Afternoon Tea กับ High Tea ต่างกันอย่างไร และทั้งคู่มาจากไหน ?

ชาเป็นหนึ่งในเครื่องดื่มที่มีประวัติความเป็นมายาวนานกว่า 2,000 ปี โดยสืบทอดมาจากวัฒนธรรมของประเทศจีน ก่อนเผยแพร่ไปยังที่ต่าง ๆ จนกลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมการดื่มชาในหลาย ๆ ชาติ

อย่างในประเทศอังกฤษก็ได้มีการชงชาแบบ Afternoon Tea ที่มีประวัติเป็นมามาอย่างยาวนาน จนถือได้ว่าเป็นประเพณีที่เป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์อังกฤษเลยทีเดียว

โดยจุดเริ่มต้นของAfternoon Teaเริ่มต้นขึ้นเมื่อแอนนา ดัชเชสแห่งเบดฟอร์ดที่ 7 ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของสมเด็จพระราชินีวิกตอเรียในสมัยนั้น ต้องการหาอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ รับประทานในช่วงบ่ายแก่ ๆ เพื่อแก้หิวจนกว่าจะได้เวลาอาหารเย็น ด้วยเหตุนี้Afternoon Teaจึงถือกำเนิดขึ้น

ก่อนอื่นมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับความเป็นมาของการดื่มชาในอังกฤษกันก่อนดีกว่า ซึ่งปฏิเสธไม่ได้เลยว่า การดื่มชาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของชาวอังกฤษจำนวนมาก โดยเริ่มแรกในช่วงศตวรรษที่ 19 แคทเธอรีนแห่งบราแกนซา สมเด็จพระราชินีในสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 2 แห่งอังกฤษ เป็นผู้นำประเพณีการดื่มชาเข้ามาในอังกฤษ

แคทเธอรีนแห่งบราแกนซา

เนื่องจากในสมัยนั้นอินเดียได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของอังกฤษ และเพื่อควบคุมการผลิตชาในอินเดีย จึงทำให้มีการเริ่มดื่มชาในอังกฤษ จนกลายเป็นที่นิยมและสอดแทรกอยู่ในชีวิตประจำวันของชาวอังกฤษเสมอมา

มารู้จักกับความเป็นมาของAfternoon Teaกันเถอะ

แม้ว่าประเพณีการดื่มชาจะมีมาตั้งแต่สมัยสหัสวรรษที่ 3 ก่อนคริสต์ศักราชในประเทศจีน ก่อนที่ชาจะได้รับความนิยมในอังกฤษในช่วงทศวรรษ 1660 โดยพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 2

แอนนา ดัชเชสแห่งเบดฟอร์ดที่ 7

ในตอนแรกในอังกฤษนิยมเพียงแค่การดื่มชาธรรมดา จนกระทั่งในปี 1840 ได้มีแนวคิดแบบAfternoon Teaปรากฏขึ้นเป็นครั้งแรก ซึ่งสิ่งนี้ได้รับคำแนะนำโดยแอนนา ดัชเชสแห่งเบดฟอร์ดที่ 7

เนื่องจากในสมัยนั้นมีธรรมเนียมการรับประทานเย็นประมาณ 2 ทุ่ม ทำให้ดัชเชสมักจะหิวประมาณช่วงบ่ายเป็นประจำ ด้วยช่วงเวลาระหว่างมื้อกลางวันและมื้อค่ำค่อนข้างห่างกันเป็นเวลานาน บวกกับดัชเชสเป็นคนชอบดื่มชาอย่างมาก

ดังนั้น ดัชเชสมักจะขอถาดชา ขนมปัง เนย และเค้กมารับประทานที่ห้องของเธอในช่วงเวลาบ่ายแก่ ๆ ซึ่งสิ่งนี้ได้กลายเป็นกิจวัตรประจำวันของเธอ จากนั้นดัชเชสจึงเริ่มชวนเพื่อน ๆ มาร่วมรับประทานของว่างนี้ด้วยกัน

โดยAfternoon Teaในสมัยก่อนมักจะประกอบด้วยแซนด์วิชแสนอร่อยที่คัดสรรมาอย่างดี คุกกี้เสิร์ฟพร้อมครีมและแยม เค้ก และขนมอบต่าง ๆ รับประทานคู่กับชารสเลิศ

หลังจากนั้นAfternoon Teaก็ได้รับความนิยมมากขึ้น และเป็นที่ชื่นชอบของสังคมชนชั้นสูง จนในที่สุดAfternoon Teaก็กลายเป็นหนึ่งในกิจกรรมทางสังคมที่กลุ่มผู้หญิงชนชั้นสูงมักจะเข้าร่วมเพื่อจิบน้ำชายามบ่ายนั่นเอง

ต่อมาในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ชาเริ่มมีการปรับราคาลง ทำให้ราคาไม่แพงมาก ชนชั้นกลางของชาวอังกฤษจึงสามารถเพลิดเพลินกับAfternoon Teaได้เช่นเดียวกัน หลังจากนั้นAfternoon Teaจึงได้แพร่หลายและเป็นที่นิยมไปทั่วอังกฤษหรือแม้แต่ต่างประเทศ

