ในปี 2565 ในการจัดอันดับเมืองร่ำรวย อ้างอิงจากบทความของ Entrepreneur นิตยสารและเว็บไซต์ของอเมริกา ที่นำเสนอข่าวเกี่ยวกับผู้ประกอบการและธุรกิจ ยอดผู้เข้าชมเว็บไซต์ 11.6 ล้านคนต่อเดือน ประกอบกับรายงานของ Henley & Partners สหรัฐอเมริกาครองตำแหน่งเมืองที่ร่ำรวยที่สุดในโลกไป 6 ตำแหน่งจาก 20 อันดับเมื่อวัดจากจำนวนเศรษฐี
เกณฑ์การคัดเลือกคำว่าเศรษฐีใช้เกณฑ์การคัดเลือกบุคคลที่มีทรัพย์สินที่สามารถลงทุนได้อย่างน้อย 1 ล้านดอลลาร์ ดูข้อมูลจากการเคลื่อนไหวและพฤติกรรมการใช้จ่าย ใน 150 เมืองทั่วโลก
แม้นิวยอร์กในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2565 จะสูญเสียสัดส่วนเศรษฐีในประเทศไป 12% แต่ยังคงรั้งตำแหน่งอันดับหนึ่งไว้ได้ ยุโรปรั้งอันดับสามด้วยจำนวน 5 เมือง
ผลการจัดอันดับนี้จะช่วยให้เห็นสถานะทางการเงินและเศรษฐกิจของเมืองที่ร่ำรวย ซึ่งมีเศรษฐีกระจุกตัวอยู่
● นิวยอร์ก
นิวยอร์กเป็นเมืองที่มั่งคั่งที่สุดในโลก มีจำนวนเศรษฐี 345,600 คน ซึ่งมีทรัพย์สินส่วนตัวรวมกันมากกว่า 3 ล้านล้านดอลลาร์
นิวยอร์กเป็นที่ตั้งของตลาดหุ้นที่ใหญ่ที่สุดสองแห่งของโลกตามมูลค่าตลาด (Dow Jones และ NASDAQ) ที่น่าสังเกตมากที่สุดคือความมั่งคั่งส่วนบุคคลทั้งหมดที่ชาวเมืองถือครองอยู่นั้นมีมูลค่าเกินกว่า 3 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าความมั่งคั่งส่วนตัวทั้งหมดที่ถือครองในประเทศ G20
อีกทั้งอสังหาริมทรัพย์ของเมืองนี้ยังเป็นที่ทราบกันดีว่ามีราคาสูงลิ่ว ราคาอพาร์ตเมนต์ระดับไพรม์อาจสูงถึง 28,000 ดอลลาร์ต่อตารางเมตร
● โตเกียว
เมืองจากเอเชีย ตามมาในอันดับสอง โตเกียวเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นและเป็นหนึ่งในเมืองที่สำคัญที่สุดในโลกสำหรับธุรกิจและการเงิน มีเศรษฐีอาศัยอยู่ถึง 304,900 คน รวมเศรษฐีเงินล้าน 263 คน และมหาเศรษฐีพันล้าน 12 คน โดยมีชนชั้นกลางและเศรษฐีระดับล่างเป็นผู้ควบคุมความมั่งคั่งส่วนใหญ่ของเมือง
เมืองเเห่งนี้เป็นที่ตั้งของตลาดหลักทรัพย์โตเกียว ซึ่งเป็นหนึ่งในตลาดหลักทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียเมื่อพิจารณาจากมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด โตเกียวยังเป็นศูนย์กลางการธนาคารและการประกันภัยที่สำคัญ และเป็นที่ตั้งของบริษัทใหญ่หลายแห่ง ได้แก่ Honda, Hitachi, Mitsubishi, Softbank และ Sony
● อ่าวซานฟรานซิสโก
