หากว่ากันถึงประเทศที่กำลังเนื้อหอมและเศรษฐกิจพัฒนาอย่างต่อเนื่องมากสุดในกลุ่มประเทศ ASEAN ณ ปัจจุบันคงเป็นประเทศไหนไปไม่ได้นอกจากเวียดนาม

เพราะกลายเป็นที่หมายใหม่ของยักษ์ธุรกิจ อย่าง Apple (ผ่าน Foxconn) Samsung และ Lego ในการลงทุนสร้างหรือขยายโรงงาน และเพิ่มสัดส่วนการผลิตซึ่งส่งผลต่อเนื่องเศรษฐกิจประเทศระหว่างปี 2010-2020 ขยาย 2 เท่า แม้ส่วนหนึ่งจะเป็นไปตามลดการพึ่งพาจีนก็ตาม

นี่ยังส่งให้เวียดนามกลายเป็นเป้าหมายการลงทุนใหม่ของกลุ่มทุนพลังงานยุโรป เช่น TatalEnergies ของฝรั่งเศส และ Orsted ของเดนมาร์ก เพื่อหวังป้อนพลังงานสะอาดจาก โซลาร์เซลล์และลม ขับเคลื่อนสายการผลิตของดงโรงงานเหล่านี้

การขยายตัวอย่างคึกคักดังกล่าว ยังทำให้เสือเศรษฐกิจตัวล่าสุดของ ASEAN ถูกจับตามองมากขึ้น และทุกความเคลื่อนไหวจากประเทศนี้ก็ดูน่าสนใจไปหมด เช่น Vinfast แบรนด์รถ EV น้องใหม่

ฟาม เญิต เฟือง มหาเศรษฐีผู้ก่อตั้ง Vingroup ที่มีธุรกิจใต้ชายคามากมาย ตั้งแต่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรวมถึงรถ EV แบรนด์  Vinfast ด้วย

และเมื่อไม่นานมานี้กับข่าวปั๊มน้ำมันนับร้อยแห่งน้ำมันไม่พอขายจากวิกฤตราคาน้ำมันและสถานการณ์โลก

ทว่า ท่ามกลางพัฒนาการเหล่านี้ก็มีอีกประเด็นผุดขึ้นมา โดยมีการวิเคราะห์กันว่า ปัจจุบันอุตสาหกรรมโรงงานเวียดนามได้มาถึงทางแยกสำคัญ

เพราะต้องเร่งคิดเร่งทำแล้วว่า จะพัฒนาภาคการผลิตทั้งในเรื่องทักษะฝีมือแรงงาน ความสร้างสรรค์ และเทคนิคต่าง ๆ  อย่างไร

ในส่วนแรงงานฝีมือและมีผู้ที่มีความรู้ความสามารถทางเทคนิคถือเป็นจุดอ่อนของเวียดนาม โดยตามข้อมูลขององค์การแรงงานสากลระบุว่า เวียดนามมีแรงงานกลุ่มนี้อยู่เพียง 10.7% ของสัดส่วนแรงงานทั้งประเทศ ถือว่าน้อยสุดใน 6 ประเทศใหญ่แถบ ASEAN

ซึ่งถ้าทำได้จะส่งผลดีในภาพรวมเพราะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้แบรนด์ใหญ่ ๆ และอาจเป็นฐานให้แบรนด์ในประเทศได้พัฒนาจนสามารถรุกตลาดโลกได้ เหมือนที่จีน เกาหลีใต้ และไต้หวันทำสำเร็จมาแล้ว

พร้อมกันนี้ข้อติดขัดอีกพอสมควรที่ต้องจัดการ เริ่มจากการสร้างถนนหนทาง โดยเวียดนามยังมีทางด่วนอยู่น้อยมาก คิดเป็นเพียง 5% เท่านั้นของถนนทั้งประเทศ

นอกจากนี้ เวลาในการสร้างโครงการต่าง ๆ ก็ใช้เวลาขออนุมัติจากทางการ 166 วัน มากกว่า 133 วันตามค่าเฉลี่ยของประเทศในแถบเอเชีย

เรื่องต่อมาที่ต้องเร่งแก้ไขคือการสร้างเครือข่าย Supply chain เพื่อลดเวลาขนส่งและความสะดวกในการผลิต แบบที่จีนทำสำเร็จและถือเป็นหนึ่งในจุดแข็ง

ข้อสุดท้ายที่เวียดนามต้องเร่งดำเนินการคือการเปิดเขตการค้าเสรีเพิ่มเติมให้มากกว่าในปัจจุบัน เพื่อลดข้อติดขัดและช่วยให้การส่งออกดำเนินไปอย่างราบรื่น พร้อมโน้มน้าวให้บริษัทต่างชาติหน้าใหม่ ๆ มาลงทุน

รัฐบาลเวียดนามต้องเร่งจัดการเรื่องเหล่านี้ เพราะถ้าช้าเวียดนามอาจพลาดโอกาสการเป็นโรงงานโลกแห่งใหม่ ในยุคที่บริษัทใหญ่เห็นตรงกันว่าต้องลดการพึ่งพาจีน

ประเทศที่แรงขึ้นมา คือ อินเดีย เพราะมีศักยภาพเหนือกว่าทั้งกำลังคนและงบประมาณในการแซงเวียดนาม ส่วนกัมพูชาก็อาจเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะค่าจ้างแรงงานยังถูกกว่าเวียดนาม/nikkei



ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ

.
Marketeer ฉบับดิจิทัล : อ่านบน Ookbee / อ่านบน meb
.
Marketeer ฉบับ PDF : https://marketeermagazine.com/
.
Marketeer ฉบับกระดาษ : สั่งซื้อทางไปรษณีย์ Inbox มาที่ เพจ Marketeer Online