตั้งขึ้นในเมือง Watten ประเทศออสเตรีย เนื่องจากเป็นทำเลที่เขาสามารถใช้ประโยชน์จากไฟฟ้าพลังน้ำในท้องถิ่นของที่นี่ สำหรับกระบวนการเจียระไนที่เขาคิดขึ้นและเป็นเจ้าของสิทธิบัตรซึ่งต้องใช้พลังงานเป็นอย่างมาก
คริสทัลของSwarovskiมีเปอร์เซ็นต์ในการหักเหของแสงมากถึง 32% และผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากคริสทัลของSwarovskiก็มีทั้งเครื่องประดับ วัสดุสำหรับแฟชั่นไฮเอนด์ ประติมากรรมคริสทัล ของสำหรับตกแต่งบ้าน รวมไปถึงกล้องโทรทรรศน์ และกล้องส่องทางไกล สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการล่าสัตว์และดูนกด้วย
นึกถึงคริสทัล นึกถึงSwarovski
ที่มา: https://unsplash.com/photos/jAL67p8zwiE
เพื่อที่จะสร้างคริสทัลที่มีการหักเหของแสงจนเกิดเป็นสเปกตรัมสีรุ้งขึ้นมาได้Swarovskiมีการเคลือบคริสทัลบางส่วนด้วยสารเคลือบเคมีโลหะพิเศษ อย่างเช่น Aurora Borealis หรือ AB ซึ่งเป็นสารเคลือบที่ได้รับความนิยมสูงสุด
นอกจากนั้น ก็ยังมีสารเคลือบอื่น ๆ อีก ได้แก่ Crystal Transmission, Volcano, Auru และ Dorado โดยเคลือบประมาณ 50% ของตัววัตถุทั้งหมด ส่วนบางชิ้นก็เคลือบถึง 2 ครั้ง กลายเป็นคริสทัล AB 2X และ Dorado 2X เป็นต้น หลาย ๆ คนอาจไม่รู้ว่าโลโก้ดั้งเดิมของSwarovskiคือดอกเอเดลไวส์ แล้วค่อยถูกเปลี่ยนมาเป็นโลโก้รูปหงส์ในปี ค.ศ. 1988 อย่างที่เราได้เห็นกันมาจนถึงปัจจุบัน
หนึ่งในเคล็ดลับความสำเร็จของแบรนด์Swarovski
Daniel Swarovskiผู้ก่อตั้งบริษัทเป็นทั้งอัจฉริยะทางเทคนิคและมีมนุษยธรรม มีวิสัยทัศน์ในการตั้งธุรกิจขึ้นมาที่ชัดเจน โดยมีเป้าหมายในการสร้างบริษัทที่มีความเป็นประชาธิปไตย เพื่อให้พนักงานและผู้ร่วมงานมีความเคารพตนเอง มีความสามัคคีกันทางสังคม และมีประสบการณ์ทางด้านวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน โดยให้ความสำคัญกับคนงานอย่างเท่าเทียมกัน
ในช่วงปี ค.ศ. 1907 ที่ได้มีโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัย แนะนำกิจกรรมทั้งด้านกีฬาและวัฒนธรรม และยังมอบผลประโยชน์อื่น ๆ สำหรับพนักงานอีกมากมาย และกลายมาเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้Swarovskiมีการเติบโตอย่างรวดเร็วและมีพนักงานมากกว่า 12,600 คนทั่วโลกในปัจจุบัน และมีโรงงานทั้งในประเทศสหรัฐอเมริกา เม็กซิโก บราซิล อาร์เจนตินา และในอีกหลายประเทศทั่วโลก
กลยุทธ์ในการทำงานของแบรนด์เครื่องประดับSwarovski
