เเรงงานต่างชาติในไทยมีชาวเมียนมาในสัดส่วนเกินครึ่ง อยู่ในภาคโรงงานอุตสาหกรรมมากเป็นอันดับหนึ่ง เข้าไทยมาสร้างตัว ทำงานเก็บออม ปีหนึ่งสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้ไทยเป็นล้านล้านบาท
Media Intelligence Group (MI GROUP) เผยผลการสำรวจจากการร่วมมือระหว่าง MI BRIDGE กับ MI Learn Lab นำเสนอวิจัยเจาะลึกข้อมูลกลุ่มแรงงานชาวเมียนมา ตั้งเเต่อายุสิบห้าปีขึ้นไป ในเขตกรุงเทพฯ เเละจังหวัดโดยรอบ ผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งจะเป็นโอกาสทองของธุรกิจไทย ในการเรียนรู้ จุดมุ่งหมาย พฤติกรรมการใช้ชีวิต สิ่งอุปโภคบริโภค เป็นประโยชน์ต่อการวางเเผนกลยุทธ์ จับทิศทางตลาด
ภวัต เรืองเดชวรชัย ประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท มีเดีย อินเทลลิเจนซ์ จํากัด หรือ MI GROUP กล่าวว่า MI GROUP และ MI Learn Lab ได้นำเสนอข้อมูลของกลุ่มแรงงานชาวเมียนมาที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจมหาศาล สร้างโอกาสทางธุรกิจให้แก่สินค้าอุปโภคบริโภคและการบริการด้านการเงิน โดยข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้สามารถนำไปปรับใช้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การตลาด หรือ การพัฒนาสินค้า-การให้บริการเพื่อรองรับกลุ่มเป้าหมายดังกล่าว เพื่อสร้างการเติบโตให้กับแบรนด์ได้มากยิ่งขึ้น
จากผลการสำรวจ เผยว่า กระทรวงเเรงงานได้มีการคาดการณ์ว่าจำนวนแรงงานเมียนมามีจำนวนสูงถึง 10.2 ล้านคน (รวมแรงงานผิดกฎหมาย) แต่แรงงานที่ลงทะเบียนมีเพียง 1.8 ล้านคน คิดเป็นสัดส่วน 67% ของเเรงงานต่างชาติที่ลงทะเบียนทั้งหมด ซึ่งจำนวนคาดการณ์เป็นจำนวนที่ใกล้เคียงกับประชากร Gen Z ของไทยที่อยู่ราว 13.2 ล้านคน
ซึ่งในจำนวนแรงงานที่กล่าวมาเป็นกลุ่ม Blue Collar กว่า 99% ต้องใช้เวลามากกว่าสามปีขึ้นไปในการเรียนรู้ที่จะสื่อสารเป็นภาษาไทยอย่างคล่องเเคล่ว ขณะที่ White Collar อยู่ที่ 1% เท่านั้น อย่างไรก็ดี การเข้ามาลงทุนในไทยของนักลงทุนชาวเมียนมากลุ่มผู้มีรายได้สูง เเนวโน้มของกลุ่ม White Collar อาจขยายตัวมากขึ้นในอนาคต
ด้วยสถานการณ์ทางการเมืองที่อาจไม่เอื้ออำนวยต่อระบบเศรษฐกิจ ส่งผลโดยตรงต่อภาคแรงงาน ทางรอดของการจะสร้างฐานะท่ามกลางความไม่มั่นคง เป็นเหตุให้เกิดการย้ายถิ่นฐาน ภาคเเรงงานเมียนมาหลั่งไหลไปทำงานต่างแดน นอกจากไทยยังมีมาเลเซีย สิงคโปร์ เกาหลีใต้ ญี่ปุ่นอีกจำนวนหนึ่ง
