ประเด็นเรื่องทรัพยากรธรรมชาติทำให้นอร์เวย์ถูกจับตามองอีกครั้ง โดยคราวนี้เป็นการค้นพบทางทะเลที่ยักษ์เล็กพลังงานยุโรปสามารถนำไปต่อยอดทำเงินได้มหาศาล

คณะกรรมาธิการด้านปิโตรเลียมของนอร์เวย์ (NPD) เผยว่าจากผลการศึกษาและสำรวจพบว่า มีแร่มากมายอยู่ใต้ทะเลนอร์เวย์และกรีนแลนด์ เช่น ทองแดง แมกนีเซียม โลหะ และแร่หายากต่าง ๆ รวมไปถึงแร่ที่ใช้ในอุตสาหกรรมพลังงานสะอาดและการผลิตรถ EV


ในจำนวนนี้ทองแดงมีมากถึง 38 ล้านตัน มากเป็น 2 เท่าจากที่พบอยู่ทั่วโลกในแต่ละปี ขณะที่นีโอไดเมียม และดีสโปรเซียม ก็มีนัยสำคัญ เพราะใช้ในทั้งการผลิตกังหันลม และรถ EV


อย่างไรก็ตาม ยังต้องได้รับการอนุมัติจากรัฐสภาและผ่านการศึกษาจากคณะกรรมาธิการด้านสิ่งแวดล้อมเสียก่อนว่า หากขุดและเดินหน้าทำเหมืองใต้ทะเลจะส่งผลต่อระบบนิเวศ หรือสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์ใหม่ที่อาจยังไม่เคยค้นพบหรือไม่ และมากน้อยแค่ไหน

ประกอบกับยังต้องรอให้กฎระเบียบจากหน่วยงานสหประชาชาติออกมาด้วย เพราะหากเดินหน้าสำรวจ สกัดและทำเหมืองแล้วเกิดความเสียหายต่อธรรมชาติ ความเสียหายนั้นจะไม่สามารถเรียกคืนกลับมาได้นั่นเอง


เรื่องนี้น่าจับตามองใน 3 ประเด็น โดยประเด็นแรกคือแม้ นอร์เวย์เป็นประเทศเล็กที่ไม่ใช่สมาชิกกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (OPEC) แต่ก็มีน้ำมันอยู่พอสมควร และปัจจุบันทวีความสำคัญขึ้นมา

กลายเป็นแหล่งน้ำมันให้เพื่อนบ้านในยุโรป หลังรัสเซียตัดการส่งน้ำมันไปยังยุโรป เพื่อตอบโต้ที่ฝ่ายหลังช่วยเหลือยูเครน


สถานการณ์นี้ทำให้ปี 2022 นอร์เวย์ ขายน้ำมันและก๊าซให้ สหภาพยุโรป (EU) ที่นอร์เวย์เองไม่ได้เป็นสมาชิก เพิ่มขึ้นเป็น 90,000 ล้านยูโร (ราว 3.2 ล้านล้านบาท) และ EU ต้องพึ่งพานอร์เวย์ด้านพลังงานมากขึ้น

แต่สถานการณ์นี้ก็ทำให้นอร์เวย์ถูกมองว่า เป็นทั้งพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วย EU และจอมฉวยโอกาสที่ทำเงินจากวิกฤตพลังงาน


ประเด็นที่ 2 และ 3 เกี่ยวเนื่องกัน เพราะถ้าได้ไฟเขียวขุดแร่ทะเลล็อตใหญ่ขึ้นมา แน่นอนว่า นอร์เวย์คงสามารถทำเงินได้อีกมหาศาลจากทรัพยากรธรรมชาติใต้ทะเล แบบเดียวกับที่เป็นประเทศมั่งคั่งจากก๊าซธรรมชาติและน้ำมันอยู่แล้ว

ขณะเดียวกันยังเป็นการพบแร่หายากที่จำเป็นต่ออุตสาหกรรมพลังงานและการผลิตรถ EV หลังสวีเดนก็พบเช่นกัน ในยุคที่ประเทศตะวันตกทั้งยุโรปและสหรัฐฯ ต่างกำลังตื่นตัวสำรวจหาแหล่งแร่เพื่อลดการพึ่งพาจีน


ทว่าคงต้องติดตามเรื่องนี้กันในระยะยาว ๆ เพราะล่าสุดจีนก็เพิ่งได้ไฟเขียวทำเหมืองลิเทียมแร่หลักในการผลิตแบตเตอรี่รถ EV อยู่มากสุดในโลก ที่โบลิเวีย หลังชนะประมูลไปด้วยเงินก้อนใหญ่ แซงหน้าบริษัทจากประเทศอื่น ๆ ทั้งสหรัฐฯ และรัสเซีย

ดังนั้นต่อไปในอนาคต แร่หายากต่าง ๆ ที่จำเป็นต่ออุตสาหกรรมพลังงานและการผลิตรถ EV จะทวีความสำคัญ และกลายเป็นประเด็นขึ้นมาอีกไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ไม่ต่างจากที่น้ำมันเคยเป็นมาอย่างยาวนาน/cnn



อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ Website: Marketeeronline.co
Facebook: www.facebook.com/marketeeronline

ติดตาม Marketeer Online ทาง LINE Official


เพิ่มเพื่อน