ครอบคลุมเมืองซานฟรานซิสโกและซิลิคอนแวลลีย์ ที่เป็นมหาเศรษฐีด้านเทคโนโลยีจำนวนมาก มีเศรษฐีอาศัยอยู่ 276,400 คน ซานฟรานซิสโกยังเป็นเมืองที่มีรายได้ครัวเรือนเฉลี่ยสูงสุดในประเทศอีกด้วย เศรษฐีในประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา หากนับตามอัตราการเพิ่มขึ้นเฉลี่ย ซานฟรานซิสโกอาจกลายเป็นเมืองมั่งคั่งอันดับหนึ่งภายในปี พ.ศ. 2583
● ลอนดอน
ลอนดอนเป็นเมืองที่มั่งคั่งที่สุดในโลกมาหลายปีแล้ว เเละมักจะติดอันดับอยู่เสมอ ปัจจุบันมีเศรษฐี 272,400 คน เป็นที่รู้จักในด้านภาคการเงินและธุรกิจ
อย่างไรก็ตาม ลอนดอนมีเศรษฐีอพยพออกอย่างต่อเนื่องในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ไปยังเมืองสัญจรใกล้เคียง จากเหตุการเกิดอาชญากรรมที่บ่อยเกินไปในเมือง
● สิงคโปร์
สิงคโปร์เป็นที่ตั้งของเศรษฐี 249,800 คน เป็นเมืองมั่งคั่งอันดับสองของเอเชีย รองจากโตเกียว
มากกว่า 5% ของครัวเรือนสิงคโปร์มีสินทรัพย์ทางการเงินสุทธิอย่างน้อย 1 ล้านดอลลาร์ สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของประเทศและสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เอื้ออำนวย ดึงดูดบุคคลและครอบครัวที่ร่ำรวยจำนวนมากมายังประเทศ
นอกจากนั้น ประเทศมีเสถียรภาพทางการเมือง อัตราการเกิดอาชญากรรมต่ำ และมาตรฐานการครองชีพที่สูง เป็นปัจจัยที่ดึงดูดให้สิงคโปร์เป็นสถานที่อยู่อาศัยและทำงานอีกด้วย
เมื่อมองไปในอนาคต บริษัทและบุคคลที่มีรายได้สูงจะย้ายไปอยู่ในที่ที่พวกเขาคิดว่า จะมีคุณภาพชีวิตดีที่นั่น ประเทศที่ต้องการดึงดูดบุคคลเหล่านี้จึงต้องใช้นโยบายที่เป็นมิตรกับภาษี พร้อมกับปัจจัยอื่น ๆ เช่น คุณภาพชีวิต ความปลอดภัย การศึกษา และการเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวกที่บุคคลกลุ่มนี้ให้ความสำคัญ
ประเทศมั่งคั่ง ที่มีเศรษฐีอาศัยอยู่มากที่สุดของโลก
เมือง | ประเทศ | จำนวนเศรษฐี(คน) | Centimillionaire | Billionaire |
นิวยอร์ก | สหรัฐอเมริกา | 345,600 | 737 | 59 |
โตเกียว | ญี่ปุ่น | 304,900 | 263 | 12 |
ซานฟรานซิสโก | สหรัฐอเมริกา | 276,400 | 623 | 62 |
ลอนดอน | อังกฤษ | 272,400 | 406 | 38 |
สิงคโปร์ | สิงคโปร์ | 249,800 | 336 | 26 |
ลอสเเองเจลิส | สหรัฐอเมริกา | 192,400 | 393 | 34 |
ชิคาโก้ | สหรัฐอเมริกา | 160,100 | 340 | 28 |
ฮูสตัน | สหรัฐอเมริกา | 132,600 | 314 | 25 |
ปักกิ่ง | จีน | 131,500 | 363 | 44 |
เซี่ยงไฮ้ | จีน | 130,100 คน | 350 | 42 |
*Centimillionaireเศรษฐีที่มีทรัพย์สิน>100ล้านUSD
*Billionaireเศรษฐีที่มีทรัพย์สิน>1,000ล้านUSD
ข้อมูล: entrepreneur, bloomberg, henleyglobal, visualcapitalist
–
ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