ซึ่งแรงงานที่เข้ามาในไทย 88% ก่อนเข้ามาไทย ประสบกับปัญหาทางการเงินที่ไม่พอเลี้ยงปากท้องทั้งครอบครัว จึงปรารถนาที่จะมีชีวิตที่ดีขึ้น ด้วยการมุ่งหารายได้เป็นสำคัญ เนื่องจากการเข้ามาทำงานในไทย ช่วยสร้างรายได้ถึง 10,000 – 15,000 บาทต่อเดือน มากกว่า 3 – 15 เท่า ของเงินเดือนในประเทศเมียนมา
โดยเริ่มเดินทางเข้ามาค้าเเรงตั้งเเต่อายุ 15 ปี เเต่กลุ่มอายุที่เป็นสัดส่วนใหญ่คือ 25-34 ปี เป็นเพศชายเสียส่วนใหญ่
ตลาดเเรงงานชาวเมียนมาในไทยคิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจให้ไทยได้ 828,000 ล้านบาท – 1,242,000 ล้านบาทต่อปี
แรงงานชาวเมียนมาที่อยู่ในประเทศไทยสามารถแบ่งช่วงชีวิตออกได้เป็น 3 กลุ่มหลัก ภายใต้กรอบการวิจัย ได้แก่ ‘ช่วงตั้งหลัก’ ที่เพิ่งเริ่มต้นชีวิตในประเทศไทย ‘ช่วงตั้งตัว’ ที่ทำงานและใช้ชีวิตได้ระยะหนึ่งแล้ว และกลุ่มสุดท้าย ‘ช่วงตั้งใจ’ ที่เน้นการติดต่อครอบครัวและเตรียมตัวกลับประเทศเมียนมา
ทั้งนี้ กลุ่มแรงงานที่วางเป้าหมายในการหารายได้ชัดเจน ส่วนใหญ่จะกำหนดระยะเวลาทำงานในไทย 3 – 5 ปี เพื่อนำเงินกลับไปตั้งตัว ปลูกบ้าน ซื้อรถ หรือเริ่มต้นกิจการ แล้วกลับไปใช้ชีวิตยังประเทศของตน ขณะที่ครึ่งหนึ่งของกลุ่มสำรวจไม่ได้กำหนดระยะเวลาที่ตายตัว โฟกัสที่จำนวนเงินที่ต้องการเก็บให้ครบเป็นสำคัญ
จึงทำให้แรงงานชาวเมียนมาต้องทำงานล่วงเวลามากกว่า 10 ชั่วโมงต่อวัน และอย่างน้อย 6 วันต่อสัปดาห์ เพื่อหาเงินให้ได้มากที่สุด
เพื่อเก็บเงินให้ได้ตามเป้าหมาย แรงงานชาวเมียนมาออมเงินถึง 44% ของรายรับ เเล้วแบ่งเงินส่งกลับบ้านประมาณ 2 ใน 3 เพื่อให้ครอบครัวที่เมียนมามีเงินใช้และมีเงินออม เหลือเงินเก็บที่ตัวเองเพียง 1 ใน 3
ในด้านค่าใช้จ่าย แรงงานชาวเมียนมาควบคุมรายจ่าย 56% จากรายได้ทั้งหมด ใช้ไปกับค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน (37%) ค่าที่อยู่อาศัย (16%) ค่าโทรศัพท์ (3% ไม่มากเพราะส่วนใหญ่ใช้อินเทอร์เน็ต)
จากพฤติกรรมการใช้เงิน เมื่อเชื่อมโยงกับมิติการบริโภคสื่อของแรงงานชาวเมียนมา ที่เน้นการใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านมือถือ เพื่อติดตามละคร ภาพยนตร์ และรายการต่าง ๆ (97%) ดูข่าวและอ่านข่าวสารบ้านเมือง (87%) ฟังวิทยุและฟังเพลง (48%)
ข้อมูลส่วนหนึ่งที่น่าสนใจพบว่า 74% ของกลุ่มตัวอย่างใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ ในการซื้อของ มี Lazada เป็นช่องทางอันดับหนึ่ง ตามมาด้วย Facebook, Shopee และ TikTok ตามลำดับ
แรงงานเมียนมาในไทย ทำงานเกิน 10 ชม. ออมครึ่งต่อครึ่ง เน้นส่งเงินกลับบ้าน
| แรงงานเมียนมาในไทย 10.2 ล้านคน (รวมแรงงานผิดกฎหมาย) แต่แรงงานที่ลงทะเบียนถูกต้องมีเพียง 1.8 ล้านคน | ||