Creative Director ของ Giovanna Engelbert เป็นคนที่ชื่นชอบเครื่องประดับเป็นชีวิตจิตใจและสะสมมันเป็นงานอดิเรกด้วย ไม่ว่าจะเป็นกำไรที่ทำมาจากพลาสติกหรือทับทิม เพราะเครื่องประดับเป็นสิ่งที่เราสามารถสวมใส่เพื่อแสดงตัวตนของตัวเองและยังมอบความสุขด้วย เป็นสิ่งที่สามารถใส่ได้ทั้งกลางวันและกลางคืน ในวันสบาย ๆ หรืองานราตรีที่มีความหรูหรา และเธอมีความต้องการที่จะออกแบบเพื่อให้ผู้สวมใส่ได้แสดงตัวตนของตัวเองออกมาได้มากที่สุด
เธอได้ทำงานให้กับSwarovskiมาตั้งแต่ในปี 2016 และเธอก็รู้สึกเป็นเกียรติเป็นอย่างมาก เป็นงานที่ต้องอาศัยการใช้ความคิดสร้างสรรค์ผ่านแง่มุมต่าง ๆ ในฐานะที่เป็นที่ปรึกษา ทำให้ได้มีโอกาสเข้าไปมีส่วนร่วมในธุรกิจการแสดง นักแสดง นักร้อง อุตสาหกรรมแฟชั่น และได้นำความรู้ที่ได้สั่งสมจาก 20 ปีที่ผ่านมา มาใช้กับSwarovski
เธอมองว่าคริสทัลเป็นวัสดุอันน่าทึ่ง การทำงานกับคริสทัลทุกวันทำให้เธอมีความสุข และเธอก็พยายามย้ำเตือนสิ่งเหล่านี้กับทีมของเธออยู่บ่อย ๆ นอกเหนือไปจากชีต Excel หรือตารางการผลิต นอกจากนั้น ยังเป็นการทำงานร่วมกับแสงและปริซึมสีสันต่าง ๆ เป็นวัสดุที่นำมาซึ่งความสนุก และนั่นก็คือแรงบันดาลใจในการทำงานของเธอในแต่ละวัน
ความงามของคริสทัลอาจไม่ได้แสดงถึงความมั่งคั่ง แต่เป็นเครื่องประดับที่ให้ผู้สวมใส่ได้ใช้สำหรับแสดงตัวตนและความรู้สึก ซึ่งทั้งเท่และเต็มไปด้วยความสนุก การทำงานที่กว่าจะสำเร็จได้นั้นอาจเต็มไปด้วยน้ำตา การคุยกันผ่านโทรศัพท์นับร้อยชั่วโมง และอีเมลที่ยาวไม่รู้จบ แต่ละชิ้นที่กว่าจะสำเร็จออกมาได้ มีรายละเอียดมากมายที่ต้องพิจารณา แต่ก็ต้องยอมรับว่าเครื่องประดับในโลกของแฟชั่นมีทั้งในช่วงขาขึ้นและขาลง แต่ก็ยังเป็นสิ่งที่เรียกได้ว่าขาดไม่ได้เพื่อให้แฟชั่นน่าสนใจและเพิ่มความสนุกมากขึ้น
Buchbauer CEO ของSwarovskiกล่าวว่าบริษัทนั้นให้ความสำคัญกับนวัตกรรมและการคิดค้นสิ่งใหม่ ๆ กว่า 126 ปีที่ผ่านมา แบรนด์ได้ปรับตัวเพื่อให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของโลกมาโดยตลอด และเป้าหมายของแบรนด์ในตอนนี้ก็คือการปรับตำแหน่งให้Swarovskiเป็นความหรูหราที่สามารถเข้าถึงได้ และแบรนด์ได้ออกแบบโดยเน้นที่คุณภาพมากกว่าปริมาณ ใช้การปรับแต่งและเทคนิคเมื่อเทียบกับคอลเลกชั่นก่อนหน้า
