การขยายตัวอย่างต่อเนื่องของตลาดเกมออนไลน์ที่เรียกรวม Gaming จนเมื่อปี 2022 มูลค่าตลาดทั่วโลกเพิ่มเป็น 184,400 ล้านดอลลาร์ (ราว 6.2 ล้านล้านบาท)
และจะเพิ่มขึ้นอีกเป็น 215,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 7.2 ล้านล้านบาท) โดยมีการจัดแข่งขัน E-sport เป็นปัจจัยกระตุ้นตลาด ทำให้ Gaming กลายเป็นธุรกิจเนื้อหอมที่บริษัทต่าง ๆ ทั้งในและนอกวงการต่างอยากเข้ามาทำเงิน โดยในจำนวนนี้มีค่ายเกมญี่ปุ่นเจ้าของโลโก้คุ้นตาคนที่โตมาในยุค 90 รวมอยู่ด้วย
Capcom เตรียมวางจำหน่าย Street Fighter 6 ช่วงกลางปีนี้ เรื่องนี้น่าสนใจในหลายประเด็น เพราะนอกจากย้ำการเติบโตของตลาด Gaming และความพยายามทุกวิถีทางของ Capcom ในการผลักดันเกมสร้างชื่อแล้ว
เกมนี้โดยเฉพาะภาคสองคือเกมที่ดังมาก ถึงขนาดถูกนำไปสร้างหนัง และเป็นต้นแบบของเกมต่อสู้มากมาย ทั้งแบบเกมตู้และคอนโซล โดยอย่างหลังแม้ทำเด็กยุค 90 หลายคนต้องนิ้วถลอกและเสื้อเกือบขาด แต่ก็ถือเป็นสีสันและความทรงจำดี ๆ ที่ยิ้มได้ทุกครั้งเมื่อนึกถึง
Street Fighter เป็นเกมต่อสู้ที่ผลิตโดย Capcom. ภาคแรกออกมาปี 1987 ต่อยอดมาจากเกม Kang-Fu Master 3 ปีก่อนหน้านั้น โดยชื่อเกมมาจาก The Street Fighter หนังแอ็กชั่นเรื่องดังในปี 1974 นำแสดงโดย Sonny Chiba
ขณะที่เนื้อเรื่องซึ่งเป็นการต่อสู้แบบเลื่อนขั้นขึ้นไปเพื่อจัดการบอสใหญ่เก่งสุด ได้แรงบันดาลใจมาจาก Enter the Dragon หนังกังฟูเรื่องดังนำแสดงโดย Bruce Lee ในปี 1973
ส่วนพลัง Hadoken มีต้นแบบมาจากลำแสงเมื่อยิงปืนใหญ่ของยานอวกาศ Space Battleship Yamamoto การ์ตูนท่องอวกาศเรื่องดังของ Leiji Matsumoto
แม้ภาคแรกไม่ประสบความสำเร็จแต่ Capcom ก็ไม่ท้อ โดยปี 1991 ได้มีการทำภาคสองออกมาในชื่อ Street Fighter II โดยคราวนี้กลายเป็นความสำเร็จระดับปรากฏการณ์ จนมีการทำหนังออกมาในปี 1994
Street Fighter II กลายเป็นเกมตู้ยอดฮิตที่ทุกห้างต้องมี และยังมีเกมในแบบคอนโซลตามออกมาให้คอเกมได้เล่นกันตามร้านเกม โดยจากการออกแบบให้ต้องกดหลายๆ ปุ่มในเวลาไล่เลี่ยกันเพื่อปล่อยท่าไม้ตาย ทำให้ผู้เล่นต้องใช้ความพยายาม
และเมื่อเล่นนาน ๆ เข้านิ้วก็ถลอกจนต้องเอาเสื้อมาคลุมมือไว้ ทว่านี่กลายเป็นทั้งเสน่ห์ของการเล่นเกมและต้นแบบให้เกมต่อสู้อีกมากมายตลอดยุค 90
ความสำเร็จของ Street Fighter II เกิดขึ้นในยุคทองของเกมตู้ โดยเกมตู้ขายได้มากถึง 200,000 เครื่อง ตลับเกมขายได้มากถึง 15 ล้านแผ่น โดยเฉพาะเกมนี้กับรวมเวอร์ชั่นต่าง ๆ ทำยอดขายได้มากถึง 10,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 3 แสนล้านบาท)
อย่างไรก็ตาม ทั้งเทคโนโลยีเกมพัฒนาขึ้น และรูปแบบเล่นเกมเปลี่ยนไป ทำให้ภาคต่อ ๆ มาแม้ยอดขายดีแต่ก็ไม่สามารถสร้างปรากฏการณ์ได้เหมือนภาค 2
มิถุนายนปีนี้ Capcom. จะปล่อย Street Fighter ภาค 6 ในหลายแพลตฟอร์ม ทั้งคอนโซลในเครื่องเกม PlayStation กับ Xbox และเกมตู้ ซึ่งมีตัวละครทั้งใหม่-เก่า รวมไปถึง Ryu, Ken, Guild, Chun-Li Blanka และ E.Honda ที่คอเกมยังจำกันได้จากภาคสองอีกด้วย
ความน่าสนใจของภาคนี้คือ มีผู้เล่นสามารถเลือกได้ว่าจะใช้โหมด Classic ต้องกดหลายปุ่มแบบภาคสองเพื่อปล่อยท่าไม้ตาย หรือโหมด Modern กับ Dynamics ที่กดปุ่มน้อยกว่า
นอกจากนี้ ยังมีรูปแบบการเล่น 3 แบบคือ Fighting Ground, World Tour และ Battle Hub ซึ่งหมายความว่าทาง Capcom ต้องการเอาใจคอเกมรุ่นเก่าที่โตกับภาคแรกๆ
และอยากสัมผัสการเล่นแบบยุคเกมตู้แม้เป็นแค่ในโลกเสมือน ขณะเดียวกันก็หวังตรึงคอเกมรุ่นใหม่ให้เล่นต่อไปได้เรื่อย ๆ โดยที่ไม่ต้องใช้ความพยายามมากจนเกินไป
จากนี้ต้องจับตาและมาลุ้นกันว่า Street Fighter ภาค 6 จะกลับมาปล่อยพลังและประสบความสำเร็จจนสร้างปรากฏการณ์ไว้มากมายได้เหมือนภาคสองหรือไม่ โดยหากไปได้สวย คอเกมก็จะได้ประชันฝีมือในเกมนี้กันต่อไปเรื่อย ๆ
แต่ถ้ากระแสตอบรับไม่ดี Street Fighter ก็อาจจบลงตรงที่ภาค 6 เพราะผู้บริหารของ Capcom ยอมรับว่าตลาด Gaming เปลี่ยนไปมากเหลือเกินจากยุค 90 จนเกมต่อสู้เสื่อมความนิยม
ขณะที่กูรูในวงการ Gaming ก็มองว่า Street Fighter กลายเป็นเกมพลังหมด เพราะปัจจุบันคอเกมมีเกมให้เลือกเล่นมากมาย และตลาดเกมต่อสู้หดตัวลงอย่างชัดเจน/nikkei, wikipedia
–
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ Website: Marketeeronline.co
Facebook: www.facebook.com/marketeeronline