| คิดเป็น 67% ของเเรงงานต่างชาติที่ลงทะเบียนทั้งหมด | ||
| เริ่มเข้ามาค้าเเรงตั้งเเต่อายุ 15 ปี | ||
| สัดส่วนเพศ | หญิง 26% | ชาย74% |
| อยู่ในภาคอุตสาหกรรมในไทย | พนักงานโรงงาน | 39% |
| ก่อสร้าง | 18% | |
| พนักงานขาย | 15% | |
| ภาคการเกษตร | 11% | |
| รับจ้างทั่วไป | 9% | |
| ตลาดเเรงงานชาวเมียนมาในไทย มูลค่าทางเศรษฐกิจให้ไทย 1.24 ล้านบาทต่อปี | ||
| หมุดหมายของแรงงานเมียนมา | 1. ไทย
2. มาเลเซีย 3. สิงคโปร์ 4. เกาหลีใต้ 5. ญี่ปุ่น |
|
| 88% ของแรงงานเมียนมา ก่อนเข้ามาไทย ประสบกับปัญหาทางการเงินที่ไม่พอเลี้ยงปากท้องทั้งครอบครัว | ||
| 88% ปรารถนาที่จะมีชีวิตที่ดีขึ้น ด้วยการมุ่งหารายได้ | ||
| รายได้เฉลี่ยต่อเดือน | 10,000-15,000 บ. | มากกว่าที่ได้ตอนอยู่เมียนมาถึง 15 เท่า |
| ทำงานล่วงเวลามากกว่า 10 ชั่วโมงต่อวัน และอย่างน้อย 6 วันต่อสัปดาห์ | ||
| ระยะเวลาทำงานในไทย 3 – 5 ปี | นำเงินกลับไปปลูกบ้าน ซื้อรถ เเละเริ่มต้นกิจการที่บ้านเกิด(ส่วนใหญ่ค้าขาย เปิดร้านอาหาร) | |
| สัดส่วนการใช้จ่าย | 56% ใช้จ่ายทั่วไป | |
| 28% ส่งกลับบ้าน | เก็บเงิน 44% ของรายได้ | |
| 16% เหลือเก็บไว้ให้ตนเอง | ||
| พฤติกรรมการบริโภคสื่อ
(เน้นการใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านมือถือ) |
97% | เพื่อติดตามละคร ภาพยนตร์ และรายการต่าง ๆ |
| 87%
|
ดูข่าวและอ่านข่าวสารบ้านเมือง | |
| 74% | ซื้อของออนไลน์ | |
| 48% | ฟังวิทยุและฟังเพลง | |
| โซเชียลมีเดียที่ใช้งานมากที่สุด | 98% | |
| 54% | YouTube | |
| 40% | TikTok | |
นอกจากนี้ กลุ่มตัวอย่างมีความสามารถในการเข้าถึง Mobile Banking ชี้ให้เห็นโอกาสทางภาคธุรกิจการเงินที่สามารถพัฒนาหรือต่อยอดการบริการเพื่อรองรับกลุ่มที่มีโอกาสเป็นลูกค้านี้ได้
วิชิต คุณคงคาพันธ์ Head of International Business Development, MI GROUP แบรนด์ไทยในสายตาคนเมียนมา สามารถเปรียบเทียบให้เห็นภาพได้ชัดเจน เหมือนการให้การยอมรับแบรนด์ญี่ปุ่นของคนไทย การจะทำตลาดเจาะกลุ่มชาวเมียนมาในไทย เเบรนด์จำเป็นต้องสร้างคอมมูนิตี้ขึ้นมา เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงได้ง่าย เเละรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของเเบรนด์ เนื่องจากชาวเมียนมาชอบการอยู่กันเป็นสังคมเดียว แบรนด์จึงมีโอกาสจะประสบความสำเร็จมากกว่าหากทำตัวกลมกลืนกับลูกค้า เริ่มตั้งเเต่การใช้ภาษาเมียนมา เลือกโลเคชันที่เป็นชุมชนของคนเมียนมาโดยตรง เป็นต้น
–


