ไมเนอร์ โฮเทลส์ เร่งขยายพอร์ตธุรกิจแบรนด์ NH Hotel ลุยตลาดเอเชีย เเละตะวันออกกลาง พร้อมเปิดแบรนด์เอ็นเอชเพิ่มในไทย 2 โครงการ ช่วงปลายปี

หลังการเข้าซื้อกิจการ NH Hotel Group ในปี 2561 ด้วยมูลค่า 80,000 ล้านบาท ของ Minor International เพื่อขยายฐานลูกค้าในธุรกิจโรงเเรมสู่แถบยุโรปและอเมริกาใต้

แต่ในเวลาไม่กี่ปี ก็ต้องเผชิญกับการเเพร่ระบาดเชื้อ Covid-19 ธุรกิจโรงเเรมของไมเนอร์ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการปิดให้บริการมากกว่า 75% ของโรงเเรมในเครือทั้งหมด ทำให้ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) ซึ่งมีธุรกิจโรงเเรมเป็นพอร์ตหลัก ขาดทุนกว่า 21,407 ล้านบาท เป็นครั้งเเรกในรอบหลายสิบปีของบริษัท

เเต่เมื่อข้ามผ่านช่วงเวลาวิกฤตมาได้ เห็นสัญญาณการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว ไมเนอร์ โฮเทลส์เร่งสปีดเดินเกมขยายเเบรนด์โรงเเรมใหม่ NH Hotels ออกสู่ตลาด ลุยฟากฝั่งเอเชีย  ตะวันออกกลาง รวมถึงออสเตรเลีย รับดีมานด์นักท่องเที่ยวที่กำลังกลับมาทันที

มร. ดิลลิป ราชากาเรีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล เเละประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ไมเนอร์ โฮเทลส์ เปิดเผยว่า รายได้ของไมเนอร์ โฮเทลส์ ในปีที่ผ่านมา เติบโต 20%  พอร์ตรายได้สัดส่วนจากต่างประเทศอาจเพิ่มขึ้นอีก เนื่องจากการลุยเปิดเเละร่วมทุนกับบริษัทต่างชาติในปีนี้เพิ่มมากขึ้น ขณะที่สัดส่วนรายได้ตามกลุ่มธุรกิจ ปีที่ผ่านมา ไมเนอร์ โฮเทลส์อยู่ที่ 70-75% ของ Minor International

ด้านข้อมูลรายละเอียดของไมเนอร์ โฮเทลส์ (MH) เป็นผู้ดำเนินธุรกิจโรงแรมและเซอร์วิส ทั้งในรูปแบบที่เป็นเจ้าของเอง  บริหารจัดการ เเละร่วมลงทุน  มีโรงแรมในเครือทั้งหมด 530 แห่ง ใน 56 ประเทศ ทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ตะวันออกกลาง แอฟริกา คาบสมุทรอินเดีย ยุโรปและอเมริกา

ภายใต้เเบรนด์หลักที่สร้างรายได้สูงสุด ได้แก่ อนันตรา อวานี เเละ NH Hotels

ซึ่ง NH Hotels ที่ไมเนอร์เข้าซื้อกิจการมาล่าสุด เป็นธุรกิจโรงแรมขนาดใหญ่อันดับ 4 ในยุโรป มีโรงแรมในเครือประมาณ 325 แห่ง ในพื้นที่โซนยุโรปและอเมริกาใต้ การเข้าซื้อเอ็นเอชของไมเนอร์จึงเป็นการขยายฐานลูกค้าในแถบยุโรป

ก่อนจะนำเเบรนด์นี้เข้ามาเปิดในเอเชีย เริ่มที่ภูเก็ต เมื่อปลายปี 2565 ที่ผ่านมา “เอ็นเอช โบ๊ท ลากูน ภูเก็ต รีสอร์ท” เป็นการเปิดประตูสู่ตลาดเอเชียครั้งเเรก ตามมาด้วยเเผนการเปิดโรงเเรมเพิ่มอีก 10 แห่ง เพื่อขยายการเติบโตไปในเอเชียและตะวันออกกลาง (ไทย จีน กาตาร์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) ตลอดปี 2566-2567