ขนมใน Afternoon Tea เปลี่ยนไปมากแค่ไหน

เริ่มแรกขนมในAfternoon Teaมีแค่เค้ก คุกกี้ และขนมทั่วไปเท่านั้น แต่ตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 20 สโคนได้ถูกเพิ่มเข้ามา โดยเริ่มจากนักเดินทางคนหนึ่งที่ได้นำสโคนกลับมาจากสกอตแลนด์

scone

หลังจากนั้นสโคนก็ได้เป็นที่แพร่หลายในอังกฤษตั้งแต่นั้นมา สโคนก็ได้เป็นที่นิยมจนได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในขนมที่มักจะรับประทานในช่วงAfternoon Tea

นอกจากสโคนที่ถูกเพิ่มเข้ามาแล้ว ยังมีการเพิ่มขนมใหม่  ๆ เข้ามา ซึ่งขึ้นอยู่กับสถานที่นั้น ๆ อย่างแชมเปญหรือคานาเป้ รวมไปถึงการตกแต่งเซตAfternoon Teaที่ทันสมัยและสวยงามมากขึ้น

ปัจจุบันAfternoon Teaถือว่าเป็นมื้อพิเศษที่ถูกจัดขึ้นในโอกาสต่าง ๆ และยังสามารถใช้เป็นของขวัญวันเกิดหรือวันครบรอบต่าง ๆ ได้อีกด้วย

แล้วอะไรคือความแตกต่างระหว่าง High Tea และAfternoon Tea

แม้ว่าทั้ง High Tea และAfternoon Teaจะมีความคล้ายกัน แต่ทั้ง 2 อย่างนี้มีความแตกต่างกันอยู่ โดยเป็นที่รู้กันว่าAfternoon Teaเป็นประเพณีดื่มชาของอังกฤษที่เกิดขึ้นเพื่อเติมเต็มช่องว่างระหว่างมื้อกลางวันและมื้อค่ำ และเป็นหนึ่งในกิจกรรมของสังคมชนชั้นสูงในสมัยก่อน

แต่ High Tea คือกิจกรรมการนั่งดื่มชาที่เป็นที่นิยมในช่วงหลังเลิกงานตั้งเวลา 17.00 น. เป็นต้นไป ซึ่ง High Tea ถือได้ว่าเป็นมื้ออาหารของชนชั้นแรงงาน โดยชาที่นำมาเสิร์ฟจะถูกวางบนโต๊ะ พร้อมด้วยอาหารเย็นร้อน ๆ ส่วนที่ชื่อว่า High Tea นั้นมาจากการที่ผู้คนนิยมเสิร์ฟชาบนโต๊ะสูง ๆ ของโต๊ะอาหารที่แตกต่างจากโต๊ะน้ำชานั่นเอง

ปัจจุบัน

Afternoon Tea เป็นที่นิยมไปทั่วโลก ด้วยความที่ชาและขนมสามารถรับประทานได้ง่ายในช่วงระหว่างมื้อ จนทำให้ผู้คนทั่วไปสามารถหารับประทาน Afternoon Tea ได้ตามร้านอาหารหรูหรือห้องอาหารในโรงแรมทั่วไปได้อย่างง่ายดาย

สิ่งนี้ทำให้ตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 อังกฤษเป็นหนึ่งในผู้บริโภคชารายใหญ่ที่สุดของโลก และชาได้กลายเป็นเครื่องดื่มทั่วไปในอังกฤษ ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในเอกลักษณ์ของวัฒนธรรมและสังคมอังกฤษนั่นเอง

ที่มา:

https://www.historic-uk.com/CultureUK/Afternoon-Tea/https://www.aimeeprovence.com.au/the-history-of-afternoon-teahttps://www.britishmuseum.org/blog/tea-rific-history-victorian-afternoon-teahttps://www.arabellareeve.co.uk/history-of-afternoon-tea/https://b-bakery.com/london/blog/difference-between-high-tea-and-afternoon-teahttps://theteacupoflife.com/2019/04/high-tea-afternoon-tea-difference.htmlhttps://www.tea.co.uk/history-of-teahttps://www.dorchestercollection.com/en/moments/the-great-british-tradition-of-afternoon-tea/https://www.afternoontea.co.uk/information/history-of-afternoon-tea/https://time.com/4640082/teatime-history/https://swanlondon.co.uk/brief-history-of-afternoon-tea/https://whatscookingamerica.net/history/highteahistory.htmhttps://www.bostonteapartyship.com/tea-blog/catherine-the-first-british-tea-drinking-queenhttps://en.wikipedia.org/wiki/Tea_in_the_United_Kingdom

อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ 
Website : Marketeeronline.co / Facebook : www.facebook.com/marketeeronline



ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ

.
Marketeer ฉบับดิจิทัล : อ่านบน Ookbee / อ่านบน meb
.
Marketeer ฉบับ PDF : https://marketeermagazine.com/
.
Marketeer ฉบับกระดาษ : สั่งซื้อทางไปรษณีย์ Inbox มาที่ เพจ Marketeer Online