Engelbert ปรับภาพลักษณ์ของร้านค้าในเมืองแฟชั่นที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็น มิลาน ปารีส และนิวยอร์ก เพื่อให้วิสัยทัศน์ด้านความคิดสร้างสรรค์ของแบรนด์สามารถเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น ด้วยเป้าหมายของการทำให้Swarovskiเป็นแบรนด์คริสทัลสำหรับไลฟ์สไตล์ของผู้สวมใส่ได้อย่างแท้จริง ทีมงานตัดสินใจที่จะปรับเครือข่ายการค้าส่งใหม่ มุ่งเน้นไปกลุ่มสินค้าและเครื่องประดับสำหรับแฟชั่นให้มากขึ้นในอนาคต เรามีพันธมิตรมากมายที่หลงใหลในคริสทัลของเรา และมีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์ของเราตลอดหลายปีที่ผ่านมา และเราก็รู้สึกขอบคุณพวกเขาเป็นอย่างมาก
เพื่อให้ตอบสนองกับวิสัยทัศน์และกลยุทธ์ใหม่ของเรา เราได้พัฒนาเว็บไซต์Swarovski.com ช่องทางโซเชียลมีเดีย และ E-commerce ของเราขึ้นใหม่ทั้งหมด และเราพยายามเร่งทุกอย่างขึ้นไปอีกหลังจากที่มีการระบาดของโควิด-19
มากไปกว่านั้นยังได้มีการเปิดตัวSwarovski Wonderlab สถานที่ที่เกิดขึ้นจากพลังของวิทยาศาสตร์และเวทมนตร์ ที่อยากทำให้ผู้ที่ได้เข้ามาเยี่ยมชมทุกคนรู้สึกตื่นตาตื่นใจ ทั้งร้าน Wonder store ใน Milan’s Galleria พร้อมทั้งประติมากรรมโลโก้ที่ปรับโฉมใหม่ ที่หงส์มีความเพรียวบางมากขึ้น มีคอที่ยาวขึ้น และอยู่ในกรอบทรงแปดเหลี่ยมซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเหลี่ยมคริสทัลได้เป็นอย่างดี โดยแนวคิดนี้จะถูกนำไปใช้ตกแต่งร้านบูติกในอีก 27 แห่งในหลากหลายเมืองทั่วโลก และยังสามารถเยี่ยมชมร้านและตัวอย่างคอลเลกชั่นในรูปแบบดิจิทัลได้อีกด้วย
ผลประกอบการของ Swarovski
เนื่องจากเป็นแบรนด์แฟชั่นในด้านเครื่องประดับหรูหรา แน่นอนว่ารายได้นั้นขึ้นอยู่กับเทรนด์ของผลิตภัณฑ์ในตลาดในช่วงเวลานั้น ๆ ร่วมกับการเพิ่มขึ้นของการผลิตอัญมณีแบบป้องกันรอยหมองเพิ่มขึ้นในตลาด ในขณะที่ราคาลดต่ำลง รายได้ของSwarovskiได้ลดลงประมาณ 12% ในช่วงปี 2021 – 2022 นี้เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยเทรนด์ที่กำลังสำหรับคริสตัลช่วงนี้คือควอตซ์ อเมทิสต์ และบุษราคัม
ในช่วงครบรอบ 125 ปีของแบรนด์ จากผลกระทบของการระบาดของโควิด ทำให้Swarovskiมีรายได้ลดลง หลายร้านค้าต้องปิดตัวลง และมีการปลดพนักงานมากถึง 6,000 ตำแหน่ง ทำให้ทางแบรนด์เริ่มมีการวางแผนโฟกัสที่หุ้นส่วนเชิงกลยุทธ์มากขึ้น โดยเลือกที่จะหันมาโฟกัสที่ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ มีดีไซน์ที่แตกต่างมากขึ้น แทนที่จะเสนอสินค้าในทุกรูปแบบสำหรับทุกคน
อ้างอิง:
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้
Website : Marketeeronline.co /
ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