สำหรับปี 2566 ในภาพรวมของ NH  แบ่งการเปิดเป็น 6 โรงเเรมใหม่ ภายใต้ NH Collection และอีก 2 แห่ง ภายใต้แบรนด์ NH  ขณะที่ 2567 มีเเบรนด์โรงเเรม NH และโรงเเรม NH Collection เปิดให้บริการอย่างละ 1 เเห่ง ซึ่งจะส่งให้กลุ่มไมเนอร์ โฮเทลส์ มีจำนวนห้องพักเพิ่มขึ้นอีก 2,643 ห้อง

ขณะที่ในยุโรและอเมริกา ยังคงเดินหน้าขยายแบรนด์อย่างต่อเนื่อง  รวมถึงมองการขยับแบรนด์ NH Collection, NH และ nhow ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ตะวันออกกลาง แอฟริกา และมหาสมุทรอินเดียเพิ่มเติมด้วย

มร. ดิลลิปกล่าวต่อว่า ในปี 2566 ภาคการท่องเที่ยวเริ่มกลับมา แต่ในปีที่ผ่านมาเริ่มเห็นตัวเลขรายได้ที่เป็นบวกตั้งเเต่ในไตรมาสสุดท้ายแล้ว  ซึ่งปีนี้คาดว่าจะกลับมาได้ 100% เท่ากับก่อนโควิด

ทั้งนี้ อัตราการเข้าพักโรงเเรมกลับมาอยู่ที่ 70%  อีกทั้งยอดการจองของนักท่องเที่ยวจีนเองก็เริ่มกลับมาอย่างมีนัยสำคัญ

ด้านการขยายพอร์ตธุรกิจแบรนด์ NH ในไทย เตรียมเปิดแบรนด์ NH Collection 2 โครงการ คือ เอ็นเอช คอลเลคชั่น ระยอง รีสอร์ท แอนด์ เรสซิเดนเซส และเอ็นเอช คอลเลคชั่น เชียงใหม่ ปิง ริเวอร์ ซึ่งจะเปิดให้บริการในไตรมาส 4

ขณะที่การขยายแบรนด์ NH ในกลุ่มเอเชีย เเละตะวันออกกลาง แบ่งเป็นการเปิดเเบรนด์ในจีน 5 แห่ง แยกเป็นโรงเเรม NH 3 แห่ง ได้แก่ โรงแรมเอ็นเอช เจิ้งโจว จินชุ่ย, เอ็นเอช เสิ่นหยาง ยูฮอง และเอ็นเอช กุ้ยหยาง ฮัวซี  ส่วน NH Collection 2 แห่ง ได้แก่ เอ็นเอช คอลเลคชั่น และ เอ็นเอช คอลเลคชั่น จางเจียเจีย รีสอร์ท

ด้านตะวันออกกลาง ในประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เป็น NH Collection รวม 3 แห่ง ได้แก่ โรงเเรม เอ็นเอช คอลเลคชั่น ดูไบ เดอะ ปาล์ม, โรงเเรม เอ็นเอช คอลเลคชั่น ลา สวีท โฮเทล ดูไบ  และเอ็นเอช คอลเลคชั่น โอเอซิส โดฮา

ซึ่งในปีนี้ มร. ดิลลิปมองสถานการณ์ว่า ไมเนอร์ โฮเทลส์ จะสามารถกลับมาเป็นบวกได้ตั้งเเต่ช่วงครึ่งปีแรก เนื่องมาจากการเติบโตในการลงทุนร่วม (JV) กับบริษัทใหญ่ในต่างประเทศ อีกทั้งการเปิดโรงเเรมเพิ่มอีกหลายเเห่ง มั่นใจว่าปีนี้รายได้จะกลับมาเทียบเท่าก่อนโควิดได้



อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ Website: Marketeeronline.co
Facebook: www.facebook.com/marketeeronline

ติดตาม Marketeer Online ทาง LINE Official


เพิ่มเพื่อน